กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
เปิดใจเสี่ยอู้ด5ปีที่อยู่ในคุกคนที่รักที่สุดไม่เคยไปเยี่ยม!?
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. ที่ ร.พ. ศูนย์มะเร็ง จ.ลพบุรี ‘เสี่ยอู๊ด’ หรือ นายสิทธิกร บุญฉิม ได้เดินทางมาตรวจเช็คร่างกาย
หลังจากที่พ้นโทษออกมา พร้อมกันนี้ยังได้เปิดใจกับพิธีกรหนุ่ม ‘วู้ดดี้’วุฒิธร มิลินทจินดา เจ้าของรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย”
โดยผู้สื่อข่าวรายกงานว่า การกลับมาคราวนี้ของเสี่ยอู๊ดมีอาการนิ่งมาก ต้องกัดลิ้นและดมยาดมตลอดการบันทึกเทป มีการหลับตาตั้งสติทุกครั้งที่ตอบคำถาม เสี่ยอู๊ดเผยว่า เพิ่งได้รับอิสรภาพหลังจากพ้นโทษมา 5 วัน ยอมรับว่ายังไม่มีอิสระ
“วินาทีที่โดนคุมตัวที่สนามบินกำลังพาลูกน้องไปญี่ปุ่นเที่ยวประจำปี เช็คอินแล้วกำลังนั่งทานอาหารอยู่ มีเจ้าหน้าที่จาก DSI มาแสดงหมายศาลแล้วจับตัวไป ตอนแรกผมตกใจที่มากันเยอะมาก แต่ไม่ได้เครียด อยากพาไปตรงไหนผมก็ไป ผมไม่คิดหนี ตอนผมเข้าคุกผมก็เดินเข้าไปเลย ไม่ได้ใช้สูตรเข้าคุกโดยเดินหันหลังเข้าตามที่เขาพูดกัน 5 ปีที่ผ่านมาผมยังไม่ใช่นักโทษ เป็นแค่ผู้ต้องขังใส่ชุดสีน้ำตาล”
จากนั้นก็เผยความรู้สึกว่า “จริงๆ แล้วทุกโครงการที่ตัวเองทำเกิดเรื่องขึ้นทุกครั้งเป็นคดีความบ้างไม่เป็นคดีความบ้าง แต่กับเรื่องนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนุมานที่ต้องแบกกรุงลงกาไว้คนเดียว ผมมีความรับผิดชอบ รับทุกอย่างรับทุกการตัดสินของศาล ศาลท่านใช้ดุลพินิจตัดสินตามตัวบทกฎหมาย คดีความมาจากกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นตอนตัดสินตามคำขอของโจทก์ จะผิดจะถูกไม่ได้มอง ผมทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ให้นำผลกระทบไปกับผู้อื่นที่ผมเคารพรัก และในวันที่กำลังเดินเพื่อเข้าเรือนจำ ผมได้เขียนจดหมายตัดพ้อขณะฝนตกถึงผู้ที่ผมเคารพรักว่า ผมไม่เชื่อว่าบุญกุศลมีจริง ถ้าบุญมีจริงวันนี้ผมต้องไม่เข้าคุก แล้วเหตุใดวันที่ผมต้องเข้าสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม ไม่ได้คิดแย่เรื่องการเข้าเรือนจำ แต่น้อยใจผลที่ได้รับ ทำไมสวนทางกับอดีตที่ทำมาทั้งหมด ไม่เคยนับว่าทำบุญมาเท่าไหร่แต่รวมแล้วพันกว่าล้าน”
ต่อข้อถามของพิธีกรถึงบรรยากาศในเรือนจำว่าเป็นอย่างไร
เสี่ยอู๊ด เผยว่า เหมือนโรงเรียนกินนอนโรงเรียนประจำ ผู้คุมเหมือนกับครู หมอ ยาม ญาติ และที่ปรึกษา ไม่ได้เลวร้ายเหมือนในหนัง เป็นไปตามอัตภาพ
