“แม่สีดา” ไม่ท้อสู้งาน “ปลดหนี้” เผยไร้ที่ซุกหัวนอน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดน “สูบ”

“แม่สีดา” ไม่ท้อสู้งาน “ปลดหนี้” เผยไร้ที่ซุกหัวนอน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดน “สูบ” 

        บางทีชีวิตคนเราก็เกินกว่านิยาย บางรายก็ลำบากยิ่งกว่าในละคร “แม่สีดา พัวพิมล” คุณแม่ของอดีตดาราชื่อดังผู้ล่วงลับ “อ๊อฟ-อภิชาติ” ที่ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นหลังได้ทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหาร แต่ก็เหมือนยังไม่หมดเวร ไม่พ้นกรรม ซึ่ง “แม่สีดา” ได้เล่าผ่านรายการ “เปิดโปง” ทาง “ช่อง 2” ข่าวลึก บันเทิงร้อน นำโดย “สันติ  ศเวตวิมล” และ “เอ-วราภรณ์ แสนสุข” ว่ากำลังจะ “ไม่มีบ้านอยู่” และยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดนสูบ แต่ไม่ท้อตั้งใจทำงานปลดหนี้ “หลักล้าน” ทรนงในศักดิ์ศรีจากนี้ไปจะไม่ขอความช่วยเหลือเรื่องเงินกับใคร 
ชีวิตมีขึ้นมีลง จากดาราเจ้าของร้านอาการ สู่เด็กเสริร์ฟ ? 
        “เจ้าของร้านอาหารนี่เคยเป็นตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ตกอับ แต่พอชีวิตมันตกอับ ก็ไปช่วยเขา ก็ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟอะไรหรอกคะ เขาเห็นว่าเราอยู่บ้านเหงาๆ เขาคงเป็นห่วงเรา เราโอเคไป เขามีร้านอาหาร พอเราไปถึงตรงนั้นเราก็ไปช่วยเขา ไปนั่งเฉยๆ งอมือ งอเท้าก็ไม่ได้ เขาก็มีอาหารให้เราทานอะไรต่ออะไร” 
แต่ตอนนี้ได้เป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว ? 
        “ไม่ใช่ค่ะ ดูดีไป(ยิ้ม) แค่เป็นลูกจ้างเขา เป็นผู้จัดการร้าน ที่มาออกรายการเขาก็เห็นข่าวของเรา เขาก็โทรไป ผมมีงานอันนี้พี่สนใจไหม ผมจะให้พี่มาทำหน้าที่นี้ หน้าที่นี้ คุมเงินเป็นผู้จัดการร้าน เราก็บอกน้องพูดใหม่ซิ จะให้พี่ไปคุมเงินเหรอ น้องไม่เห็นข่าวพี่เหรอ ข่าวพี่เสียหายมากเรื่องฉ้อโกง หลอกลวงแล้วหนูจะให้พี่ไปคุมเงิน หนูเชื่อใจพี่เหรอ เราก็บอกเขาอย่างนั้น เขาบอกผมเห็นครับข่าว แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับพี่สีดา ไอ้คำแบบนี้พอเราฟัง เขากับเราไม่ได้รู้จักกันเลยหรือสนิทกันมาก่อน เราก็เลยแบบเด็กคนนี้ให้เกียรติเรามากเลย เราอาจจะเป็นอย่างในข่าวก็ได้ แต่เขากลับให้ความเชื่อมั่นเรา ก็ไปเป็นผู้จัดการร้านให้เขา แล้วก็ดูแลเรื่องการเงินให้เขาด้วย” 
ทำร้านอะไร อยู่ที่ไหน ? 
        “ชื่อร้านอาหารส้มตำเมืองทองคะ รสชาติอร่อยนะไว้ไปทานกัน อยู่ตรงพัฒนาการติดกับซอย 53 แต่ว่าตัวพี่เนี่ยต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างหัวหิน เพราะเขามี 2 สาขา” 
ได้เงินเดือนเยอะไหม เพียงพอกับการใช้จ่าย ? 
        “คือเราคงไปเทียบกับสมัยก่อนไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้ชีวิตเรามันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน เขาให้เท่าไหร่เราก็ต้องเอา เอาเป็นว่าเราได้ประทังชีวิต เราได้ออกมาเจอคน ได้ออกมาใช้สมอง ให้สมองเราได้ทำงานมันจะได้ไม่นิ่ง แต่ว่าจะมากหรือนน้อยมันไม่ได้สำคัญตรงนั้นหรอกคะ มันสำคัญที่ใจของเขามากว่าที่เขาให้กับเรา ให้เกียรติเรามากกว่านะ ประทับใจตรงนี้ คนที่สนิทกันบางทีเขายังไม่อย่างนี้กับเราเลย” 
