แอน-สิเรียม รักเหมือนต้อง คำสาป

มีอันต้องปิดฉากชีวิตคู่ครั้งที่ 2 ไปหมาด ๆ กับการเปิดประตูต้อนรับคำว่า “ม่ายสาว” อีกรอบ

จนทั้งตัวเองและคนรอบข้างอดคิดไม่ได้ว่า “ชีวิตรัก” ของเธอผู้นี้ต้อง “คำสาป” ซะแล้วหรือ สำหรับนักแสดงและพิธีกรสาว แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ซึ่งกล้าประกาศแยกทางกับอดีตสามีหนุ่มเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง ราจิต แสงชูโต แบบเต็มปากเต็มคำ ไม่ยอมสร้างภาพอีกต่อไป ภายหลังพยายามปรับตัวเข้าหากันมานาน
  
เรียกว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมาเยอะ และก็ยังแสดงความเข้มแข็ง รับหน้าที่แม่ที่ดีของลูกสาวคนเดียว น้องนนนี่-นนลนีย์ ภักดีดำรงฤทธิ์ ต่อไป

   
บทเรียนชีวิตคู่ครั้งนี้ก็ได้ผ่านไปอีกหนึ่งบท... ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว   “ดาวต่างมุม” เลยรีบคว้าตัวม่ายสาวพราวเสน่ห์ แอน-สิเรียม มาเปิดใจทุกเรื่องราวในชีวิต ทุกแง่มุมชีวิต ทุกความรู้สึกของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ ปัจจัยหลัก ๆ ที่เธอยอมเปิดใจตั้งแต่ต้น คือ ทิศทางการดำเนินชีวิตไม่ตรงกัน แล้วที่บอกไม่ตรงกันน่ะ รายละเอียดลึก ๆ เป็นอย่างไร ก็มายิงตรงเข้าคำถามแรกกันเลย



ย้อนถึงคำว่าทิศทางการดำเนินชีวิตไม่เหมือนกันคืออย่างไร?
   
“ความคิดที่ต่างกัน แล้วทิศทางในการดำเนินชีวิตไม่ได้ไปในเส้นทางเดียวกัน แอนคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะ แต่มองว่าคนเราสามารถคิดแตกต่างกันได้ ซึ่งตัวเองก็พยายามปรับตัวเข้าหากันมาได้สักพักแล้ว เป็นปีแล้วนะ วิธีคิดไม่เหมือนกัน อยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า ความรักเกิดขึ้นจากความรัก แต่ความรักต้องพัฒนามาเป็นความเข้าใจด้วย เหมือนที่เราจะอยู่ร่วมกัน ในการจะใช้ชีวิตครอบครัว มันไม่ใช่ความรักแบบเด็ก ๆ”

แล้วที่คนมองว่าอดีตสามีมีโลกส่วนตัวล่ะ?
   
“จุดนี้แอนไม่อยากโทษใคร ต่างคนเราก็ต่างเลือกกันเอง เลือกซึ่งกันและกัน ในเมื่อเราเลือกกันแล้ว แต่ไม่สามารถประคับประคองชีวิตคู่ให้ผ่านไปได้ ก็ต้องยอมรับความผิดของตัวเราเองค่ะ” 

แยกทางครั้งนี้เฮิร์ตมั้ย?
   
“มันก็แย่นะ เราเป็นผู้หญิง สถานะทางสังคมอาจถูกมองไม่ดีมากกว่าผู้ชาย ตรงนี้ คุณจิต อาจไม่ได้มาพูดคุยหรืออธิบายกับสื่อ เพราะโดยอาชีพต่างกัน เขาคงไม่มีโอกาสได้พบปะ น่าจะเป็นแอนโดยตรง แอนก็รับผิดชอบด้านนี้ เลยต้องออกมาพูดทุกอย่างด้วยตัวเอง เค้าคงไม่ตอบอะไรด้วย นิสัยเค้าเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว



เวลามีปัญหากัน เขาตามง้อมั้ย ก่อนเลิกกัน?
  
“ง้อ แต่ว่าง้อแบบมีฟอร์ม เลิกดีกว่า แก่กว่านี้แล้วเสียใจ เขาเองก็พยายามปรับแล้ว แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ถามว่าเขารักแอนมั้ย เขารักนะ คิดว่าเขารักแอนที่สุดแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แต่งงาน หรือไม่พยายามปรับมาเป็นเวลาหลายปี รู้สึกว่าปัญหาในชีวิตแอนมันเยอะเกินไปมั้ง

ปัจจัยหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากที่แอนไม่มีลูกรึเปล่า?
   