วู้ดดี้ถามถึงข่าวลือต่างๆ ที่อยู่ในคุก โดยถามถึงเรื่องข่าวที่เป็นแฟนกับ ‘พาวเวอร์ แพท’ ว่าจริงหรือไม่
เสี่ยอู๊ด ตอบว่า ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอ อยู่คนละเรือนจำ แต่เห็นจากในสื่อ
วู้ดดี้ถามต่อว่ามีความรักในเรือนจำหรือเปล่า เสี่ยอู๊ดกล่าวว่า ไม่มี เพราะในคุกไม่ใช่สวนสนุกหรือสรวงสวรรค์
แล้วมีแฟนเป็นผู้คุมจริงไหม เสี่ยอู๊ดบอกว่า ไม่เป็นความจริง พูดไปอายปาก
ต่อข้อถามว่าแล้วจิตตกบ้างไหม เสี่ยอู้ดยอมรับว่า
คิดทุกวันทุกคืนก่อนนอนว่าทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ คิดถึงคุณความดีที่ทำไว้ เวลานอนไม่หลับก็เขียนหนังสือ ตนนอนห้องขังรวมพักฟื้นแบบคนป่วย ตั้งชื่อห้องเล่นๆ ว่าโรงแรม เพราะยอดไม่แน่นอนในแต่ละวัน
ต่อข้อถามของพิธีกรว่า มีเพื่อนอยู่ในคุกไหม เสี่ยอู๊ดเผยว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนรั่ว แต่ก็จำได้ว่าเสี่ยอู๊ดป็นใคร
ส่วนข่าวลือที่ว่า คตวามจรนิงแล้ว เสี่ยอู๊ดไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่กลับไปอยู่ที่ตึกช้างจริงหรือไม่ เสี่ยอู้ดปฏิเสธ
“ผมไม่ได้มีอภิสิทธิ์และไม่ได้มีเด็ดขาด ในเรือนจำผมก็ไม่ได้มีลูกน้องด้วยสั่งใครไม่ได้”
พิธีกรถามว่าเคยฆ่าตัวตายในคุกจริงไหม
เสียอู๊ดตอบเสียงดังฟังชัดว่า เคย เพราะรู้สึกอิ่มกับความเป็นมนุษย์ เมื่อปลายปี 2553 หลังจากที่ผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรัก ได้เลื่อนยศสูงสุด ตนจัดการทำพิธีส่งมอบ ทำบุญบริจาคทั้งหมด รู้สึกว่าไม่อยากอยู่แล้วเพราะรู้สึกว่าการที่เราอยู่ที่นี่เหมือนกับเราเป็นคนชั่วไม่ประสบความสำเร็จ ไม่อยากอยู่ เพราะไม่อยากเป็นคนที่ไม่ดี น้อยใจผู้ที่ตนเคารพรัก ไม่ได้น้อยใจศาล ตอนนั้นจึงตัดสินใจกินยานอนหลับที่ร้ายแรงที่สุดเม็ดสีม่วง ได้รับมา 50 เม็ด แต่หายไปครึ่งหนึ่ง เหลือ 20 เม็ด ก่อนจะกิน ตัวเองก็ได้แจกของแจกเสื้อให้ทุกคน แต่งตัวเรียบร้อยแล้วกินยา เลือกช่วงเวลาหัวค่ำเพราะใช้เวลานานก่อนผู้คุมจะมา
ต่อข้อถามว่า ไม่รู้สึกเป็นบาปเหรอที่คิดฆ่าตัวตาย
เสี่ยอู้ดตอบ “บาปเป็นอย่างไรผมไม่เชื่อบาปบุญแล้ว เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่สมมติขึ้น ไม่เชื่อว่าบาปบุญนรกสวรรค์มีจริง มีสองสิ่งที่เชื่อคือสุขกับทุกข์ ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ๆ เคยมาพร้อมกับลั่นวาจาว่า เมื่อผมตายในคุกไม่ได้ ถ้ามีโอกาสผมจะมาตายนอกคุก”
