เป็นโสดมันแฮปปี้กว่ามีแฟนค้นหัวใจ ชมพู่ อารยา

กำลังโชว์ฝีมือการแสดงกับบทบาทของ "นภสร" ในละครเรื่อง "แสงดาวแห่งหัวใจ" สำหรับนางเอกสาวชื่อดัง "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต

อีกทั้งกำลังเป็นที่จับตามองในเรื่องงานอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกร ถ่ายแบบ พ่วงด้วยเรื่องหัวใจ ที่ตอนนี้หัวใจของเธอ ยังไม่มีใครจับจอง เนื่องจากครองความเป็นโสดมาพักใหญ่ หลังเลิกรากับ "หนึ่ง" ธนวัฒน์ วานิชานนท์ ว่าแล้ว ลองมาเปิดหัวใจสาวคนนี้กัน ว่าตอนนี้เธอมีใครมาดูแลหัวใจแล้วหรือยัง

 
งานในวงการบันเทิง

กระแสตอบรับจากละครเรื่อง "แสงดาวแห่งหัวใจ" เป็นอย่างไรบ้าง


จริงๆ ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก เพราะต้องถ่ายละคร แต่ได้ยินกระแสตอบรับจากเพื่อนร่วมงานด้วยกันก็โอเค แล้วชมก็จะมีแฟนคลับเช็กในอินเทอร์เน็ตให้บ้าง แฟนคลับเขาก็แฮปปี้ เพราะละครภาพสวย อีกอย่างชมไม่เคยเล่นละครแนวนี้มาก่อน

จะเห็นชมพู่บู๊บ้างไหม

จะมีวิ่งหนีมากกว่า เพราะเราเป็นผู้หญิง ดังนั้นก็อยู่ร่วมในซีน ไม่ได้เป็นคนแตะต่อย เพราะจะมีพระเอกช่วยเหลือตลอด การร่วมงานกับพี่มอส (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) แฮปปี้นะ พี่มอสก็เป็นกันเอง สนิทไวดี อาจจะเป็นเพราะลำบากด้วยกันด้วยมั้ง (หัวเราะ)



ผ่านงานแสดงมาหลายบทบาท มีบทบาทไหนที่อยากเล่นอีกไหม ไม่ค่อยคิดนะ อย่างตอนนี้ถ่าย "ดาวเปื้อนดิน" อยู่ ก็แฮปปี้นะ เพราะเราไม่เคยเล่นร้าย บทนี้มีหมดเลย ทั้งร้ายโรคจิต กรี๊ด ชมบอกไม่ได้ว่าบทแบบไหนที่อยากเล่น เพียงแต่ขอให้ฉีกไปจากบทเดิมๆ เท่านั้นเอง

สร้างผลงานมามากมาย ณ วันนี้คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังหรือยัง


ก็ไม่รู้นะ คิดว่าเราก็เป็นนักแสดงคนหนึ่ง เป็นคนทำงานในวงการบันเทิงเท่านั้นเอง ก็ทำงานตรงนี้ไป คนที่ดูผลงานเราก็รู้จักเรา ไม่คิดว่าตัวเองจะดังมากหรือน้อย ฉะนั้นกระแสจะเป็นยังไง เราไม่ซีเรียส เพราะถือว่าเราทำให้ดีที่สุด

อยากให้เส้นกราฟชีวิตในวงการเป็นไปในทิศทางไหน

จริงๆ ชมก็คงตั้งใจในทุกเรื่อง พยายามทำให้ดีขึ้น ณ วันหนึ่ง เราก็อยากอยู่กับคำว่า "นักแสดง" ให้นานที่สุด คำว่านางเอกอาจจะไม่อยู่กับเราตลอดไป แต่เรารักษาศักยภาพเราไว้ มันก็น่าจะโอเค



ที่บอกว่าต้องรักษาศักยภาพไว้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเด็กใหม่เกิดขึ้นเยอะด้วยหรือเปล่า

เออ...จริงๆ ต่อให้ไม่มีเด็กใหม่เข้ามา เราก็ต้องแก่ลงอยู่ดี จะให้เราแอ๊บแบ๊วใส่ก็คงไม่ได้ มันก็ต้องพัฒนา ถึงตอนนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่จะทำให้เรายึดอาชีพนี้ได้ คือความเป็นมืออาชีพเท่านั้น

รักในอาชีพการแสดงแบบนี้ แสดงว่าถ้าวันหนึ่งต้องเล่นเป็นคุณแม่ หรือเล่นไปจนถึงคุณยาย ก็สามารถรับได้

