เวียร์ปรับตัว-ลดอีโก้ เข็ดสมญาพระเอกขี้เมา

"เวียร์"ปรับตัว-ลดอีโก้ เข็ดสมญา"พระเอกขี้เมา"

กําลังวาดลวดลายซาดิสต์ในละคร "วงเวียนหัวใจ" ได้อย่างเข้มข้น สำหรับพระเอก 7 สี "เวียร์"ศุกลวัฒน์ คณารศ  หลังมีข่าวครึกโครมเรื่องไปเมาแอ๋ข้างถนน ทำเอาภาพลักษณ์พระเอกติดลบ โดยก่อนหน้าก็เจอครหาต่างๆ นานา บ้างว่าเรื่องเยอะ อีโก้สูง

วันนี้มาฟังจากปากเขาดูว่า แท้จริงแล้ว "เวียร์-ศุกลวัฒน์" เป็นคนอย่างไรกันแน่

lเข้ามาวงการบันเทิง แล้วได้ทำงานตรงนี้รู้สึกอย่างไร?
"ดีนะ ถือเป็นชีวิตที่ได้ทำอะไรเยอะมาก ได้มองโลกมากขึ้น มันทำให้เราได้เรียนรู้ทุกอย่างในสังคม และก็โตขึ้นด้วย"

lคิดไหมว่าจะมาถึงขนาดนี้?
 "ไม่นะครับ ถือเป็นดวง โชคดี และก็ผู้ใหญ่เอ็นดู ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ ยอมรับว่าเป็นคนใจร้อนมาก คือเราก็เป็นเรา ตอนนั้นรู้สึกว่าเราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยเหรอ ตอนนั้นอีโก้พอตัว พอสุดท้ายแล้วก็รู้สึกว่าต้องซอฟต์ลงหน่อย เพราะเราตรงเกินไป บางอย่างไม่พูดก็ได้ มันทำให้เราเริ่มใช้ประสบการณ์ ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไป"

lนานไหมกว่าจะปรับได้?
เวียร์ - "เรื่อยๆ นะ จนวันนี้ก็ยังปรับอยู่ อย่างเรื่องข่าวนี่ผมเฉยๆ ตั้งแต่แรก ผมรู้สึกว่ามันคืออะไรที่คู่กัน ก่อนเข้าวงการผมมีศึกษานะว่าเขามีข่าวอะไรกัน มีข่าวเลิกกัน ข่าวเกาเหลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ความจริงใครจะรู้ล่ะ มันก็เป็นคนที่รู้กันไม่กี่คน ผมเลยรู้สึกว่าถ้าเราไปให้ความสนใจกับข่าวนี้ แล้วเราหัวเสีย มันจะส่งผลไม่ดีกับเราเอง"

lแต่เวียร์ก็โดนเยอะนะ?
 "โดนเยอะครับ โดนตั้งแต่เข้าวงการ จนถึงวันนี้ก็โดนตลอด บางทีเราก็มีพลาดเองด้วย อันไหนที่เป็นความจริงเราก็ยอมรับ อันไหนที่ไม่จริง เราก็บอกว่าคงเป็นการเข้าใจผิด"

lโดนอย่างนี้แล้วทำให้รู้สึกอึดอัดไหม?
"ไม่ได้อึดอัดนะ กับการที่เราเสียเวลาส่วนตัว กับสิ่งที่เราได้ตอบแทนผมว่ามันคุ้มค่า ผมว่าหายากที่อาชีพไหนจะทำรายได้เท่านี้ อาจจะมีธุรกิจอะไร แต่ผมว่ามันคุ้มกับการที่เราเหนื่อย ยอมทนเหนื่อย ยอมเสียเวลาส่วนตัวบ้าง ไม่ได้รู้สึกว่าเสียความเป็นตัวเองไป แต่ถ้าวันไหนเรารู้สึกอย่างนั้น แสดงว่าอันนั้นไม่ใช่แล้ว เราต้องอยู่กับตัวเอง ต้องเป็นเวียร์ ไม่ใช่เวียร์ดาราหรือเวียร์พระเอก แต่เราคือเวียร์-ศุกลวัฒน์"

