เอก รังสิโรจน์เผยยิ่งกว่าตกใจ ขับรถชนคนตาย

 เอกกล่าวว่า วันนี้พยายามติดต่อทางครอบครัวผู้ตายทั้งวัน แต่ยังติดต่อไม่ได้ พอดีมีคนแนะนำให้ติดต่อไปยังหัวหน้าสายงานของผู้ตาย และได้คุยกัน ความช่วยเหลือเบื้องต้น คือโอนเงินไปช่วยค่าทำศพก่อน 2 หมื่นบาท ตั้งใจช่วยครอบครัวเขาเต็มที่ ทราบว่า ครอบครัวเขายากจน และภรรยาของคุณลุงดีกับตนมาก ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะดูว่า ทางนั้นขาดเหลืออะไร แต่มีพี่แนะนำว่า อย่าพูดเรื่องเงินช่วยเหลือมาก เพราะจะกลายเป็นเรื่องเงินนำ

 พระเอกคนดังเล่าถึงวินาทีที่เกิดเหตุว่า
"อย่าใช้คำว่าตกใจเลย เอาเป็นว่า ตัวผมสั่นไปหมด ตอนที่ชนดังปึ้ง! ใจผมภาวนาว่า อย่าให้เป็นอะไรเยอะ ตอนนั้นยังไม่เห็นอะไร เพราะมันมืดหมด แว้บแรก ได้ยินคำว่า "ลูกฉัน ลูกฉัน" ผมใจตกไปที่ตาตุ่ม นึกว่าเป็นเด็ก พอเห็นว่า ไม่ใช่เด็ก ใจก็คลายลง เพราะถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็แข็งแรงกว่า ผมทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้ถือมือถือลงมาจากรถ ร้องให้คนแถวนั้นช่วยโทร.หา 191 แต่ไม่มีใครมี ผมได้สติ กลับไปหยิบมือถือในรถ และโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ รอจนเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิด ทุกคนตรงนั้นจะเห็นว่า ผมไม่ได้ไปไหนเลย อยู่กับลุงตลอด ผมก้มกราบขอขมาที่ศพ และกราบอกคุณป้า ว่า ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เจตนา คุณป้าก็น่ารักมาก โอบผม และบอกว่าเข้าใจ ปลอบ ใจเย็นๆ ให้มองว่าเป็นคราวเคราะห์ เพราะลุงเดินอยู่ตรงนี้เป็นประจำทุกคืน

 ถามว่า วันนี้จะไปงานศพหรือไม่
เอกกล่าวว่า ยังติดภารกิจไปไม่ได้ แต่เบื้องต้น ส่งพวงหรีดไปแล้ว ตั้งใจว่า พรุ่งนี้จะไป และจะไปวันเผา

 ถามว่าจะไปทำบุญหรือไม่
 เอกกล่าวว่า จะทำสังฆทาน และบวชพราหมณ์ 5-6 วันเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เขา แต่ขอเช็กคิวละครก่อนว่า ช่วงไหนจะว่าง

ถามว่าได้ดูดวงมาก่อนหรือไม่
เอกกล่าวว่า มีคนทักว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ผมไม่คิดว่า จะเกิดกับคนอื่นๆ แต่เหมือนมีลางบอกเหตุก่อนจะเกิดเรื่อง โดยก่อนที่ผมจะออกจากกองถ่าย สตาร์ตรถเท่าไหร่ก็ไม่ติด คาดว่าจะมาจากแบตฯ หมด จากนั้นก็รอเอารถคันอื่นมาพ่วงแบตฯ พ่วงยังไงก็ไม่ติด ทำอยู่ 4 รอบ ขยับขั้วยังไงก็ไม่ก็ติด ผมก็ท้อใจว่า จะนอนค้างที่กองถ่าย จนกระทั่งคนที่เอารถมาพ่วงแบตฯ ให้ ขยับขั้วให้จนรถติด จึงขับรถออกมา จากตรงนี้ทำให้ผมมั่นใจเชื่อร้อยเปอร์เซนต์ว่าเรื่องอย่างนี้มีจริง ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์พยายามรั้งไว้อย่างที่สุดแล้ว แต่ผมก็เดินทางออกมาจนได้ ผมคิดว่าเป็นคราวเคราะห์ของตนเองจริงๆ โชคร้ายที่ไปเกิดกับครอบครัวคนอื่น

 สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 27 มี.ค.53 พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สมบุญจิตร สารวัตรเวร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครนายกรับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนตาย จึงได้รุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร ร.พ.นครนายก และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างอริยะธรรมสถาน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพนายบุญจันทร์ นอนอยู่ในสภาพศพกะโหลกศีรษะยุบ ขาขวามีแผลถลอก พร้อมด้วยรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อวอลโว่ 940 จีแอล สีน้ำเงินเข้ม หมายเลขท่ะเบียน ณถ 2999 กทม.จอดอยู่ริมถนนสายนครนายก-วังรี สภาพกระจกหน้ารถแตกเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร

 ด้านพระเอกรังสิโรจน์  ให้การว่ากับตำรวจ ว่า ตนเองได้มาถ่ายละครเรื่อง “แม่ศรีไพร” ที่จังหวัดนครนายกมาหลายวันแล้ว และในวันนี้กำลังจะเดินทางกลับบ้าน เมื่อขับรถออกมาจากรีสอร์ท ถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางที่มืดมากตนเองมองไม่เห็นผู้ตายที่กำลังจะเดินข้ามถนนมาฝั่งตรงกันข้าม แต่ในระยะที่หลีกไม่พ้นแล้ว จึงชนร่างของผู้ตายอย่างแรงจนร่างกระเด็นขึ้นมาศีรษะฟาดกับกระจกแล้วจึงกระเด็นออกไปไกลจากตัวรถ เมื่อตนจอดรถลงมาดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งนายรังสิโรจน์ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะยินดีรับผิดชอบจัดการกับศพของผู้ตายอย่างเต็มที่