อายไหมที่ต้องมาทำงานอย่างนี้ เมื่อก่อนเคยโด่งดัง ? 
        “ไม่อายหรอกคะถือว่ามันเป็นอาชีพสุจริต แล้วเราก็ตั้งใจที่จะทำงานเพื่อทยอยปลดหนี้ เราไมได้ทำเพื่อที่จะมาฟุ้งเฟ้ออะไร ทำมาก็ค่อยๆ ปลดหนี้ไป เจ้าเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาไปก่อน” 
ความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ที่ต้องกินข้าวกับไข่หลายปี ? 
        “ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่อย่างเดียว มาออกรายการก็จะขันได้อยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ยังดีได้ทานหมู ทานไก่อะไรได้ เจ้าของเขาก็ดูแลเราดี” 
ช่วงที่ผ่านมาเราลำบาก และยากแค่ไหน ? 
        “มันยากมั้ยละคะแทนที่เราจะได้ทานเหมือนคนปกติเขาที่ได้ทานผัก ทานอะไรต่ออะไร ในเมื่อชีวิตมันผันแปลไปเราก็ต้องทานเพื่อประทังชีวิต เพราะเราก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป เราต้องผ่านไปให้ได้ เราต้องลุกขึ้นยืนให้ได้ เราต้องปลดทุกสิ่งทุกอย่าง ปลดข้อครหานินทา ไอ้ครหานินทาเนี่ยจะปลดหมดหรือเปล่าไม่รู้ แต่หนี้สินนี่ต้องให้หมด เราจะไม่เอาบาปติดตัวเราเด็ดขาด” 
ยังติดหนี้อยู่เป็นล้านจริงไหม ? 
        “จริงคะ สาเหตุที่เป็นหนี้มันเกิดจากว่าเราคิดผิด เราไปกู้เขา แต่ข่าวออกมาว่าเราหาเงินกู้เพื่อไปเล่นการพนัน เข้าบ่อน พูดต่อหน้าไฟเลย เราเล่นสนุกๆ เพื่อนฝูงเราเล่นนะ เข้าบ่อนเราก็เคยเข้าไม่กี่ครั้งเรียนรู้แล้วเราก็ไม่เข้าของเราเอง ดิ้นรนไปมันไม่ใช่ เราไม่คิดคิดที่จะทำมาหากินเพื่อที่จะเอาเงินไปทิ้งในบ่อน เพื่อนที่สนิทบางคนเขารู้ไอ้นี้มันก็ไม่เคยอะไอย่างนั้นทำถึงได้มีข่าว เราก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย ถ้าจะพูดไปแล้วกินเก่ง ใช้เก่ง อีกอย่างหนึ่งเป็นคนเก็บหอมรอมริบไม่เป็นพอจะทำงานเรื่องแล้วเรื่องเล่ามมันก็เกิดปัญหา พอเกิดปัญหาด้วยตัวเราเองเนี่ย เราไม่ได้มีเงินมากมายในแบงค์ พอมันขัดสนขึ้นมาก็หาวิธีที่จะเอาเหงินมาหมุ่นเพื่อที่จะทำงาน แต่การคิดของเรามันเป็นการคิดที่ผิด และเป็นประสบลการณ์ชีวิตอย่างมากว่าเราผิดเอง เราจะไปโทษใคร เราไปกู้นอกระบบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่รุ้ไม่ใช่ เราคิดว่ามันประเดี๋ยวเดียวแต่มันไม่เป็นอย่างที่เราคิด มันก็ต่อเนื่องจนเป็นอย่างนี้” 
เสียใจไหมที่คนมองเราเป็นหนี้เพราะการพนัน ? 
        “มากคะ มากที่สุดคือพี่เนี่ยด้วยนิสัย ใครอยากเข้าใจยังไงก็เข้าใจไป คุณไม่เรียกถาม เราก็ไม่ตอบ จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะออกมาของมันเอง อย่างข่าวที่บอกว่าฉ่อโกงมันเสียหายมาก บางทีเราไปซื้อของกินเขายังไม่อยากคุยกับเรา ทั้งที่เราเอาเงินไปให้เขา” 
มีท้อบ้างไหม หนี้สินตอนนี้ก็ยังเยอะอยู่ ? 
        “ไม่คะ ถามว่าตอนเราไปซื้อของแล้วเขาไม่คุยด้วยรู้สึกยังไง บางครั้งคนเราเขาก็ไม่ได้รู้จักเราแม้แต่นิดเดียว กับการที่เราต้องถูกประนามอะไรตรงนี้ จริงไม่จริงอย่างน้อยเขาควรจะให้เกียรติเรา เราเอาเงินไปให้เขา อย่างน้อยก็ต้องมารยามเราเป็นลูกค้าคุณ แต่ก็ไม่ได้อะไร นึกแล้วว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่มีวันเข้าร้านคุณอีก” 