lแล้วเวียร์-ศุกลวัฒน์เป็นอย่างไร?
"เวียร์-ศุกลวัฒน์ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนตรงมาก เป็นคนหลายบุคลิก เดี๋ยวเครียด เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวอารมณ์ดี คือบางทีมองยากว่าวันนี้มาแนวไหน เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม จนบางทีดีจนเกินเหตุ ทำให้เกิดเรื่องก็มี เป็นคนยิ้มกับผู้หญิงทุกคน เป็นคนอารมณ์ดี แต่เป็นคนที่ไม่เจ้าชู้ นี่คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในชีวิตที่มีอยู่ที่ไม่เจ้าชู้ เพราะเราผ่านช่วงที่เป็นวัยรุ่นมาแล้วเราโตขึ้น ถามว่ามองผู้หญิงไหม มอง แต่ไม่มีสานต่อ เป็นผู้ชายที่ดูผู้ชายมากๆ ดูดิบๆ ดูเป็นเด็กต่างจังหวัด ดูตรงๆ"

lตอนเข้ามา อย่างแรกที่โดนคือเป็นคนชอบสังสรรค์ เป็นแบบนี้เพราะเด็กๆ อยู่ในกรอบ พอโตขึ้นเลยอยากใช้ชีวิตอิสระหรือเปล่า?
"เปล่าครับ คือจริงๆ ผมใช้ชีวิตอิสระมาตั้งแต่เกิด ครอบครัวผมเลี้ยงผมมาแบบบุฟเฟต์ แต่ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลยนะ ครอบครัวฐานะ ปานกลาง เลี้ยงมาอย่างคุณชายคุณหนูเลยแหละ ผมรู้สึกว่าชีวิตผมอิสระมาตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย เริ่มขับรถเอง ไปเรียนเอง ดูแลตัวเอง หาเงินเอง พอเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ย้ายมาอยู่หอ บ้านอยู่ขอนแก่นนะ แต่ไม่อยากอยู่บ้าน อยากฝึกอยู่ด้วยตัวเอง อยู่ไปอยู่มาก็ติดการอยู่หอ อยู่จนจบปี 4 แล้วไม่ค่อยกลับบ้าน ชอบสังสรรค์"

"ผมไม่ได้โทษนะว่าวิศวกรทำให้ผมดื่มเหล้า ผมว่ามันเป็นที่สังคมเรามากกว่า เรามีเพื่อนเยอะ แล้วเราเป็นคนเฮฮา มันเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็น บรรยากาศที่มีความสุข ได้อยู่กับคนที่รู้ใจ ได้อยู่กับเพื่อนรัก แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนที่สังสรรค์ตลอดนะ จะมีลิมิตของเรา"

lเหมือนว่าตอนเรียนอิสระเต็มที่ แต่พอเข้าวงการกลายเป็นว่ามีกรอบมากขึ้น?

"ใช่ครับ มาอยู่ตรงนี้ทำให้มีกรอบมากขึ้น เราโตขึ้น เราวางแผนการใช้ชีวิตเองมากขึ้น เราต้องดูแลตัวเองมากขึ้น แต่ที่มีข่าวออกมาล่าสุด เพราะมันเป็นดวงซวยของผมเอง ตลกมาก ผมพลาดเองผมก็ทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนตามปกติ เพื่อนโทร.มาเราก็ไป ไม่เจอกันนาน เจอกันหน่อยดริงก์กันหน่อย"

