เอาอีกแล้ว นุ้ก - ป้อ ชีวิตคู่ไม่ราบรื่น ยันไม่เลิก

คู่รักดาราพาเหรดเลิกกันหลายคู่ในรอบปีนี้ ล่าสุดก็เป็น สาว "ษา วรรณษา" ที่ออกมายอมรับทั้งน้ำตาว่าได้แยกบ้านอยู่กับสามีกร็อกเกอร์ "เป้ ไฮร็อก" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านนางเอกลูก 2 นุ้ก สุทธิดา กับสามีหนุ่ม ป้อ บุญสิทธิ์ ธรรมโรจน์พินิจ ถือเป็นอีกคู่ที่ถูกจับตามองมากว่าความรักจะยืนยาวและใช้ชีวิตคู่ไปกันได้รอดหรือไม่ เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและใจร้อนด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย มิหนำซ้ำยังมีข่าวเล็ดลอดออกมาอีกว่าฝ่ายชายแอบควงสาวไปเที่ยวอีกกอปรกับคำให้สัมภาณ์ครั้งล่าสุดของฝ่ายหญิงที่บอกว่าถ้าจับได้ว่าสามีมีชู้ ตนจะเลิกแน่!

เพื่อความกระจ่างในหลายๆ เรื่องและเสียงเล่าลือที่ออกมา มาดูกันว่าทั้งสองคิดเห็นอย่างไรกับข่าวคราวที่ออกมา

นุ้ก : อาจจะเป็นเพราะว่าพี่นักข่าวข้างหลังได้ยินไม่ชัดน่ะนะคะ คือเขาถามเกี่ยวกับทัศนคติในเรื่องของความรักว่า ถ้าเกิดป้อมีคนอื่นทำยังไง นุ้กก็บอกว่าไม่ทนค่ะ มันคงเป็นเรื่องเดียวที่ทนไม่ได้ก็คงเลิก นักข่าวที่อยู่ไกลๆ ก็คงได้ยินแต่คำว่าเลิก ไม่ได้ฟังจนจบ

แล้วนุ้กก็บอกว่าถ้าสมมติวันหนึ่งไม่รักกันแล้วและต้องอยู่กันเพื่อลูกเนี่ยไม่อยู่แน่นอน สำหรับนุ้กนะคะ เพราะนุ้กเชื่อว่าความรักระหว่างแฟนสามี - ภรรยาไม่ต้องอยู่เพื่อใคร เราต้องอยู่เพื่อกันและกัน เรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนน่ะค่ะ

ถ้านุ้กมีแฟนก็จะบอกเลยว่ามีแฟนแล้วซึ่งนุ้กเป็นดาราผู้หญิงคนแรกเลยที่บอกเรื่องนี้ ถ้าเตียงหักก็ไม่ต้องกลัวค่ะจะบอกแต่ตอนนี้ยังค่ะคือเราไม่ต้องมานั่งรักษาภาพหรอก ไม่มีอะไรให้รักษาอยู่แล้ว

ป้อ : เตียงหักก็เปลี่ยนเตียงไม่เห็นเป็นไรเลย ได้ยินมาหลายวันแล้วเตียงหักๆ เตียงหักตลอดเลย มีแต่คนถามว่าเป็นไงทะเลาะกันเหรอ ผมก็บอกอะไรนะ พ่อแม่ผมก็ถามผมก็บอกว่าไม่มีอะไร แต่ผมไม่เคยได้อ่านข่าวนะ ตัวผมเองไม่รู้สึกอะไรนะครับกับข่าวผมฟังมาวันแรกผมก็มานั่งคิดเรามีเรื่องไม่เข้าใจอะไรกัน กลับมาบ้านก็ถามเขานะ ผมบอกเลยว่าถ้าเกิดผมจะคบใครผมมีแฟนเป็นคนนี้ ถ้าจะเลิกกันผมบอกอยู่แล้ว"

"นิสัยผมเป็นคนพูดตรงๆ เตียงหักผมก็ซื้อเตียงใหม่เปลี่ยนครับแต่ผมยังไม่เปลี่ยนเมียครับ ยังเป็นเมียคนนี้อยู่ครับ ยังไม่เคยมีความคิดจะเลิกน่ะครับ ชีวิตการแต่งงานอาจจะต้องมีการหย่าแต่ตั้งแต่ที่ผมคิดจะแต่งงานผมไม่เคยคิดจะหย่าเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเพราะผมไม่ชอบการหย่าร้าง ผมไปเห็นพ่อแม่ของเพื่อนผมเขาหย่ากันผมก็รู้สึกไม่ดี