“เขาก็อยากมี แต่แอนยังไม่อยากมี เพราะแอนรู้หลาย ๆ อย่าง ถามว่าเขารักมั้ย เขารักแอนนะ เขาก็อยากอยู่กับแอนสองคน แต่แอนยังมีลูกอีกคน เขาก็ทำได้พักเดียว ซึ่งแอนเองก็อาจไม่ได้สมบูรณ์ในแบบที่เค้าต้องการ แต่แอน เป็นแบบนี้ แนวทางแอนเป็นแบบนี้ แอนไม่อยากช้าแล้ว”

จากนี้ไปต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ซึ่งแอนน่าจะดูแลได้ เพราะเป็นคนทำงานมาตั้งแต่สาว ๆ แล้วนี่?
  
“แอนนอนคิดทุกวันเลย ว่า เอ๊ะ! ฉันควรจะอยู่ตัวคนเดียวมากกว่า เก็บเงิน เก็บทองให้ลูก จนเรียนจบถึงปริญญาโท ปริญญาเอกก็แล้วกัน”



แล้วเรื่องมือที่สามล่ะ?
 
“ไม่ใช่ค่ะ เขาทำงานเสร็จก็กลับบ้านทุกวันนะ มีคนมาถามถึงเรื่องนี้ แอนก็งงนะ”

แล้วก่อนหน้านี้เคยมีข่าวออกมาจะเลิกล่ะ?
 
“แอนสาบานได้ ก่อนหน้านี้ข่าวมันไม่ได้มีมูลเลยนะ เรื่องจริง ๆ ที่แอน คิดและพยายามปรับตัวเข้าหากัน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเองนะ”  

ย้อนมาถึงเรื่องราวเก่า ๆ ตั้งแต่มีเหตุต้องหย่าไปครั้งแรก เคยคิดจะต้องแต่งงานครั้งที่ 2 มั้ย?
 
“ไม่เคยคิดเลยค่ะ ก็แย่ไปนานนะ ถือว่าตั้งหลักได้ช้า โซซัด โซเซ ค่อนข้างท้อใจ หมดอาลัยตายอยาก กว่าจะตั้งหลักได้ก็ใช้เวลาพอสมควรค่ะ”



ช่วงนั้นยึดอะไร ถึงทำใจได้?
  
“เป็นประสบการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนมั้ง เราเคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามันช่วยเราไม่ได้เท่าที่ควร มันก็เศร้า อยู่กันมานาน เป็นแฟนกันมานาน 10 กว่าปี มีความทรงจำ มีความเคยชินที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำให้เรารับสภาพได้ค่อนข้างช้า คือ รับได้ แต่ทำใจยังไม่ได้ ยังรู้สึกเสียใจ ย้ำคิดย้ำทำ ยังกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แล้วงานเยอะ เป็นแฟนคนแรก

หลังจากมีหย่าครั้งแรกไป ไม่เคยคิดจะแต่งงานแล้ว เหมือนเจ็บมามากเหรอ?
  
“ตอนนั้นไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ แต่ว่าไม่ได้คิดว่าจะไม่มีแฟนเลย แต่คิดไม่ถึงว่าจะแต่งงานอีก”

กระทั่งมาถึงการแต่งงานครั้งที่ 2 ก็คิดเยอะล่ะสิ?
 
“ก็คิดเยอะ คงถูกสาปแล้วล่ะมั้ง มันอยู่เหนือเหตุผล คงไม่มีใครคิดว่าจะลงเอยแบบนี้ หรืออยากจะเป็นแบบนี้ ผู้หญิงทุกคนก็อยากประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ทั้งนั้น ดวงเราอาจเป็นแบบนี้”



ลงเอยแบบนี้ เป็นเพราะแอนอดทนไม่พอรึเปล่า?
 