เขาแสดงท่าทางยังไง ? 
        “เขาไม่พูดกับเราเลย เหมือนเราเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้” 
น้อยใจวาสนาตัวเองไหม ? 
        “นิดหนึ่งนะสำหรับคนพวกนี้ แต่ว่าเนอะชีวิตเรามันหักเหได้ใจจริงๆ เกิดอะไรขึ้นแม้กระทั่งคนสนิทชิดเชื้อก็ไม่มีใครอยากคุยกับเราเลยซักคน ไม่มีใครอยากเรียกเราถามเป็นยังไง ชีวิตเกิดอะไรขึ้น เราจะได้อธิบายได้ นี่เราไม่มีโอกาสดิอธิบายอะไรกับใครยันทุกวันนี้” 
ร้องไห้บ้างไหม ? 
        “เพื่อนสนิทของสีดาคือน้ำตาอย่างเดียวเวลานี้” 
ไม่มีใครอยู่ข้างๆ เลย ? 
        “เอางี้คนที่บอกตามหาอยู่คือพี่อี๊ด รัชณู บอกสีดาพี่ตามหาเนี่ยขอเบอร์ทางโน้นทางนี้ก็ไม่มี อาจจะเป็นเพราะว่าเราเปลี่ยนเบอร์ด้วยมั้งคะ พอออกรายการพี่อี๊ดเขาก็เห็น ก็ต้องโทรไปขอตามรายการ” 
คุณอี๊ดตามหาเราเพราะอะไร ? 
        “คิดถึงด้วย เป็นห่วงด้วย คือแค่นี้เราก็ซึ้งแล้ว เรามีความรู้สึกว่าเขายังห่วงหาอาทรเราอยู่” 
วันนี้ก็ยังติดต่อช่วยเหลือกันอยู่ ? 
        “ติดต่อกัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร พี่ตั้งปฎิญาณว่าพี่จะไม่ขอความช่วยเหลือเรื่องเงินเรื่องทองกับใคร ไม่แตะไม่ยุ่งเลยคิดอย่างเดียวทำงาน ทำงาน เพื่อที่จะปลดหนี้ จะไม่วุ่นวายอะไรกับใครแล้วกลัว” 
ยังมีอีกเรื่อง ตอนนี้ได้ยินมาว่ากำลังจะไม่มีบ้านอยู่ ? 
        “(น้ำตาคลอ พยักหน้า)” 
เพราะอะไร ? 
        “เราไปอาศัยเขาอยู่เนอะ เขาจะทำบ้าน ด้วยความที่เราไม่เคยย้ายไปโน้นไปนี่ แล้วพอเราต้องมีการขนย้ายตลอดเวลามันหลายอย่าง มันเยอะ ไหนจะของเยอะ ไหนจะค่าใช้จ่าย แต่มันก็ต้อง ไม่อยากย้ายอะไรอย่างนี้ไง เราก็พูดไม่ได้ เราก็ไม่ใช่เจ้าของบ้าน แต่เขาไม่ได้มาไล่อะไรเราหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขาจะทำบ้านเขาใหม่ เราก็เข้าใจว่าเขาจะต้องทำบ้านใหม่ตรงนี้” 
ทำเสร็จเขาจะให้เรากลับไปอยู่ที่เดิมไหม ? 
        “ไม่ได้ถาม ไม่ได้ตอบคะ พี่เป็นคนที่จะไม่พูดไม่ถาม” 
แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ? 
        “(น้ำตาไหล)ยังไม่ทราบเลยคะ แต่ก็สมน้ำหน้าตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างของเรา เรารักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย ทำไมก็ไม่รู้ บ้าน บ้านเราก็ก็มี รถเราก็มี เรามีทุกอย่างแต่เรารักษาอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้มันเป็นเวรเป็นกรรม มันเหมือนถูกสูบไปเลย” 

“แม่สีดา” ไม่ท้อสู้งาน “ปลดหนี้”   เผยไร้ที่ซุกหัวนอน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดน “สูบ”


“แม่สีดา” ไม่ท้อสู้งาน “ปลดหนี้”   เผยไร้ที่ซุกหัวนอน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดน “สูบ”


“แม่สีดา” ไม่ท้อสู้งาน “ปลดหนี้”   เผยไร้ที่ซุกหัวนอน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดน “สูบ”


“แม่สีดา” ไม่ท้อสู้งาน “ปลดหนี้”   เผยไร้ที่ซุกหัวนอน ตัดพ้อชีวิตเหมือนโดน “สูบ”

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์