ผมก็เลยคิดว่าถ้าผมจะแต่งงานจะไม่หย่า คือยังไงผมก็จะไม่หย่าเพราะว่าผมมีทัศนคติว่าการหย่าร่างกันแล้วทำให้ลูกผมรู้สึกว่าแม่ไปทางพ่อไปทาง แล้วลูกก็มานั่งแบ่งกันว่าต้องอยู่ฝ่ายไหน ผมเป็นคนแอนตี้น่ะครับ ตรงนี้ผมก็ต้องทำเพื่อลูกอยู่แล้วและผมก็ทำเพื่อตัวเองด้วย

ป้อ

เรื่องทะเลาะเบาะแว้งทั้งคู่รับว่ามีบ้าง แต่เป็นการทะเลาะเพื่ออยู่ด้วยกันซึ่งทำให้รักและเข้าใจกันมากขึ้น

นุ้ก: ตั้งแต่แต่งงานกันมาช่วงนี้เป็นช่วงที่สูงที่สุดของชีวิตคู่ ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปกว่านี้รึเปล่า จริงๆ เป็นช่วงขาขึ้นของชีวิตคู่เลย ก็ยังอธิบายอยู่เลยว่าถ้าเป็นแฟนก็ผ่านจุดพีคของแฟนแล้วคือวันแต่งงาน พอแต่งงานกันสักพักก็คือช่วงที่ปรับตัววิกฤตที่สุดในชีวิต จากแฟนแล้วต้องมาเป็นพ่อเป็นแม่เราไม่พร้อมน่ะค่ะกับอะไรหลายๆ อย่าง คืออาจจะพร้อมแต่เราก็อยากทำให้เพอร์เฟ็คที่สุดน่ะค่ะ

ป้อ : พูดจริงๆ นะตอนนี้รักกันมากขึ้นนะเหมือนกับว่าเข้าใจกันมากขึ้นนะ ถามว่าปกติทะเลาะกันบ่อยมั้ยก็เป็นแฟนกันยังทะเลาะกันเลย แล้วเป็นผัวเมียทำไมมันจะไม่ทะเลาะกัน มันก็มีบ้างแต่มันก็ไม่รุนแรงอะไร

นุ้ก : มันผ่านช่วงปรับตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่คนใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ เหมือนแต่ก่อนยังมีแบบทำไมไม่ชงนมล่ะ ชงสิแต่มันก็เป็นปกติของพ่อแม่ที่จะต้องตื่นมาทำงานตอนกลางคืนแล้วนอนไม่พอ ซึ่งเราจะหงุดหงิดกันมาก ทำไมเดินดัง นุ้กจะขี้หงุดหงิด แล้วพอลูกตื่นนุ้กก็เหนื่อยป้อก็เหนื่อย ต่างคนต่างก็ตีกัน แล้วตอนเช้าเราก็จะไม่ลืมเมื่อคืนแกเดินดังน่ะทำให้ลูกตื่น แต่ตอนนี้มันลืมน่ะค่ะเช้ามาก็เริ่มต้นใหม่

บางคู่คุณหมอบอกว่าอาจจะต้องอาศัยการคุยกันแต่คู่นุ้กเวลาคุยกันแล้วความเห็นจะต่างกัน ก็จะทะเลาะแต่เป็นการทะเลาะเพื่ออยู่ด้วยกัน ไม่ได้ทะเลาะเพื่อเลิกกันแต่ก็ไม่รู้นะคะคือนุ้กจะเป็นคนอย่างนี้คือถ้าเลิกก็คือเลิกไงคะ ก็นี่แหละต้นเหตุของการทะเลาะกันเพราะลูกคนเล็กซนน่ะค่ะและลูกก็เป็นต้นเหตุของความรักเหมือนกัน

ป้อ : เอาเป็นว่าเตียงไม่หักแน่นอนเพราะเตียงบ้านผมไม่มีขาเตียง บ้านผมนอนฟูกครับเพราะกลัวลูกตกเตียง ตอนนี้ผมอยากมีคนที่ 3 นะครับแต่คนที่ไม่อยากมีต้องไปถามนุ้กครับ จริงๆ ตั้งแต่เขามีลูกเขาก็ไม่มีเวลาให้ผมเท่าไหร่น่ะครับ ส่วนมากเขาก็มีเวลาให้ลูกมากกว่า ตัวผมเองเนี่ยจากที่เคยได้ทานข้าวอร่อยๆ มีคนทำให้ พอมีลูกก็ไม่ค่อยได้ทานครับ ผมต้องทำกับข้าวเองครับดูมือผมสิครับโดนไฟลวกเลยเพราะไม่เคยทำมาก่อนเลย ต้องไปนั่งทอดเองแล้วไฟลวกมือตั้งแต่นั้นก็ไม่ทำแล้วครับ

