เสี่ยอู๊ด! ยอมรับผิดเอง แต่ที่ทำก็เพราะรัก

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย เสี่ยอู๊ด! ยอมรับผิดเอง แต่ที่ทำก็เพราะรัก

แย้มมีเด็กในวงการบันเทิงอีกหลายคนที่เคยอุปการะ

"เสี่ยอู๊ด" แฉ "ฟิล์ม" ส่งท้ายในรายการ "คุยแหกโค้ง" ปะทะคารมสุดมันกับ "อ.ยิ่งศักดิ์ ธวัชไชย" เจ้าตัวเผยไม่เอาอะไรคืนแม้แต่คำขอโทษพร้อมยอมรับผิดเรื่องทั้งหมดเอง ลั่นที่ทำไม่ได้ทำลายแค่จะสอนนักร้องหนุ่มให้เป็นคนพูดจริง แย้มมีเด็กในวงการบันเทิงอีกหลายคนที่เคยอุปการะ

เอ่ยปากจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เป็นครั้งสุดท้ายแล้วสำหรับ "เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม" หลังไปร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ "คุยแหกโค้ง" ร่วมกับ 2 พิธีกร "ธวัชไชย อิสระไกรศีล" และ "อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์" (เทปออกอากาศวันพุธที่ 26 และ-พฤหัสบดีที่ 27 เวลา 23.30 น.ทางททบ.5) เจ้าตัวบอกที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะรัก และต้องการจะสั่งสอนให้นักร้องหนุ่มพูดความจริงเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายแต่อย่างไร

จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ฟิล์มคิดฆ่าตัวตายได้ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ชีวิตเขาแตกสลายทำมาหากินไม่ได้?

"ผมก็สงสารน้องมาก รักให้แยกรัก รักให้ถูก ถ้าเรายังปล่อยให้เขาพูดไม่จริงผมกลัวว่าในภายภาคหน้าเขาจะติดนิสัยนี้ไป เอานิสัยนี้ไปใช้ในชีวิต แล้วมันจะทำร้ายเขาตลอดชีวิตเหมือนกัน อย่าลืมว่าชีวิตเขาไม่ได้มีแค่วันนี้พรุ่งนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานอยู่ในวงการนี้แล้ว ผมก็ยังจะช่วยเขาอยู่"

อย่าลืมว่าน้องเขาเป็นเด็ก การออกมาแบบนี้เป็นการทำร้ายเขา?

"เขาไม่ได้ดาวดิ้นเพราะผมน่ะ เขาดาวดิ้นเพราะตัวเขาเอง เพราะถ้าเขาพูดจริงตั้งแต่ครั้งแรก ก็คงไม่ต้องเป็นอย่างนี้"

ก็เขาเป็นเด็กเขาต้องอายคน?

"แต่นี่ผมให้อภัยน่ะ ผมยังรักเขามากๆ รักถึงขนาดบางเรื่องผมไม่พูดแล้วกัน เพราะเดี๋ยวน้องเขาจะเสียหายมากไปกว่านี้ ผมอยากให้เขายืนหยัดบนความเป็นจริงไม่อยากให้ยืนอยู่บนความเป็นมายา"

พี่รักเขามากกว่าเขารักพี่หรือเปล่า รักมากเกินไปไหม แต่รัก ต้องเสียสละต้องอุ้มชู ไม่ใช่รักแล้วทำให้อีกฝ่ายตายไปข้างหนึ่งอย่างนี้?

"ขนาดพ่อแม่เห็นลูกทำผิดยังต้องตีเลย จริงๆ แล้วครั้งนี้เป็นการตักเตือนกันภายในแต่เขาหลบหลีกหนีปัญหาเลยทำให้ต้องตบตีกันนอกตลาด ถ้าปล่อยไปนิสัยยิ่งจะแย่กว่านี้"

การที่ทำแบบนี้ กับการที่ปล่อยไป ไม่พูดอะไร อันไหนจะแย่กว่ากัน เราจะไม่เสียหายมากกว่าเหรอ เพราะเราเป็นผู้ใหญ่น้องเขาเป็นเด็ก?

"ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กว่าเสียหาย ในวงกว้างเขาเป็นที่รู้จักในสาธารณะ เวลาเขาพูดอะไรคนอื่นย่อมที่จะฟังเขา ส่วนตัวผมก็เสียหายหนักเหมือนกัน เพราะเสียความน่าเชื่อถือในสังคม แต่พอมันเกิดข่าวขึ้น พอเขาพูดไม่เป็นความจริง ผู้ใหญ่ก็เลยชักไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใครดี และถ้าไม่เชื่อผมก็ส่งผลกระทบมายังงานการของผม สุดท้ายใครก็ต้องรักตัวเอง ถ้าเกิดมีใครโยนถ่านร้อนๆ ให้อาจารย์ยิ่งศักดิ์ แล้วยังจะกอดถ่านนั้นอีกไหม"

เคยหลุดปากออกมาว่าไม่ใช่คนแรกที่ดูแลแบบนี้ มีอีกกี่คน ที่อยู่ในวงการบันเทิง ไม่บอกชื่อก็ได้?