การที่เล่นเป็นบทคุณแม่ หรือยาย มันเป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ เราอาจจะคิดว่า ฉันอยากจะเล่นจนแต่งงานมีครอบครัว มีลูก แต่ถึงวันนั้นอาจจะไม่มีคนยื่นโอกาสให้เราแล้วก็ได้ ฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่วางแผนไม่ได้ เราทำได้แค่ทำงานของเราให้ดีที่สุด

แสดงว่ามองว่าวงการนี้อาจไม่มั่นคง เพราะชมพู่ปูพื้นฐานในการทำธุรกิจไว้แล้วด้วย


ก็ส่วนหนึ่ง มันเป็นการลองผิดลองถูก พยายามค่อยๆ เริ่มทำอะไรเล็กๆ ไม่คิดงานใหญ่มาก เพราะครอบครัวเราก็ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้า เป็นลูกจ้างเขามาตลอด พอเราทำงานเจอคนมากมาย ก็ต้องขอคำปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญ ของแบบนี้เราก็เรียนรู้กันไป

รู้สึกอย่างไรที่มีคนอาจจะมองว่าดาราทำธุรกิจแล้วไม่รุ่ง


ชมว่าขอบเขตของเราไม่ใช่ธุรกิจใหญ่ ชมมีร้านเสริมสวยเล็กๆ เราทำได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว เราไม่ได้ลงทุนหลักหลายๆ ล้าน ถ้าเราลงทุนแค่นี้ ก็ได้นิดหน่อย ถ้าเจ็บตัว ชมว่าชมก็ไม่เจ็บตัวมาก ทุกวันนี้ได้ค่าขนมแต่ละเดือน นิดๆ หน่อยๆ ก็แฮปปี้แล้ว


ในอีกบทบาทหนึ่งที่ชมน่าจะทำได้ดีคือ งานพิธีกร คิดอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองไปในทางนี้บ้างหรือเปล่
อันนี้มันเป็นอีกอย่างที่ชมตั้งใจทำให้เต็มที่ที่สุด เป็นอะไรที่เราชอบด้วย ดีใจที่เราได้โอกาสดีๆ จากผู้ใหญ่ ชมจะไม่มองข้ามอะไรเล็กๆ น้อยๆ จากเริ่มต้นชมได้อ่านข่าวบันเทิง ซึ่งทำให้ชมสอบใบผู้ประกาศได้ ชมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ค่อยๆ สะสมมา เราก็แฮปปี้ เราพยายามทำทุกอย่างให้มันดีตลอด ทุกๆ วันที่เราทำ เราก็เรียนรู้จากข้อผิดพลาดต่างๆ ชมรู้สึกว่าจากตรงนี้ ทำให้คนจดจำเราในอีกบทบาทหนึ่ง อีกอย่างตอนนี้กลายเป็นว่านอกจากมีงานโชว์ตัวแล้ว ยังมีคนไว้วางใจจ้างเราเป็นพิธีกรอีกด้วย ถ้ามันไปได้ไกลชมก็แฮปปี้ ชมว่ามันจีรัง ไม่ได้ยึดติดอยู่กับความสาว อายุของเรา วงจรงานเรานานกว่า ยิ่งแก่ก็ยิ่งเก๋า

พอใจในความเป็น อารยา เอ ฮาร์เก็ต มากน้อยแค่ไหน

ชมพอใจนะ ถ้าเราไม่พอใจในสิ่งที่เราทำ คงไม่มีใครพลักดันเราได้ ยินดีกับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต

ถูกจับตามองตลอดในภาพนางเอก

จริงๆ ชมไม่เคยกดดันความเป็นตัวเองเลยนะ ตั้งแต่เข้าวงการไม่ได้มีกรอบตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเราไม่ได้คิดว่าการที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น แบบนี้แล้วมันผิดมาก เราคิดว่าเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว สบายใจดี

ชมพู่ทำงานวงการมากี่ปีแล้ว

ชมอยู่วงการมา 8 ปี แล้วนะ รู้สึกว่ามันเป็นที่ทำงานเรา
คงเหมือนคนที่ไปทำงานออฟฟิศมาประมาณเกือบ 10 ปี มันเป็นอะไรที่เราคุ้นเคย รู้สึกเหมือนมันเป็นบ้าน รู้จักกับเพื่อนร่วมงานหลายๆ คน

เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมานาน 8 ปี มีรางวัลให้ชีวิตอะไรบ้าง