“แค่ไหน ถึงคำว่าพอ บรรทัดฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน เหตุผลของแต่ละคนต่างกัน ความคิดที่แตกต่างก็เช่นกัน ไม่ได้บอกว่าใครผิด ใครถูก ไม่มีใครผิดที่คิดต่าง ทำไมคนเราต้องคิดเหมือนกัน ถ้ามันคิดไม่เหมือนกัน แต่ตกลงกันได้ แล้วสิ่งที่คิด คือ ตกลงว่าเราเลิกกัน อันนี้คือสิ่งที่เราคิดเหมือนกัน ว่าเราเลิกกันเถอะ เพราะเราเดินทางขนานกัน (หัวเราะ)”

จากนี้ชีวิตของแอนจะต้องระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่?
  
“เราโตพอแล้ว ในการที่จะอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง โดยที่ไม่มีใครดีกว่า แต่มันก็ไม่ผิดที่เราจะมีที่ปรึกษา หรือคนที่สามารถจะแนะนำสิ่งที่มันจะเป็นประโยชน์กับเราได้ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องมีคู่สามีที่นอนคิดอยู่ด้วยกัน ไม่รู้นะ แอน รู้สึกว่าตอนนี้แอนอยากดูแลแม่ อยากเทคแคร์ครอบครัวแอนพอสมควร เพราะว่าที่ผ่านมาแอนดูแลแม่ค่อนข้างน้อยไป เพราะเรามีชีวิตครอบครัวที่แยกออกไป ตอนนี้คุณแม่ก็อายุมากขึ้น เพราะเราคิดว่าวันนึงก็อยากให้ลูกดูแลเรา”

แอนเคยมีทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่อย่างไร ก่อนที่จะเจอเรื่องราวต่าง ๆนานา?
 
“ก็มีพ่อ มีแม่ มีลูกหลาย ๆ คน วิ่งอยู่ในบ้าน เป็นความต้องการของผู้หญิงทุก ๆ คน เพราะแอนก็มาจากครอบครัวที่ล้มเหลวในชีวิตคู่ พ่อกับแม่แยกทางกันอะไรอย่างนี้ เลยมีความรู้สึกว่าไม่อยากให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบนั้น แต่ในเมื่อมันไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ เราต้องยอมรับความจริงว่า มันไม่มีใครสมบูรณ์ ทุกคนสามารถที่จะพลาดกันได้ เพราะใจความสำคัญของการใช้ชีวิตคู่ มันเหมือนกับนอกเหนือจากความรัก มันต้องมีความเข้าใจมาก ๆ เลยล่ะ มันต้องไม่เห็นแก่ตัวด้วย ไม่ได้รักแบบเห็นแก่ตัว”

เวลาแอนมีปัญหาขึ้นมาล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?
 
“แอนก็เครียดนะ นอนไม่หลับ ไม่ใช่ไม่มีนะ ก็คิด คิดแล้ว วันหนึ่ง   ทำใจยอมรับว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ต้องเกิดขึ้นแล้วล่ะ เพราะไม่อยากที่จะหลอกตัวเองอีกต่อไป แล้วไม่อยากให้บรรยากาศมันเลวร้ายไปกว่านี้ ออกมาในลักษณะรักกันดีกว่า ไม่อย่างนั้นมันจะแย่ทั้งคู่ หลักธรรมะ คือ ยอมรับความจริงที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิต เราต้องมองมันด้วยเหตุและผล และยอมรับความเป็นไป ที่สำคัญคนเราทุกคนทำผิดทำพลาดกันได้ อย่าง แอนก็มีความกังวลใจว่าสังคมจะมองเราว่าอย่างไร เราเป็นผู้หญิงเขาจะตราหน้าเราว่าอย่างไร เอ๊ะ! เราไม่ประสบความสำเร็จ แต่งงานกี่ครั้งก็ล้มเหลว แต่เราก็หันมาถามตัวเองว่าก็มันเป็นความจริงนี่ ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะเดินผ่านตรงนี้ไปได้ หลายคนคงทำผิดพลาดในหลาย ๆ เรื่อง โอเค เรื่องอื่นเราไม่ได้ผิดพลาด ในเมื่อเราผิดพลาดเรื่องนี้ เราก็น้อมรับความผิดพลาดของตัวเองไป กับการตัดสินใจที่ผิดพลาด”



เคยคิดมั้ยว่าตัวเองอาจไม่ดีพอสำหรับเขา?
     