lแต่ไม่หน่อยใช่ไหม?
"มันก็ไม่เยอะ แต่มันบวกกับว่าการทำงานและความเหนื่อย ซึ่งเราคิดว่าเราไหว เราก็ขับรถกลับบ้านตามปกติ ตอนแรกก็ว่าขับไหว แต่พอขับมามันเริ่มรู้สึกว่าควรพักผ่อน ก็จอดรถนอนตามปกติ ซึ่งผมยอมรับว่าผมจอดรถนอนและก็ดื่มมาจริงๆ และก็มีพลเมืองดีมาช่วยขับรถให้ ก็ต้องขอบคุณเขา ไม่ได้มีการโดนจับอะไรทั้งนั้น เป็นการที่เขาดูแลเรามากกว่า เขากลัวจะมีโจรมาขโมยของ เพราะเราไม่ได้ล็อกรถ"

lเรียกว่าครั้งนี้พลาดจริงๆ?
"ถือว่าเป็นบทเรียนนะ จริงๆ เรามีคนขับรถ แต่วันนั้นไม่ได้เอาไปด้วย ไม่รู้คิดอะไรอยู่ ปกติจะดื่มที่บ้านตลอด ซึ่งผมมองอีกมุมหนึ่ง ผมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ อย่างที่เขาบอกว่าถ้าง่วงถ้าเมาก็ให้จอดนอน ผมก็ทำถูกกฎนะ ผมก็จอดรถข้างถนน เมาก็ต้องจอด ง่วงก็ต้องจอดนอน นี่คือสิ่งที่เรายังมีสติที่เราคิดไม่ควรจะขับรถต่อ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมันอาจจะแย่กว่านี้"

"ก็ต้องถือว่ามันพลาดกันได้ แต่เราเป็นพระเอก เราจะมีภาพแบบนั้นบ่อยไม่ได้หรือไม่ควรมีด้วยซ้ำ เพราะเราต้องเป็นตัวอย่างให้เยาวชน ซึ่งก็เข็ดนะ พยายามจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก"

มีสำนึกรับผิดชอบอย่างนี้ ใครบ้างจะไม่ให้อภัย



ประสบการณ์

เข้าวงการมาเพียง 3 ปี แต่ดูเหมือนผลงานแสดงของพระเอกหนุ่ม "เวียร์-ศุกลวัฒน์" จะมีเข้ามาไม่ขาดสาย ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยอมรับ

"ตั้งแต่เข้าวงการก็มีงานเข้ามาตลอดครับ ถือว่าโชคดี ผมเข้าวงการมา 3 ปี ไม่ได้นับว่ามีละครกี่เรื่อง แต่คงประมาณ 10-11 เรื่อง มันก็โอเคนะ เฉลี่ยปีละ 4 เรื่อง"

ละครที่ผ่านมาที่เล่น เขาเล่นได้ทุกแนว มีแนวไหนมาให้เล่น ต้องเล่นได้หมด โดยให้เหตุผลว่า "เพราะนักแสดงช่อง 7 สามารถแทนกันได้หมด ทุกคนต้องพร้อมเสมอ"

ดาราหนุ่มบอก เคยมีเหมือนกันที่รับเล่นแบบส้มหล่นนั่นคือ "พลิกดินสู่ดาว" ละครเรื่องแรกของเขา

"เรื่องนี้ตอนแรกผมไม่ทราบว่าเขาวางใครไว้ แต่พอผมมาเซ็นสัญญาวันแรก ผู้ใหญ่ให้เล่นเลย แบบที่เราไม่รู้ตัว แล้วต้องร้องเพลงด้วย ก็ชอบนะ เพราะเราร้องเพลงได้ รู้สึกว่าอย่างน้อยเราเล่นละครแข็ง ร้องเพลงได้ก็ยังโอเควะ(หัวเราะ)"

