เอ้ ชุติมาเผยเหตุล้มหัวฟาดพื้น

เมื่อ 13 ส.ค. นักแสดงหญิง เอ้ ชุติมา นัยนา อายุ 43 ปี กล่าวถึงอุบัติเหตุลื่นล้มหัวฟาดพื้นที่บ้านของตัวเองเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา
 
จนต้องหามเข้าโรงพยาบาลเวชธานีเป็นการด่วนเรื่องจากมีอาการวิงเวียนศีรษะและอาเจียนไม่หยุด จนเพิ่งได้มาพักฟื้นที่บ้าน ว่า

 “เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ค่ะ เดินอยู่ในบ้านดีๆ ก็ลื้นล้ม ทีแรกก้นกระแทกพื้นก่อนแล้วด้วยความที่พื้นมันลื่นมากทำให้หัวฟาดลงไปกับพื้นดัวโป๊ก ตอนนั้นรู้สึกชาและเจ็บแต่ก็ยังไม่ได้คิดไปหาหมอ เอ้คิดว่าไม่เป็นอะไรมากนอนดูอาการสักพักคิดว่าจะหาย จนกระทั่งช่วงบ่ายรู้สึกไม่อยากทานอาหาร ปวดหัว บ้านหมุน แล้วที่เริ่มหนักคือกินอะไรเข้าไปอาเจียนออกมาหมดเลย คนที่บ้านเริ่มเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นอะไรหนักเลยพาไปโรงพยาบาลเวชธานี ตอนนั้นเอ้รู้สึกตัวบ้างแต่ไม่มีแรง พอถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉินเลย เพราะที่บ้านและคุณหมอกลัวว่าเลือดจะคั่งในสมอง ตรวจซีทีสแกนอย่างละเอียดก็ไม่พบเส้นเลือดในสมองแตก จากนั้นก็ให้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านหูมาดู ซึ่งคุณหมอวินิจฉัยว่าที่เกิดการวิงเวียนศีรษะอาจจะเพราะหินปูในหูหลุดทำให้น้ำในหูไม่เท่ากัน คุณเลยสั่งให้เแอดมิตเพราะต้องตั้งศูนย์ในหูใหม่”

 “ช่วงที่แอดมิตก็งดอาหารและเครื่องดื่มไปเลยทั้งวัน แต่พอวันที่ 12 ส.ค.ก็ทานยาตามที่หมอสั่งอย่างเดียว อาการก็ดีขึ้นแต่ยังรู้สึกวูบๆ ในหัวอยู่ จริงๆ คุณหมออยากให้แอดมิทต่อแต่เอ้ไม่ชอบนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเลยขอคุณหมอออกมาพักฟื้นที่บ้าน เพียงแต่ต้องทำตามที่คุณหมอสั่งคือพักผ่อนให้มากๆ อาการตอนนี้ไม่บ้านหมุนแล้ว แต่ยังรู้สึเหมือนคนเมาเรือตลอดเวลา อ่านหนังสือไม่ได้ตาลาย แต่คุณหมอบอกว่าอาการแบบนี้ต้องพักฟื้นสัก 1 อาทิตย์ถึงจะหาย หลังจากนี้อีก 4-5 วันก็ต้องไปเช็คอาการตามใบนัดของคุณหมอค่ะ”

 “เอ้ค่อนข้างเกรงใจกองละครซิตคอม บ้านนี้มีรัก เพราะจริงๆ มีคิวถ่ายวันนี้(13ส.ค.)และพรุ่งนี้(14ส.ค.) แต่ทางกองน่ารักมากพอรู้ว่าเอ้ไม่สบายก็เลื่อนออกไปก่อน จริงๆ ทุกช่วงวันเกิดของเอ้(10ส.ค.)มีเรื่องทุกปี อย่างปีที่แล้วก็รถชน มาปีนี้หนักหน่อยเพราะถึงขั้นหัวฟาดพื้นเลย โดยก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุเป็นวันเกิดของเอ้ เอ้ก้ไปทำบุญทุกอย่างเต็มที่รวมถึงปล่อยนกปล่อยปลาด้วย เลยคิดว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไปเพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเจออะไรที่หนักกว่านี้ก็ได้ หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ เอ้ก็คิดว่าชีวิตก็ดีขึ้นค่ะ” ดาราหญิงกล่าว