เสี่ยเจียง ยันไม่ขึ้นค่าตั๋ว ต้มยำกุ้ง ฟุ้งมีแต่จะสมนาคุณ

"เสี่ยเจียง" ยันไม่ขึ้นค่าตั๋ว "ต้มยำกุ้ง" ฟุ้งมีแต่จะสมนาคุณ

ยังไม่ทันลงโรงฉายจริงแต่หนังบู๊ แอ็กชั่นลงทุนสูงอย่าง ต้มยำกุ้ง ก็โกอินเตอร์ขายเมืองนอกกวาดรายได้ไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท บิ๊กสหมงคลฟิล์ม เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิรฐ เลยทุ่มทุนอัดงบโฆษณาสูงลิ่วถึง 100 ล้านบาทเพื่อหวังเรียกกำไรในประเทศไทย แถมยังได้แรงสนับสนุนสุดตัวจากรัฐบาลเมื่อท่านนายกฯ "ทักษิณ ชินวัตร เปิดทำเนียบเลี้ยงขอบคุณทุกประเทศเพื่อช่วยโปรโมตหนังอีกแรง

กระแสแรงแบบนี้เลยมีข่าวออกมาว่าสหมงคลฯ เตรียมที่จะขึ้นราคาตั๋ว "ต้มยำกุ้ง" เพื่อให้สมศักดิ์ศรีมันซะเลย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายใหญ่ของสหมคลฟิล์ม "เสี่ยเจียง" ก็ได้ยืนยันแล้วว่า ข่าวลือเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ส่วนที่ตนเองเคยพูดไว้นั้นก็แค่บอกในทำนองที่ว่า หากหนังเรื่องนี้จะมีการขึ้นราคาก็เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่น่าเกลียด เพราะการลงทุนค่อนข้างจะสูงและเป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่ช่วยเชิดหน้าชูตาเมืองไทย

"นายยกฯ เปิดทำเนียบเลี้ยงให้คนซื้อทั้งหมด 70 กว่าประเทศที่เข้ามา หนังไทยดังในเมืองนอกมันก็ช่วยเรื่องการท่องเที่ยว วันนี้เราคนไทยสามารถสร้างชื่อเสียงต่างแดนได้ด้วยหนังไทยเรา ใครจะคิด ผมอยู่วงการหนังมา 40 ปี ไม่เคยคิด เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เคยฝัน อย่างเมื่อก่อนได้ไปฉายแค่ฮ่องกง โอ๊ย ดีใจตายแล้ว ทั้งตั๋วเครื่องบิน ทั้งโรงแรมประมาณ 10 ล้านผมจ่ายเอง รัฐบาลเลี้ยงแค่อาหารมื้อเดียว วันที่เปิดทำเนียบเลี้ยงนายกฯ อยู่ ซึ่งตอนนี้เราก็ขายไปประมาณ 500 กว่าล้านแล้ว

รวมงบค่าโฆษณาอะไรทั้งหมด 300 กว่าล้าน ไม่เกิน 400 ตัวสปอนเซอร์ก็ช่วยบ้างไม่มากหรอกประมาณสัก 50 ล้าน เขาคุ้ม เราน่ะไม่คุ้มเพราะเราเทโฆษณาออกมา เมื่อก่อนนี้เราเอาสปอนเซอร์ก็เพราะว่าถ้าทำหนังไทยเรื่องนึงเราลง 5 - 6 ล้าน ได้สปอนเซอร์เข้ามาช่วย 3 - 4 ล้านคุ้ม แต่เดี๋ยวนี้เราเทโฆษณาเป็นล้านได้เข้ามา 5 ล้านไม่คุ้มหรอก ในเมืองนอกเรายังขายได้ แผนการตลาดที่คิดขึ้นมาผมว่าผมมีปัญญาเรียกคืนที่ประเทศไทยได้