วู้ดดี้จึงรีบขอว่าอย่าเพิ่งฆ่าตัวตาย เสี่ยอู๊ดสวนกลับ “คนที่จะขอกันได้มี 3 คน 1 คนที่ผมเป็นหนี้บุญคุณ 2 คนที่ผมรักมาก และ 3 คนที่รักผมมาก ซึ่งคนที่เป็นหนี้บุญคุญก็คือคนที่หยิบยื่นคุกให้ผม ส่วนคนที่ผมรักมากเขาไม่เคยมาเยี่ยมผมเลย 5 ปี ส่วนคนที่รักผมมากคือพ่อแม่ ก็เสียชีวิตไปแล้ว
เสี่ยอู๊ดเผยต่อว่า ได้ขายของทุกอย่างหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ตึก เอาเงินแจกหมดแล้ว ไม่มีเงินในบัญชี ไม่มีสมุดบัญชี
พิธีกรหนุ่มไม่เชื่อ ถามว่าค่าใช้จ่ายทุกวันนี้เอามาจากไหน เสี่ยอู๊ดตอบว่า “เอามาจากคนที่เคารพรักผม ส่งเงินมาให้ใช้ในคุก 3 ล้านบาทกับคนแถวๆ นี้ โอนเงินมาให้ 2 ล้าน ตอนนี้ต้องการทำให้ตัวเองเป็นศูนย์ และไม่ได้เป็นเสี่ยแล้ว
ถามว่า คนที่คุณรักมากไปเยี่ยมบ้างไหมตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา
เสี่ยอู๊ดตอบ “ไม่เคยมาเลย ที่ผมรักคนนี้เพราะเขาเป็นคนดีจริงๆ ไม่เอาอะไรเลย รถสปอร์ต 3 คันเอาคืนหมด จะคืนแม้กระทั่งพระ แต่ผมขอว่าให้เอาพระเก็บไว้ แล้วบอกอีกว่า จนใกล้ครบกำหนดออกจากเรือยนจำให้ลูกน้องโทร.ไปหาคนนี้อีกที เพื่อที่จะให้เขามาทำหน้าที่คนดีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ในที่สุดนาทีสุดท้ายเขาก็ไม่มา ผมคงไม่ดีพอ มีข้อบกพร่อง”
พิธีกรถามว่า ทำไมถึงคิดว่าเขาเป็นคนดี
เสี่ยอู๊ดตอบ “เพราะประโยคสุดท้าย เขาฝากมาบอกว่า พี่ครับเลิกอาชีพนี้เถอะ เพราะมีคนคิดร้ายต่อพี่เยอะมาก”
วู้ดดี้ถาทมว่ากับคนนี้รักที่สุดในชีวิตนี้เลยไหม
เสี่ยอู๊ดตอบ นัมเบอร์วัน ยังรักอยู่ พร้อมกับเผยว่าช่วงที่อยู่ในเรือนจำมีดารานักร้องค่ายแถวลาดพร้าวไปเยี่ยมเยอะ อย่าเอ่ยชื่อเลย
พิธีกรหนุ่มถามว่าแล้วคู่กรณีไปเยี่ยมบ้างไหม
เสี่ยอู๊ด ตอบว่า “ไม่เคยมาและสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือคนสนิทของผมโทร.หาเขาเพื่อขอให้มาช่วยงาน พอเขารู้ว่าเป็นงานที่มีชื่อผม เขาพูดว่าอย่าเอ่ยชื่อคนนี้ให้ได้ยินอีก ทำให้ผมผิดหวังในตัวเขามาก
ต่อข้อถามว่าแล้วในวงการพระเครื่อง จะทิ้งไปเลยไหม
เสี่ยอู๊ดกล่าวว่า “ผมไม่เคยออกจากวงการพระเครื่อง ถ้าผมไม่ทำวงการพระเครื่องจะให้ผมทำรายการ อู๊ดเกิดมาคุยเหรอ” พร้อมบอกข้อคิดที่ได้รับจากการใช้ชีวิตในเรือนจำว่าได้อะไรบ้าง พร้อมกับติดตามผลตรวจร่างกายของเสี่ยอู๊ดว่าจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” คืนวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลา 23.30 น. (เฉพาะอาทิตย์นี้) ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