มันก็ต้องมีอยู่แล้ว ก็ซื้อบ้าน มันมีความรู้สึกอยากโต ทั้งๆ ที่ซื้อไป ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ ก็คงไปๆ มาๆ จากบ้านพ่อบ้านแม่ คืออยู่ๆ ชมก็อยากมีอะไรเป็นของตัวเองมาซะงั้น อยากมีที่ของเราจริงๆ อยากมีถ้วย จาน ชาม หม้อ ผ้าม่าน ของเราเอง เวลาเอาเพื่อนมาเฮฮาจะได้ไม่ต้องเกรงใจพ่อแม่ (หัวเราะ)


ข่าวค(ร)าวในวงการ
เคยโดนตำหนิ เมื่อครั้งถ่ายหวือหวาในนิตยสาร "ดิฉัน" ถ้าวันนี้เลือกได้ ยังอยากจะถ่ายไหม

คือชมถ่ายไปแล้ว คงแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่มันก็ให้บทเรียน ถ้าเราทำอะไรแรงๆ กระแสตอบรับมันก็จะแรง แต่ชมไม่อยากใช้คำว่าเสียใจ เพราะมันไม่ใช่ความรู้สึกเสียใจ แต่มันอาจจะทำให้ใครบางคนที่เขาคาดหวัง ว่าเราจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ผิดหวัง ชมก็โอเค ชมขอโทษ

การตัดสินใจรับงานคิดมากขึ้นไหม

ก็คิดมากขึ้น แต่ไม่ใช่ตอนนั้นไม่คิดนะ

มีแฟชั่นหวือหวาคิดต่อมาอีกหรือเปล่า

มีเรื่อยๆ แต่เราเลือกที่จะรับ หรือไม่รับ ถ้าเราถ่ายแล้วบวกก็โอเค ถ้าเสี่ยงก็ไม่ถ่ายดีกว่า คือต่อจากนี้ไป จะไม่มีทางแรงเท่านั้นอีกแล้ว อย่างซัมเมอร์หน้าไม่มีแน่นอน เพราะชมมองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะถ่าย ชมว่าปีที่ผ่านมามันเพียงพอแล้ว เราอาจจะยังไม่จำเป็นมาก การถ่ายแบบไม่ได้ทำให้เรารวยอยู่แล้ว และเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยหลักของชม

อยู่ในวงการมีทั้งข่าวดีและไม่ดีมีวิธีตั้งรับกับมันอย่างไร

เราต้องมีสติ เข้าใจธรรมชาติของวงการ เข้าใจธรรมชาติของข่าว คิดซะว่าอีกวันก็มีข่าวคนอื่นแล้ว (หัวเราะ) แต่ถ้าเราอยู่อย่างเข้าใจวงการ เราก็จะไม่โกรธใคร อย่างคนเขียนข่าว ชมก็ไม่นึกโกรธเขาเลย

เห็นว่านำธรรมะเข้ามาช่วยด้วย

ก็มีบ้าง ก็ช่วยได้เยอะ ทำให้เราไม่โกรธ เข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น



เรื่องความรัก

ถือว่าเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตคือเรื่องความรักที่ผ่านมาหรือเปล่า

โอ๊ย...ไม่ใช่ คือเรื่องที่ผ่านมา มันเหมือนเราจบปริญญาอะไรสักอย่าง หรือว่าจบคอร์ส แน่นอนว่าคอร์สที่เรียนมา เราอาจจะไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตก็ได้ มันถือเป็นประสบการณ์ที่ผ่านไปแล้ว

ประสบการณ์ความรักที่ผ่านมามันสอนอะไรเราบ้าง

สอนเยอะมาก เช่น สอนเราว่าถ้าอะไรที่มันไม่ได้มันก็คือไม่ได้ เราต้องหันมองอะไรที่เป็นจริง อยู่ในความเป็นจริง

รู้มาว่าชมพู่เป็นคนที่รักใครก็รักจริง อย่างช่วงที่คบกับ "หนึ่ง" ก็ไม่เคยมองใครเลย

นั่น...ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้มีใครไม่ได้นะ คือความรักครั้งก่อน มันผ่านไปแล้ว มันไม่ใช่เป้าหมายที่เราเอามาคิดในหัวอีกต่อไป พอเราโตขึ้น ก็เรียนรู้ได้ ว่าจะไม่เอาความรู้สึกอย่างเดียวแล้ว การที่ทุกวันนี้ยังว่างอยู่ ไม่ได้หมายความว่าปักใจ หรือว่ารอเขาอยู่ เพียงแต่เราโตขึ้น เราใช้สมอง เราถี่ถ้วนขึ้น ไม่วู่วามกับเรื่องแบบนี้ ถ้านิสัยก็ยังเหมือนเดิม ก็คือมั่นคง