ย้ำไม่มีการขึ้นค่าตั๋วอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีแผนเตรียมคืนกำไรให้กับคนดูอีกต่างหาก
ไม่เพิ่มแน่ เราไม่มีการเพิ่มค่าตั๋วอย่างแน่นอน ครั้งที่แล้วเป็นการเข้าใจผิดเรื่องของโรงหนังเขาจะลดค่าตั๋วซึ่งผมคุยกับที่สมาพันธ์ว่าเราเป็นหนังอย่าไปยุ่งกับส่วนโรงหนังเข้าเลย เขาอยากลดเรื่องของเขา เขาก็เสียหายเอง มีเยอะแยะ อยากลด 80 บาทไอ้หนังก็โวยวายร้องสมาพันธ์ เราก็ไปไกล่เกลี่ยให้ แล้วผมบอกว่าถ้าหนังเราดีก็ขึ้นค่าตั๋วซิ"
"ถามผมว่าแล้วต้มยำกุ้งขึ้นมั้ยผมบอกไม่แน่เท่านั้นแหละอินเตอร์เน็ตเขียนใหญ่ ผมได้กำไรจากเมืองนอกเยอะแยะแล้วจะมาขูดรีดกับคนไทยทำไม มีแต่คิดจะหาทางที่ยังไงจะคืนกำไรให้กับประชาชน ตอนนี้ให้ฝ่ายการตลาดดูอยู่

ขายมาแล้วทุกประเทศทั่วโลกยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ เสียเจียงเขาขอเมินไม่ยอมขายลิขสิทธิ์ให้ทั้งที่อุตส่าห์ขนเอาพระเอกของเรื่องอย่าง "จา พนม" ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ขายลำไย
จีนเป็นประเทศที่เราไม่ได้ขายให้ประเทศเดียว จีนคือปัญหาซื้อไปแล้วฉายแล้วเขาบอกว่าสามารถพิมพ์เป็นซีดีขายได้เขาบอกขายทั้งโลกได้ งั้นต้องมาสร้างเอง อย่ามาซื้อหนังผม เราขายลิขสิทธิ์คุณมีสิทธิ์ขายได้ในประเทศ แต่เขาสามารถจำหน่ายทั่วโลก มันเป็นกฎหมาย คุณขายทั้งโลกได้งั้นผมก็ตายสิ

ไม่ใช่แค่ ต้มยำกุ้ง เท่านั้นที่มีสิทธิ์โกอินเตอร์ หนังลงทุนสูงอีกเรื่อง ปืนใหญ่จอมสลัด ที่ยังไม่เปิดกล้องถ่ายทำก็ขายเมืองนอกได้แล้วเช่นกัน
เราต้องคลำตลาดเมืองนอกให้เจอ นั่นคือผมไปบุกเบิกให้ก่อน ฉะนั้นหนังไทยเราสามารถตามเขาไปได้ หาเมืองนอกได้บ้าง ถ้าได้เมืองนอกผมมั่นใจว่าการทำหนังไทยสะดวกยิ่งกว่านี้มากขึ้น เพราะเรารู้ว่าเราได้เงิน อย่างหนังปืนใหญ่จอมสลัดเราขายไปได้เกือบล้านเหรียญ ยังไม่ได้ถ่ายทำเลยอังกฤษเซ็นไปก่อนแล้ว

สร้างประวัติศาสตร์ให้คนไทยมีโอกาสดู "ต้มยำกุ้ง" พร้อมกันทั่วประเทศ
ลงทุนไปประมาณ 200 กว่าล้าน ก็นักหนาแล้วนะกว่าจะทำหนัง 200 กว่าล้านออกมาได้ เหนื่อยนะ ผมว่าในประเทศไทยมีปัญญาเรียกกลับได้ กระแสหนังเรื่องนี้มีคนอยากดูเหลือเกินมันมาก อีกอย่างหนังเรื่องนี้ผมไม่ได้ให้ต่างจังหวัดซื้อเหมือนหนังทั่วไป คือเราจะให้ต่างจังหวัดทั้งประเทศฉายพร้อมกันหมด ฉายแล้วแบ่งกัน คนซื้อเราก็ให้กำไรไปแล้วเราให้กินหัวคิวไป แต่จะฉายตรงกับโรงหนังเพื่อให้คนทั้งประเทศได้ดูพร้อมกันทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นก๊อปปี้หนังเรื่องนี้จะมากที่สุดในประวัติศาสตร์พอๆ กับสุริโยไท เป็นวันเฉลิมด้วย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์