หลังจากที่พ้นโทษออกมา พร้อมกันนี้ยังได้เปิดใจกับพิธีกรหนุ่ม ‘วู้ดดี้’วุฒิธร มิลินทจินดา เจ้าของรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย”
โดยผู้สื่อข่าวรายกงานว่า การกลับมาคราวนี้ของเสี่ยอู๊ดมีอาการนิ่งมาก ต้องกัดลิ้นและดมยาดมตลอดการบันทึกเทป มีการหลับตาตั้งสติทุกครั้งที่ตอบคำถาม เสี่ยอู๊ดเผยว่า เพิ่งได้รับอิสรภาพหลังจากพ้นโทษมา 5 วัน ยอมรับว่ายังไม่มีอิสระ
“วินาทีที่โดนคุมตัวที่สนามบินกำลังพาลูกน้องไปญี่ปุ่นเที่ยวประจำปี เช็คอินแล้วกำลังนั่งทานอาหารอยู่ มีเจ้าหน้าที่จาก DSI มาแสดงหมายศาลแล้วจับตัวไป ตอนแรกผมตกใจที่มากันเยอะมาก แต่ไม่ได้เครียด อยากพาไปตรงไหนผมก็ไป ผมไม่คิดหนี ตอนผมเข้าคุกผมก็เดินเข้าไปเลย ไม่ได้ใช้สูตรเข้าคุกโดยเดินหันหลังเข้าตามที่เขาพูดกัน 5 ปีที่ผ่านมาผมยังไม่ใช่นักโทษ เป็นแค่ผู้ต้องขังใส่ชุดสีน้ำตาล”
จากนั้นก็เผยความรู้สึกว่า “จริงๆ แล้วทุกโครงการที่ตัวเองทำเกิดเรื่องขึ้นทุกครั้งเป็นคดีความบ้างไม่เป็นคดีความบ้าง แต่กับเรื่องนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนุมานที่ต้องแบกกรุงลงกาไว้คนเดียว ผมมีความรับผิดชอบ รับทุกอย่างรับทุกการตัดสินของศาล ศาลท่านใช้ดุลพินิจตัดสินตามตัวบทกฎหมาย คดีความมาจากกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นตอนตัดสินตามคำขอของโจทก์ จะผิดจะถูกไม่ได้มอง ผมทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ให้นำผลกระทบไปกับผู้อื่นที่ผมเคารพรัก และในวันที่กำลังเดินเพื่อเข้าเรือนจำ ผมได้เขียนจดหมายตัดพ้อขณะฝนตกถึงผู้ที่ผมเคารพรักว่า ผมไม่เชื่อว่าบุญกุศลมีจริง ถ้าบุญมีจริงวันนี้ผมต้องไม่เข้าคุก แล้วเหตุใดวันที่ผมต้องเข้าสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม ไม่ได้คิดแย่เรื่องการเข้าเรือนจำ แต่น้อยใจผลที่ได้รับ ทำไมสวนทางกับอดีตที่ทำมาทั้งหมด ไม่เคยนับว่าทำบุญมาเท่าไหร่แต่รวมแล้วพันกว่าล้าน”
ต่อข้อถามของพิธีกรถึงบรรยากาศในเรือนจำว่าเป็นอย่างไร
เสี่ยอู๊ด เผยว่า เหมือนโรงเรียนกินนอนโรงเรียนประจำ ผู้คุมเหมือนกับครู หมอ ยาม ญาติ และที่ปรึกษา ไม่ได้เลวร้ายเหมือนในหนัง เป็นไปตามอัตภาพ
วู้ดดี้ถามถึงข่าวลือต่างๆ ที่อยู่ในคุก โดยถามถึงเรื่องข่าวที่เป็นแฟนกับ ‘พาวเวอร์ แพท’ ว่าจริงหรือไม่
เสี่ยอู๊ด ตอบว่า ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอ อยู่คนละเรือนจำ แต่เห็นจากในสื่อ
วู้ดดี้ถามต่อว่ามีความรักในเรือนจำหรือเปล่า เสี่ยอู๊ดกล่าวว่า ไม่มี เพราะในคุกไม่ใช่สวนสนุกหรือสรวงสวรรค์