“แอนก็บอกเขาว่าแอนอาจมีชีวิตที่น่าเบื่อเกินไป ไลฟ์สไตล์ชีวิตเราไม่ตื่นเต้น ไม่สนุก ชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบไปไหน เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน มันเลยไม่สนุก อาจเป็นเพราะเราทำงานด้วยมั้ง แอนต้องอยู่บ้าน อยู่กับลูกด้วย มีแม่อีก หลายปัจจัย แล้วอยากมีเวลาส่วนตัวของตัวเองด้วย สำหรับการออกกำลังกาย เรื่องเวลาก็เป็นหนึ่งในปัจจัยด้วย ทุก อย่างมันสามารถผ่านพ้นไปได้ ถ้าเราเข้าใจซึ่งกันและกันจริง ๆ แต่ในความเข้าใจนั้น ต้อง บวกกับความต้องการของแต่ละคนด้วย ว่าคุณต้องการใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปรึเปล่า ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ มันก็ไม่ผิดที่เราจะแยกกันไป แยกกันไปใช้ชีวิตที่ตัวเองพอใจค่ะ”

ไหนแอนลองพูดถึงการใช้ชีวิตคู่ของตัวเองหน่อยสิ เผื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ?
 
“ต้องมองย้อนกลับมาว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาในชีวิตคู่ด้านไหนก็ตาม ขอให้เราอย่าไปคิดว่าเขาเป็นอย่างนั้น เขาเป็นอย่างงี้ ให้มองย้อนกลับมาที่ตัวเราเองว่าจริง ๆ เรามีความเข้าใจในตัวเราเองมากแค่ไหน เราต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างไร เราสามารถใช้ชีวิตดำรงอยู่ได้ด้วยเราเองรึเปล่า ถ้าเราคิดว่าเราอยู่โดยที่เราไม่มีเค้าได้ แล้วมีชีวิตอยู่ได้ เราจงเลือกในสิ่งที่ตัวเองทำได้ แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำไม่ได้ ชีวิตนี้ฉันขาดเธอไม่ได้ เราก็จงรับในความเป็นไปของเขา

แล้วในแง่ของการเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวล่ะ?
  
“ยากนะ เลี้ยงลูกเนี่ย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น มันยากจริง ๆ ต้องใช้ความเข้าใจอย่างแรงมาก ก็เลี้ยงไปตามธรรมชาติที่เค้าเป็นเนี่ยแหละ มีความเข้าใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก เพราะหนึ่งคือเราทำงานด้วย บางทีเราก็รู้สึกเหนื่อยกับการที่เราต้องอยู่กับเขา ใช้จิตวิทยาในการพูดคุย เมื่อก่อนเราจะกำหนดให้เค้าเล่นคอมพิวเตอร์แค่ 2 ชม.แล้วพอ ซึ่งเดี๋ยวนี้เราจะห้ามเขาแบบนั้นไม่ได้แล้ว แต่แอนจะบอกว่าเล่นคอมพิวเตอร์เหนื่อยมั้ยคะลูก คิดตลอดว่าเราจะพูดยังไงกับลูก ณ ปัจจุบัน สังคมไทยไม่เน้นเลี้ยงลูกด้วยความกดดัน อย่างเราเนี่ยถูกเลี้ยงมาด้วยความกดดัน แต่เดี๋ยวนี้คนเรายอมรับในวิธีการเลี้ยงลูกด้วยจิตวิทยาสไตล์อเมริกัน แบบฝรั่ง จะไม่พูดให้เด็กเสียความรู้สึก บางทีก่อนเข้าบ้านก็จะนั่งในรถสัก 10 นาที จูนก่อนเข้าบ้าน บางทีเราไม่รู้หรอกว่ามันถูกไประบายออกกับเด็ก แบบเรื่องแค่นี้แต่พูดซะแรงเลย ต้องมาปรับตัวเองก่อน กลัวมีผลถึงลูกน่ะ”

ชีวิตจากนี้ไปคงต้องทำงานเยอะขึ้นรึเปล่า?
 
“โชคดีที่ได้คนอยู่กับลูกที่เป็นพี่เลี้ยงด้วย แม่บ้านด้วย ยอมรับว่าช่วยได้เยอะ แล้วแม่ก็มาช่วยด้วย เวลาใกล้สอบ ติวสอบ ก็อาศัยครอบครัวด้วย ตอนนี้ทำงานเกือบ 7 วัน แถมนนนี่ก็เพิ่งย้ายโรงเรียน ลูกกำลังปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ค่ะ”
 
จากนี้ไป  ก็ต้องเอาใจช่วยสาวแอนให้ทำหน้าที่คุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวที่ดีต่อไป...



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์