แต่จะว่าไป "เวียร์-ศุกลวัฒน์" ก็แจ้งเกิดจากละครเรื่องนี้
หนุ่มเวียร์พยักหน้าเห็นด้วย "ผมถือว่ามันเป็นจังหวะที่ดี และมีนักแสดงหลายคน ถึงไม่ดูเวียร์ ก็ดูวิน(ธาวิน) ไม่งั้นก็ดูขวัญ (อุษามณี) ดูแพนเค้ก(เขมนิจ) ดูใคร หลายคน ฟีดแบ็ก กลับมาทำให้หายเหนื่อย แล้วทำให้มีพลังและมีความคิดจะอยู่ในวงการนี้ต่อไป ตอนแรกคิดนะถ้าเรื่องแรกแป้กลาก่อน(หัวเราะ) คงกลับไปเป็นวิศวกร"

ทำไมถึงคิดแบบนั้น
หนุ่มเวียร์หัวเราะ "เพราะเราใหม่มาก อยู่ๆ ก็เข้ามาเป็นดาราเลย ตื่นมาก็มากอง 5 4 3 2 เฮ้ย...นี่ถ่ายแล้วเหรอ"

"เชื่อมั้ยคำว่าดอลลี่ รางดอลลี่ ผมคิดว่าเป็นชื่อคน เดี๋ยวดอลลี่มาแล้วเริ่มนะ ผมก็ว่าแล้วเมื่อไหร่ดอลลี่จะมาพี่ เขาเล่นเป็นตัวอะไร เหรอ ทุกคนงงหมด แล้วก็มีเสียงไอ้เวียร์ ดอลลี่ก็รางกล้องที่เห็นนี่ไง มันฮามาก ทุกอย่างมันคือประสบการณ์ ก็ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบ การณ์จากผู้ใหญ่ ดูนางเอกคนโน้นคนนี้เล่น ศึกษาดูหนังเกาหลี ดูหนังฝรั่ง เหมือนกับการเป็นวิศวกร จะสร้างตึกสักหลังต้องเปิดหนังสือนะ เราจะเล่นละครเรื่องหนึ่งเราก็ต้องศึกษาครับ"

ถามถึงเทคนิคในการเล่นบทเลิฟซีนที่มีจูบจริง
เวียร์กล่าวว่า "เทคนิคของผมก็ใช้มุมกล้องบ้าง อารมณ์ไม่ได้ก็ต้องมีเล่นจริงบ้าง ผมถือว่ามันเป็นการแสดงเราทำงานมากกว่า และเราก็มีลิมิตของเรา"

"ละครมันก็คือละคร ก็ได้แค่ปากประกบปาก"

คบ"แพนเค้ก"เกินแฟน-สนิทครอบครัว"จามิกรณ์"
สนิทสนมกับครอบครัว "จามิกรณ์" ตั้งแต่พ่อ แม่ น้องพัตเตอร์ น้องมิกิ เข้านอกออกในบ้านนี้ จนถูกมองว่าอยู่บ้านเดียวกับสาวคนรู้ใจ "แพนเค้ก-เขมนิจ" โดยพระเอกหนุ่ม "เวียร์-ศุกลวัฒน์" ออกปากปฏิเสธอีกครั้ง

"ไม่ได้อยู่ครับ คนจะเห็นบ่อยว่าผมเข้าออกประจำ แต่ก็ไม่ได้เจาะจงไปหาน้องตลอด ไปหาพ่อบ้าง พ่อไปตีกอล์ฟกัน ไปหาพัตเตอร์ เราไปเตะบอลกัน มิกิ...ไปช็อปปิ้งกัน ว่างๆ ก็เข้าไปสอนเลขมิกิ"

แม้มีข่าวนี้ออกมา แต่หนุ่มเวียร์กลับมองเป็นเรื่องปกติ
"ผมว่าเราเหมือนเป็นครอบครัวไปแล้ว คือแม่ให้โอกาสผมเป็นลูกชายคนโต อาจจะผิวสีผิดไปหน่อย โชคดีมากที่ได้มาเจอครอบครัว "จามิกรณ์" ได้มาเจอคุณแม่ คุณพ่อ แม้กระทั่งคุณตาคุณยายเอง ได้เจอน้องๆ ทุกคน ถือว่าเป็นความโชคดี"