หลายคนมองว่า "ป้อ" เป็นหนุ่มเพลย์บอยโดยเห็นจากข่าวคราวของเขาแต่คนที่อยู่ข้างกายเขา 360วันต่อปีบอกว่าป้อกลับมานอนบ้านทุกคืน

นุ้ก : "ถ้าถามว่าตอนนี้ป้อยังเป็นเพลย์บอยอยู่รึเปล่า ก็ตั้งแต่คบกับนุ้กมาตั้งแต่เป็นแฟนเลยป้อก็ไม่มีนิสัยอย่างนั้น ไม่ได้พูดเลยว่าป้อเป็นเพลย์บอย จะพูดตลอดว่าความรักเราจะรู้กันเองอย่างเพื่อนรอบข้างจะบอกทำไมป้อเป็นอย่างนั้นทำไมป้อเป็นอย่างนี้ แต่ไม่รู้หรอกว่าป้อตื่นไปส่งลูกทุกเช้าเลย ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนกลางคืนป้อช่วยเลี้ยงลูกคนหนึ่งซึ่งมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน"

ป้อ : "รู้ได้ไงว่าผมเจ้าชู้ ล่าสุดผมจะบอกว่ามันมีเว็บไซต์เว็บหนึ่งผมโกรธมากบอกว่าผมไปเดินสวนลุมไนท์ บาร์ซาร์กับผู้หญิง เขาจะเขียนเป็นชื่อ ป.ผมอ่านแล้วผมจะบอกว่าเกิดมาผมยังไม่เคยไปเดินที่นั่นเลย ผมไม่เคยไปเดินตลาดกลางคืนเลยเพราะมันไม่ใช่สไตล์ผม ผมได้ข่าวมาอย่างนี้ผมก็บอกเมียผมเลย ถ้าจริงนะผมไม่บอกเขาหรอก"

นุ้ก: แต่นุ้กโกรธตรงที่บอกว่าผู้หญิงสวยกว่านุ้กเนี่ยแหละ ได้ยังไงเพราะนุ้กสั่งไว้แล้วว่าถ้ามีต้องให้สวยน้อยกว่านะ คนจะบอกตั้งแต่รู้จักกับเขาใหม่ๆ ว่าป้อเจ้าชู้นะ คือนุ้กก็ไม่เคยฟันธงว่าป้อไม่เจ้าชู้แต่ถ้าถามนุ้กรู้น่ะค่ะแต่ไม่กล้าพูดออกไปว่าป้อไม่เจ้าชู้หรอก เราก็กลัวว่าเอ๊ะ หรือว่าเราไม่รู้ ถ้าร้ายก็น่าจะจับได้นะแต่ลึกๆ จริงๆ ก็รู้น่ะค่ะเพราะเขาก็อยู่กับเราทุกคืนน่ะค่ะ จะออกไปไหนก็คือออกไปกับเรา

ป้อ: เอาอย่างนี้ดีกว่าตั้งแต่ผมแต่งงานผมกลับมานอนบ้านทุกวันถ้าไม่ได้ไปกับพ่อน่ะ 365 วันเนี่ยผมจะนอนบ้าน 360 วันไม่ใช่แต่งงานแล้วเปลี่ยนปกติผมก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว

มีคำถามตามมาว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นนุ้กกลับมาเล่นละครอีก ฟากเจ้าตัวยังอ้ำอึ้งแต่สามีชิงตอบก่อน

ป้อ : กลับเหอะเพราะทุกวันนี้เขาอยู่บ้านแล้วผมเห็นเขาเลี้ยงลูกแล้วรู้สึกว่าเขาเคยอยู่ในวงการ เขาเคยออกไปข้างนอก เขาอยากมีปีก เขาทำอะไรเขาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน บางทีผู้หญิงอยู่บ้านเลี้ยงลูกเขาก็จะฟุ้งซ่านเหมือนกันนะ คนที่เคยได้ออกไปทำนู่นทำนี่ไปโน่นไปนี่แล้วไม่ได้ออก เขาก็มีภาวะอารมณ์อึดอัด ถ้าเกิดเขาออกไปแล้วยังมีเวลาให้ลูกมีเวลาให้ครอบครัวผมว่าก็ดี ก็อยากให้ออก