"ถ้าเกิดพูดแล้วต้องโกหกผมขอไม่พูดดีกว่า วันนี้ผมยังไม่พูดดีกว่า ทั้งจำนวนและเรื่องราว เรื่องอุปการะคนผมชอบทำเป็นนิสัยอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วยคนที่เขามีความทุกข์ ผมช่วยมาเป็นร้อย"

ที่มาช่วยอย่างนี้หวังอะไรจากฟิล์ม?

"ผมได้นำดวงชะตาตั้งแต่ก่อนเขาดัง ไปให้หมอดูที่ไม่ใช่หมอดูติ๊งต๊อง หรือไม่ใช่โหรโปรโมท เขาดูให้บอกว่าเด็กคนนี้จะดัง ดังแต่ยังไม่มีตังค์ จะมีตังค์ก็ช่วงปลายปี 48 ส่วนปัญหาเรื่องบ้าน ทุกอย่างจะคลี่คลายเพราะจะมีผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ ซึ่งตอนนั้นผมยังงงอยู่เลยว่าผู้ใหญ่คนนั้นจะเป็นใคร ก็ยังไปเล่าให้น้องฟัง ก็ยังคิดเลยว่าจะเป็นผู้ใหญ่ทางเขาหรือเปล่า ไปๆ มาๆ กลับเป็นผม"

"หมอดูบอกว่าให้ช่วยเหลือเด็กคนนี้ไปเหอะ ในวันข้างหน้าเขาจะมีความกตัญญู ผมเองก็ไม่มีลูกไม่มีเต้า อยู่ตัวคนเดียว ก็กะให้น้องเป็นที่พึ่งในยามแก่เถ้า ป้อนน้ำข้าวต้ม ในวันก่อนตาย อย่างน้อยในวันข้างหน้า ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง น้องก็น่าจะช่วยได้"

อะไรที่ทำให้เชื่อมั่นขนาดนั้น ว่าฟิล์มจะเป็นคนดีอย่างนั้นจริงๆ?

"น้องเป็นคนดีน่ะ ทุกคนอย่าทำร้ายล้างเขาเลย เด็กคนนี้เป็นคนดี แต่คนดีก็เผลอทำผิดได้ เราต้องแยกให้ออกระหว่างสิ่งที่ดีและสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าทำดีอย่างเดียวแต่ทำไม่ถูกต้องไม่ได้ จะทำดีต้องทำให้ถูกต้องด้วย สองสิ่งนี้ต้องคู่กัน น้องเขาเป็นคนดี ชอบทำบุญทำทานและแม่เขาก็เป็นคนใช้ได้ ถึงแม้คุณพ่อเขาจะเป็นคนไม่ค่อยเอาอ่าว เท่าไหร่ แต่สิ่งที่น้องทำผิดพลาดไปในวันนี้ ก็อาจจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์"

"ผมได้รับการ สั่งสอนมาว่า ผิดหนึ่งพึงให้อภัยทาส ผิดสองก็อาจอภัยซ้ำ ผิดสามอย่าได้ทำ งานนี้น้องเขาทำผิดพลาดเกิน 3 ครั้ง ผมเลยต้องออกมาพูด เพราะผมเสียหายมาก ทีแรกที่คบกับเขาก็เห็นว่าเป็นคนดี อย่างผมพูดคำไหนเขาก็โอเค ถ้าเบื้องต้นแรกที่คบกันน้องไม่มีสัจจะคำพูดไม่เป็นคำพูด ผมก็อาจเอ็นดูแต่ไม่ช่วยเหลือ แต่ในตอนแรกเราเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง เราก็เลยเชื่อมั่นว่าการที่พูดจริงและทำจริงเป็นการกระทำที่ดีงาม ทั้งนอกและใน"

ด้วยความที่น้องเขาเด็ก ถ้าเกิดกินยาฆ่าตัวตายเพราะความอับอายจะสะใจคุณอู๊ดไหม?