"เพราะผมเข้าวงการมาก็ตัวคนเดียว พ่อแม่อยู่ขอนแก่น แรกๆ ก็มาอยู่กับพี่เอ(ผู้จัดการ) หลังๆ มาอยู่คอนโดฯ เราบ้าง อยู่บ้านพี่เอบ้าง อยู่บ้านคุณป้าผมบ้าง วนเวียนอยู่แบบนี้ ความโชคดีคือพอเราได้อยู่กับครอบครัวนี้ เขาเป็นครอบครัวที่น่ารัก รับเรามาเป็นคนในครอบครัว ดูแลเราเหมือนเป็นคนหนึ่งในครอบครัวเขา"

ถามถึงจุดเริ่มต้น
เวียร์เล่าว่า "เริ่มต้นจากเล่นละครกับลูกสาวเขาเรื่องแรก เรื่องสองก็เริ่มสนิทมากขึ้น เพราะละครถ่ายต่างจังหวัด แท็กซี่ก็นั่งไปไม่เป็น ตอนนั้นไม่มีตังค์ซื้อรถก็เลยขออนุญาตคุณแม่น้องแพนขอไปด้วย จากนั้นก็ได้คุยมากขึ้น ได้เรียนรู้ แม่ก็รู้จักเรามากขึ้น ก็จะเอ็นดูเรา หลังจากนั้นก็ได้ร่วมงานกับน้องเรื่อยๆ เลยทำให้ได้คุยกันมากขึ้นเรื่อยๆ"

ยิงคำถามตรง กับ "แพนเค้ก" เป็นแฟนหรือเป็นพี่น้อง
"ตอนนี้ เหรอครับ พี่น้องก็คงจะไม่ใช่ เพราะคนละคุณพ่อคุณแม่(หัวเราะ) มองว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ให้กัน อย่าให้พูดเลยว่าแฟนหรือไม่ใช่แฟน ให้เขาคิดกันไปเถอะ เต็มที่ ไม่อยากสกัดกั้นความคิดคน"

"แต่บอกได้อย่างเดียวว่าเรามีความรู้สึกที่ดีให้กันมาก คิดดูซิครับ ผมได้อยู่ในครอบครัวนี้มันมากกว่าการที่เราอยู่แค่ 2 คนเป็นแฟนกัน แต่นี่ผมได้ไปอยู่ในครอบครัวนั้นเลย มันเป็นความรู้สึกยิ่งกว่านั้น"

ความสัมพันธ์ ณ ตอนนี้เป็นอย่างไร
"พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ครับ ไม่มีลง มีแต่ขึ้นตลอด"

ข่าวมีผลกระทบไหม
"ไม่มีครับ เราจะคุยกันตลอดว่าเราต้องผ่านกันไปให้ได้ ถ้าเรื่องแค่นี้ผ่านไปไม่ได้ แล้วอนาคตคงทำอะไรไม่ได้"

ณ ตอนนี้ที่ไม่เรียกว่าแฟน พระเอกหนุ่มแจง "เพราะมันเกินแล้ว เราไม่เอาคำว่าแฟนมาใช้ เราข้ามไปเกินนั้น เราข้ามไปเป็นครอบครัวดีกว่า เป็นคนที่รู้ใจ เป็นคนที่คุยได้ทุกเรื่อง ไม่มีคำนิยามครับ"

อย่างนี้ก็ลงตัวเป๊ะ

ชื่อเล่น : เวียร์

ชื่อนามสกุล : ศุกลวัฒน์ คณารศ

วัน/เดือน/ปีเกิด : 18 เม.ย.28

พี่-น้อง : 2 คนเป็นคนที่ 2 (พี่ชายป่วยเป็นอัมพาต)

การศึกษา : อนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 6 ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น / ปริญญาตรีคณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยขอนแก่น



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์