แล้วมีแฟนเป็นผู้คุมจริงไหม เสี่ยอู๊ดบอกว่า ไม่เป็นความจริง พูดไปอายปาก
ต่อข้อถามว่าแล้วจิตตกบ้างไหม เสี่ยอู้ดยอมรับว่า
คิดทุกวันทุกคืนก่อนนอนว่าทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ คิดถึงคุณความดีที่ทำไว้ เวลานอนไม่หลับก็เขียนหนังสือ ตนนอนห้องขังรวมพักฟื้นแบบคนป่วย ตั้งชื่อห้องเล่นๆ ว่าโรงแรม เพราะยอดไม่แน่นอนในแต่ละวัน
ต่อข้อถามของพิธีกรว่า มีเพื่อนอยู่ในคุกไหม เสี่ยอู๊ดเผยว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนรั่ว แต่ก็จำได้ว่าเสี่ยอู๊ดป็นใคร
ส่วนข่าวลือที่ว่า คตวามจรนิงแล้ว เสี่ยอู๊ดไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่กลับไปอยู่ที่ตึกช้างจริงหรือไม่ เสี่ยอู้ดปฏิเสธ
“ผมไม่ได้มีอภิสิทธิ์และไม่ได้มีเด็ดขาด ในเรือนจำผมก็ไม่ได้มีลูกน้องด้วยสั่งใครไม่ได้”
พิธีกรถามว่าเคยฆ่าตัวตายในคุกจริงไหม
เสียอู๊ดตอบเสียงดังฟังชัดว่า เคย เพราะรู้สึกอิ่มกับความเป็นมนุษย์ เมื่อปลายปี 2553 หลังจากที่ผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรัก ได้เลื่อนยศสูงสุด ตนจัดการทำพิธีส่งมอบ ทำบุญบริจาคทั้งหมด รู้สึกว่าไม่อยากอยู่แล้วเพราะรู้สึกว่าการที่เราอยู่ที่นี่เหมือนกับเราเป็นคนชั่วไม่ประสบความสำเร็จ ไม่อยากอยู่ เพราะไม่อยากเป็นคนที่ไม่ดี น้อยใจผู้ที่ตนเคารพรัก ไม่ได้น้อยใจศาล ตอนนั้นจึงตัดสินใจกินยานอนหลับที่ร้ายแรงที่สุดเม็ดสีม่วง ได้รับมา 50 เม็ด แต่หายไปครึ่งหนึ่ง เหลือ 20 เม็ด ก่อนจะกิน ตัวเองก็ได้แจกของแจกเสื้อให้ทุกคน แต่งตัวเรียบร้อยแล้วกินยา เลือกช่วงเวลาหัวค่ำเพราะใช้เวลานานก่อนผู้คุมจะมา
ต่อข้อถามว่า ไม่รู้สึกเป็นบาปเหรอที่คิดฆ่าตัวตาย
เสี่ยอู้ดตอบ “บาปเป็นอย่างไรผมไม่เชื่อบาปบุญแล้ว เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่สมมติขึ้น ไม่เชื่อว่าบาปบุญนรกสวรรค์มีจริง มีสองสิ่งที่เชื่อคือสุขกับทุกข์ ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ๆ เคยมาพร้อมกับลั่นวาจาว่า เมื่อผมตายในคุกไม่ได้ ถ้ามีโอกาสผมจะมาตายนอกคุก”
วู้ดดี้จึงรีบขอว่าอย่าเพิ่งฆ่าตัวตาย เสี่ยอู๊ดสวนกลับ “คนที่จะขอกันได้มี 3 คน 1 คนที่ผมเป็นหนี้บุญคุณ 2 คนที่ผมรักมาก และ 3 คนที่รักผมมาก ซึ่งคนที่เป็นหนี้บุญคุญก็คือคนที่หยิบยื่นคุกให้ผม ส่วนคนที่ผมรักมากเขาไม่เคยมาเยี่ยมผมเลย 5 ปี ส่วนคนที่รักผมมากคือพ่อแม่ ก็เสียชีวิตไปแล้ว