"ผมคงเสียใจมาก"

ครั้งแรกที่คุณแถลง ได้บอกว่าขอแค่ฟิล์มออกมาพูดยอมรับความจริง ตัวคุณจะไม่มีการแถลงใดๆ อีก แต่ทำไมถึงมีการแถลงครั้งที่ 2 เกิดขึ้น?
"ผมบอกว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายถ้าเขาไม่พูดในสิ่งที่ทำให้ผมเสียหาย นักข่าวก็เลยถามผมว่าถ้าน้องออกมาพูดแล้วผมจะทำอย่างไรต่อไป ผมเลยบอกไปว่าถ้าน้องออกมายอมรับความจริงและขอโทษผ่านสื่อ แต่นี่เขาออกมายอมรับความจริง ก็จริง แต่ไม่ได้เอ่ยขอโทษผม ซึ่งเขาทำผิด ทำไมเขาไม่ขอโทษ"

ถ้าพูดขอโทษคำเดียวทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหม?
"ผมได้ส่งแมสเสสหาเขาบอกว่า ถ้า ฟิล์มมาขอโทษเป็นการส่วนตัว เป็นอันทุกอย่างจบ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

จะยังคิดฟ้องน้องหรือจะมีการออกมาแถลงอีกไหม?
"ถ้าไม่มีอะไรมากระทบกระเทือนผมอีกที่เป็นการทำลายชื่อเสียง ทั้งในเรื่องความรู้สึก และเสียหายในเรื่องอื่นๆ ทั้งตัวน้องและสังกัด ผมก็จะอยู่เฉยๆ ครับ"

รักของพี่อู๊ดที่มีต่อฟิล์มคืออะไร?

"รักคือรัก รักที่มีต่อฟิล์มคือปรารถนาให้เขาเป็นคนที่ดีพร้อมทุกอย่างในวันหน้า ไม่ใช่เป็นความรักที่ช่วยกันขายผ้าเอาหน้ารอด รักษาภาพลักษณ์ และไม่มีคุณธรรม ไม่มีสัจจะวาจา เพราะจะบ่งบอกนิสัยในวันหน้า"

ถ้าเกิดเราจะตามหาคำว่าขอโทษจากน้องมาให้จะยอมรับและยุติทุกอย่างไหม?
"จริงๆ คนเราถ้ามีสำนึกไม่ต้องให้ใครมาบังคับ ผมไม่ต้องการคำขอโทษที่ทุกคนต้องไปบังคับ ผมต้องการความรู้สึกและคำพูดจริงๆ ถ้าคำพูดบอกขอโทษแต่ใจไม่ได้ขอโทษ มันก็ไม่มีความหมาย"

"...ฟิล์มไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ แค่ฟิล์มไม่พูดอะไร อยู่เฉยๆ นั่นคือการขอโทษแล้วครับ ถ้าฟิล์มไม่พูดอะไรให้พี่เสีย พี่ถือว่าพี่เป็นฝ่ายเสียเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องขอโทษ แต่นี่ ฟิล์มพูดแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้พี่ร้ายแรง มากกว่าที่พี่พูดร้อยเท่าพันเท่า" (น้ำตาซึม)

"ที่ผ่านมาพูดออกมาเยอะแล้วอยากหาวิธีจบเสียที ตอนนี้หากแม่ฟิล์ม พ่อฟิล์ม หรือตัวฟิล์มเองได้ฟังอยู่ ไม่ต้องขอโทษพี่แล้ว พี่ขอโทษเองแล้วกัน พี่รู้สึกละอายใจ ที่เรื่องออกมาถึงขนาดนี้ และพี่ก็เสียใจที่ต้องทำขนาดนี้ อยากให้ฟิล์มจงจำไว้ ว่าทั้งคำพูดและการกระทำของพี่ ให้เป็นตัวเตือนสะกิดใจฟิล์มในภายภาคหน้าจะได้ไม่ทำในสิ่งที่ผิดอีกจะได้ไม่เกิดความเสียหายยิ่งใหญ่ตามมา จงนำสิ่งที่เกิดกับพี่ทั้งหมดเป็นบทเรียนสอนตัวเองและในอนาคต"

"เอาเป็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องเอามาคืนไปคิดเองจงทำสิ่งที่ดีที่สุดจงพูดสิ่งที่ดีที่สุดและจงดีกับคนที่เขารักเราและจงดีกับคนที่เรารัก ไม่ต้องมาดีกับพี่แล้วและไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดแล้ว ขอให้ได้ดีโกอินเตอร์ไปเลย แต่ไม่ต้องมาขอโทษพี่แล้ว ให้เกิดเป็นข่าวที่เป็นขี้ปากคนทั้งประเทศต่อไป พี่ขอโทษที่พลาดไปทำให้เธอต้องเสียถึงขนาดนี้ พี่ยอมรับความผิด แต่พี่ไม่ยอมให้ฟิล์มเป็นคนผิดต่อไปในอนาคต"