นุ้ก: ผู้จัดทั้งหลายคะสามีอยากให้ไปมากๆ ช่วยมารับไปหน่อย แต่จริงๆ แล้วนุ้กไม่ค่อยอยากไปค่ะ ลึกๆ อยากรับงานอยากทำงานเพราะรู้สึกว่าเป็นงานที่รักที่สุดในชีวิตเลยแต่จะรักลูกมากกว่าค่ะ คือถ้าไปแล้วใจจะขาดเพราะห่วงลูก แต่อยู่บ้านก็เหมือนปีกหักในใจเราก็รู้ว่าเราต้องการอะไร เพราะมันก็ต้องมีคำว่าเป็นอิสระ

ป้อ : ผมไม่ค่อยอยากให้อยู่กับลูกมากเพราะเขาเป็นคนโอ๋ลูกมาก ลูกผมเป็นผู้ชาย 2 คน คนโต 2 ขวบ คนเล็ก 9 เดือนแล้วงอแงมาก อ้อนแม่แบบทุกวันเลยครับ อ้อนแม่จนลูกผมเป็นเด็กแบบว่ามีอะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้ หาแม่ ขี้แย ผมก็เลยอยากให้เขาห่างๆ กันซะบ้าง ให้เขาออกไปทำงาน ไม่ใช่ดูแลลูกจนแบบว่าโอ๋ลูกจนเป็นคนไม่เข้มแข็งเพราะผมถูกเลี้ยงมาแบบนี้ และเขาหวงแม่มากทุกวันนี้ผมกอดเมียยังไม่ได้เลยครับ ทุกวันนี้ตอนกลางคืนกอดนุ้กเขาก็แบบว่าป๊าไปๆๆๆ ไล่เลยครับทุกคืนน่ะครับ

นุ้ก: คนเล็กกับคนโตจะแย่งกัน คนเล็กกอดแม่คนโตจะร้องไห้ พอวางคนเล็กคนเล็กก็ร้อง

ลูกติดแม่แถมแม่ก็ไม่มีเวลาให้พ่อ แล้วอย่างนี้คุณพ่อนึกน้อยใจบ้างรึเปล่า?

ป้อ : "ไม่น้อยใจครับชินแล้วครับ แรกๆ ก็มีน้อยใจตอนนี้ก็ปกติแล้ว เขามีเวลาให้เรากับเขามีเวลาให้ลูกก็มีค่าเท่ากันแหละครับ เพราะลูกก็ลูกเรา จริงๆ เราก็ช่วยกันเลี้ยงนะครับ ผมเจอกับลูกตลอดแต่ไม่ค่อยได้อุ้มเพราะว่าลูกผมตอนนี้ซนมากเลยไม่ยอมให้อุ้มครับ 9เดือนก็จะไปแล้วครับ ถ้ามีปีกคงบินออกนอกบ้านไปแล้วลูกผม เขาเป็นเด็กที่แบบว่าเขาอยากทำอะไรเขาจะทำด้วยตัวของเขาเอง ความจริงเขาอยากทำนี่นะเราไปบังคับเขาก็ไม่ได้แล้วครับ เด็กสมัยนี้โตเร็วมากเลย"

ดารากับข่าวเป็นของคู่กัน หากนุ้กกลับเข้าวงการอีกครั้งคงมีข่าวมากมายให้ระคายใจ เกี่ยวกับเรื่องนี้ป้อบอกเตรียมใจไว้แล้วแต่เรื่องฉากเลิฟซีนสามีหนุ่มออกปากห้ามเรียบร้อยแล้ว

"สำหรับฉากเลิฟซีนถ้ากล้าก็ลองดิครับ ส่วนเรื่องการเป็นข่าวที่จะมีตามมามากขึ้นผมว่าตัวเขาเองไม่กล้าหรอก กับตัวผมก็ไม่เป็นไร ผมรับได้อยู่แล้วถ้าไม่เป็นความจริง แต่ถ้าเป็นความจริงผมรับไม่ได้ คือก็อยากให้กลับเข้าไปเพราะจริงๆ ผมไม่ซีเรียสกับข่าวหรอกเพราะว่าผมเริ่มชินแล้ว ตอนนั้นผมโดนด่าเยอะมากแต่มันไม่จริงน่ะครับ ถ้ามันจริงผมก็คงจะเงียบ เจียมเนื้อเจียมตัวแล้ว ถ้าผมให้เขากลับเข้าไปแล้วจะมีข่าวมากขึ้นผมต้องทำใจไว้อยู่แล้ว"

งานนี้ภรรยาแอบแซวสามีว่า ถ้าเธอจะมีกิ๊กคงจะไปในที่ที่ไม่มีคนเห็นอย่างฮ่องกงแล้วใช่มั้ย สามีตอบยิ้มๆ ทันทีว่า ใช่แล้ว

ผู้จัดการออนไลน์
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์


และภาพสวย ๆจาก นิตยสารผู้หญิง