เสี่ยอู๊ดเผยต่อว่า ได้ขายของทุกอย่างหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ตึก เอาเงินแจกหมดแล้ว ไม่มีเงินในบัญชี ไม่มีสมุดบัญชี
พิธีกรหนุ่มไม่เชื่อ ถามว่าค่าใช้จ่ายทุกวันนี้เอามาจากไหน เสี่ยอู๊ดตอบว่า “เอามาจากคนที่เคารพรักผม ส่งเงินมาให้ใช้ในคุก 3 ล้านบาทกับคนแถวๆ นี้ โอนเงินมาให้ 2 ล้าน ตอนนี้ต้องการทำให้ตัวเองเป็นศูนย์ และไม่ได้เป็นเสี่ยแล้ว
ถามว่า คนที่คุณรักมากไปเยี่ยมบ้างไหมตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา
เสี่ยอู๊ดตอบ “ไม่เคยมาเลย ที่ผมรักคนนี้เพราะเขาเป็นคนดีจริงๆ ไม่เอาอะไรเลย รถสปอร์ต 3 คันเอาคืนหมด จะคืนแม้กระทั่งพระ แต่ผมขอว่าให้เอาพระเก็บไว้ แล้วบอกอีกว่า จนใกล้ครบกำหนดออกจากเรือยนจำให้ลูกน้องโทร.ไปหาคนนี้อีกที เพื่อที่จะให้เขามาทำหน้าที่คนดีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ในที่สุดนาทีสุดท้ายเขาก็ไม่มา ผมคงไม่ดีพอ มีข้อบกพร่อง”
พิธีกรถามว่า ทำไมถึงคิดว่าเขาเป็นคนดี
เสี่ยอู๊ดตอบ “เพราะประโยคสุดท้าย เขาฝากมาบอกว่า พี่ครับเลิกอาชีพนี้เถอะ เพราะมีคนคิดร้ายต่อพี่เยอะมาก”
วู้ดดี้ถาทมว่ากับคนนี้รักที่สุดในชีวิตนี้เลยไหม
เสี่ยอู๊ดตอบ นัมเบอร์วัน ยังรักอยู่ พร้อมกับเผยว่าช่วงที่อยู่ในเรือนจำมีดารานักร้องค่ายแถวลาดพร้าวไปเยี่ยมเยอะ อย่าเอ่ยชื่อเลย
พิธีกรหนุ่มถามว่าแล้วคู่กรณีไปเยี่ยมบ้างไหม
เสี่ยอู๊ด ตอบว่า “ไม่เคยมาและสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือคนสนิทของผมโทร.หาเขาเพื่อขอให้มาช่วยงาน พอเขารู้ว่าเป็นงานที่มีชื่อผม เขาพูดว่าอย่าเอ่ยชื่อคนนี้ให้ได้ยินอีก ทำให้ผมผิดหวังในตัวเขามาก
ต่อข้อถามว่าแล้วในวงการพระเครื่อง จะทิ้งไปเลยไหม
เสี่ยอู๊ดกล่าวว่า “ผมไม่เคยออกจากวงการพระเครื่อง ถ้าผมไม่ทำวงการพระเครื่องจะให้ผมทำรายการ อู๊ดเกิดมาคุยเหรอ” พร้อมบอกข้อคิดที่ได้รับจากการใช้ชีวิตในเรือนจำว่าได้อะไรบ้าง พร้อมกับติดตามผลตรวจร่างกายของเสี่ยอู๊ดว่าจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” คืนวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลา 23.30 น. (เฉพาะอาทิตย์นี้) ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม
เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม
เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม
เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิมเครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
https://www.facebook.com/teeneedotcom