ณ ตอนนี้ทำให้มุมมองความรักเปลี่ยนไปเยอะไหม

อย่างที่บอกว่า ตอนนี้เลิกเพ้อฝันแล้ว (หัวเราะ)

ตอนนี้มีคนเข้ามาจีบหรือเปล่า

มันก็มีบ้าง ที่ยังไม่เปิดใจรับ เพราะเราก็ถี่ถ้วนขึ้น ไม่ใช่หลับหูหลับตา ถามว่าสเปกเปลี่ยนไปมั้ย เราเรียนรู้ว่าแบบนี้มันไม่เวิร์ก ประสบการณ์มันก็สอน
 



ที่ผ่านมาผิดหวังในเรื่องความรัก ต่อจากนี้ไปจะทำอะไรเพื่อใครต้องคิดมากขึ้นหรือเปล่า

ก็คิดมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หวาดระแวง คือเราก็โตมาประมาณหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราเห็นอะไรในความเป็นจริง แล้วเราคิดว่าเราไม่น่าจะไปกันได้ ก็อย่าไปฝืน ดูความเป็นจริง และองค์ประกอบ อย่างที่บอกว่าเราเป็นคนจริงจัง

เคยมีเป้าหมายชีวิตช่วงที่มีคนคบอยู่ ณ ตอนนี้เราไม่มีใคร เป้าชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

เป้าหมายเรายังอยู่ เพียงแต่ว่าเดินคนเดียว ที่ผ่านมาเรามีเป้าหมายร่วมกัน แต่บางทีคนที่อยู่ข้างๆ เรา เขาอาจจะไม่เดินไปทางนี้ คือเดินไปกับเราไม่ได้ มันเหมือนเดินไปไม่ถึง

ที่บอกว่าเป้าหมายยังอยู่นั้นคืออะไร

ถ้าโดยส่วนตัว เราไม่ได้หวังสูงอะไร ตอนนี้เป้าหมายที่เรามองคือ เป้าหมายแบบคนโสด เพราะมัวคิด ว่าจะมีครอบครัว มีคนมาดูแลเรา มีราชรถมาเกย แล้วถ้าไม่ไม่ใช่ขึ้นมา เราดันไม่ได้เตรียมตัวอะไรไว้สำหรับตัวเอง สำหรับชีวิตที่มีเราคนเดียว เราก็จะแย่ คือตอนนี้ชมก็มีเป้าหมายส่วนตัวของเรา มันอาจจะไม่สูงมาก คือให้คุณพ่อคุณแม่สบาย แล้วตัวเรามีที่อยู่ มีเงินใช้ ก็แค่นั้น

เหมือนที่ผ่านมาได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เราได้คิดอะไรได้มากขึ้นไหม

ที่ผ่านมาคิดแบบของเรามาตั้งนานแล้ว ปัจจุบันได้รู้แล้ว ว่าการที่เราฝืนอะไรบางอย่าง อยากให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น มาถึงวันนี้มันทำให้เราไม่เห็น ว่ามันสวนทางกับความเป็นจริง

ชีวิตโสดเป็นอย่างไรบ้าง

จริงๆ ชมไม่ได้บอกว่าโสดมันจะดีกว่าเสมอไป มันขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบความสัมพันธ์ตอนที่เราไม่โสดมันเป็นยังไง ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้มันเวิร์กกว่า สำหรับชมมันดี แต่บางคนอาจจะเหงา สำหรับชมมันแฮปปี้ มันดีกว่าจริงๆ (หัวเราะ)

ข้ามผ่านชีวิตช่วงนั้นมาได้อย่างไร

ก็ทำงาน มันช่วยได้ แล้วมันสอนเราด้วย ว่าไอ้สิ่งที่เราทำงกๆ อยู่ นี่คือเรายืนคนเดียวเลย ซึ่งเราก็ทำได้ แล้วจะเรียกร้องหาอะไรอีก

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากย้อนอดีตไปแก้ไขอะไรไหม

ทุกอย่างในวันนี้มันก็ไปเป็นตามเหตุปัจจัยที่มันมีมาตั้งแต่เมื่อก่อน ถ้าวันนี้เราแฮปปี้ เราก็ต้องให้เครดิตกับที่ผ่านมาด้วย มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีวันนี้


สาวโสดฟังไว้ บางครั้งหัวใจอาจจะเหงา ยามที่ไม่มีใคร แต่มันอาจจะสุขกว่า และทุกข์น้อยกว่า กับการทีมีคนเคียงใกล้...ก็ได้นะจ๊ะ



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์