"พี่อภัยให้แล้วจะขอโทษหรือไม่ขอโทษ ในอนาคตอยากให้น้องนำเรื่องนี้ไปเตือนไปสอนตัวเอง สะกิดใจว่าจะพูดอะไรให้พูดความจริง ถ้าไม่สามารถพูดความจริงได้ให้นิ่งซะ ไม่ต้องพูดน่ะฟิล์ม อย่างน้อยพี่ก็รักเอ็ง จงทำในสิ่งที่ดี ในเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นผมพยายามบีบให้เขาพูดจริงทำจริงคิดจริงเพราะจะได้เป็นผลที่ดีในอนาคต เขาต้องเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ต้องทำธุรกิจในภายภาคหน้า ถ้าเขายังคิดไม่จริงทำไม่จริงเขาจะขาดความน่าเชื่อถือ และมันจะเลวร้ายไปกว่าปัจจุบัน"

"อนาคตยังอีกไกล ฟิล์มเพิ่งอายุ 22 ปี ให้เกียรติน้องคนนี้ ยังวิงวอนขอให้ทุกคนจบ และอีกอย่างผมขอโทษ... (น้ำตาซึม) ไม่ต้องพูดผมพูดเลยว่าผมผิดที่ต้องมาให้ข่าวความจริงเกิดความเสียหาย จริงๆ แล้วทุกคนต้องเห็นแก่ตัวผมก็ต้องออกมาปกป้องตัวผม เพราะมีผู้ใหญ่ถามสรุปว่าเขาจะเชื่อใคร ถ้าอีกฝ่ายไม่โกหกผมก็ต้องโกหก ผมเลยต้องออกมาแสดงให้เห็นว่าผมไม่ได้โกหกนะครับ แต่การแสดงของผม ไม่ได้ลึกล้ำถึงขนาดทำให้ใครเสียคน ต้องผูกคอตาย เพียงแค่ต้องเข้าไอซียูบ้าง ก็แค่บำบัดไม่นานเดี๋ยวก็หาย ฟิล์มยังเป็นคนดี ของเยาวชน เป็นคนของประชาชน ผมเชื่อว่ายังไม่มีศิลปินคนไหนเทียบเขาได้ในขณะนี้"

น้องเขารู้อยู่แล้วว่าผมรัก เขาถึงยังดื้อไง

ทำไมถึงเอ่ยขอโทษซะเอง?

"น้องเขารู้อยู่แล้วว่าผมรัก เขาถึงยังดื้อไง ถ้าเขารู้ว่าผมไม่รักเขา เขาคงไม่ดื้อดึงหรอก ตอนนี้ผมรู้ว่าเขาเสียใจ แต่ผมเสียใจมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วคนทั้งหมดที่เป็นองค์ประกอบในชีวิตเนี่ยเดี๋ยวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ตัวเขาน่ะเป็นของจริง อยากให้ทุกอย่างตอนนี้จบด้วยความจริง ไม่ทำให้ผมเสียหาย ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่อยากเสียหาย แต่ความจริงนั้นเป็นการส่งเสริมให้น้องแลดูเป็นคนดี มีสำนึกดี ถ้าเกิดน้องพูดความจริงทั้งหมดสุดท้าย คนก็จะมองว่าน้องเขาเป็นคนดี แต่ทั้งนี้ทั้งหมดไม่จริงร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง พี่ไม่ได้เรียกร้องอะไรแล้ว แต่อย่าให้ต้นสังกัด หรือใครมาสะเทือนอีก เพราะพี่ก็เป็นปถุชนธรรมดา"

"ส่วนข่าวที่ออกมาว่าอาร์เอสจะฟ้องกลับก็ดีเหมือนกัน ฟ้องมาก็จะได้ไปสาวกันในศาลสุดท้ายก็จะได้เละเทะกันเข้าไปใหญ่ เกิดอะไรกันมา ผมเองก็เตรียมเอกสารทั้งหมดไว้แล้ว ตอนแรกเตรียมว่า 7 วันแล้วค่อยฟ้อง ผมแค่ตียังไม่ได้ฆ่า ถ้าผมฟ้องอะไรจะเกิดขึ้น"

แล้วข่าวที่เกิดขึ้นกับศิลปินคนอื่น อาทิ โบกี้, ไผ่ ผาทิศ นั้นจริงไหม?
"คำพูดก็คือคำพูด ความจริงก็คือความจริง ตอนนี้มีข่าวกับน้องคนเดียว แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว เอาเวลาไปทำงานหน่อยดีกว่า อยากฝากไปถึงคนไทยทั้งประเทศเห็นศิลปิน แค่รูปลักษณ์เสียงเพลง ความบันเทิง แต่สิ่งที่ดี เลือกคิดเอาเองว่าสิ่งใดเป็นดี สิ่งใดไม่ดีก็อย่าเอาเป็นแบบอย่าง อยากให้พ่อแม่คนอื่น เอาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหมือนบทเรียนเล่มหนึ่ง สอนเยาวชนไทยทั้งประเทศ"