เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

เพจ Every Bodyslam ได้โพสต์ เนื่องในวันเกิด ตูน บอดี้สแลม เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยข้อความดังกล่าว ตูน ได้โพสต์ไว้ในไอจีเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นข้อความที่เขียนถึงแม่ ระบุว่า ตอนเด็กๆ ผมเคยโดนแม่ตี โดนตีจนเคยต้องร้องไห้ก้มลงกราบขอว่า พอแล้วครับแม่ๆ เคยวิ่งหนีไม้เรียวแม่ไปหาคุณยายข้างบ้านให้ช่วยเป็นเกราะกำบัง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยรอดพ้นการลงโทษสักครั้ง

นั่นน่าจะเป็นช่วงเด็กๆไม่ค่อยประสีประสา ถูกทำโทษเพราะแกล้งน้องชายตัวเองจนร้องไห้บ้าง ทำความผิดแบบเด็กผู้ชายทั่วๆไปที่อาจจะเป็นความผิดแบบเด็กๆบ้าง แต่แม่ผมก็ไม่ปล่อยให้ผมคิดว่าความผิดเล็กๆเป็นเรื่องเล็กๆ ตัดไฟแต่ต้นลมด้วยด้ามไม้ที่ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวบ้าง ก้านมะยมที่ริดใบออกหมดเหลือไว้แต่ก้านใหญ่พอดีมือบ้าง ยังจำเสียงในจังหวะตอนที่ก้านมะยมผ่านลมก่อนมาสัมผัสที่ก้นจะมีเสียงดัง "เฟี๊ยบๆ!!" แสบๆคันๆดีนัก


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

แม้กระทั่งโตขึ้นเป็นวัยรุ่นเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ผมก็ยังโดนแม่ตี!! เพียงแต่อาจจะไม่บ่อยเท่าตอนที่อยู่บ้านนอก อาจด้วยความห่างไกลก็เลยทำให้แม่ไม่ค่อยมีโอกาสเห็นในตอนที่เราเกเรสักเท่าไหร่ แต่มีครั้งหนึ่งที่โชคไม่เข้าข้างวัยรุ่นบ้าเสียงดนตรีคนนี้สักเท่าไร วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ที่ตามธรรมดาผมต้องไปเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งแถวๆปิ่นเกล้า แต่ผมเลือกที่จะไม่ไปเรียนพิเศษในวันนั้นเพื่อไปประกวดวงดนตรีกับเพื่อนๆ

ซึ่งในวันนั้นวงของเราต้องเล่นในรอบ 10 วงสุดท้าย เราเป็นวงที่เด็กที่สุดในจำนวนสิบวงที่เข้ารอบมา บอกได้เลยแบบไม่ต้องคิดนานว่าผมจะเลือกอะไร ระหว่างไปเรียนพิเศษวิชาคำนวนสุดปวดหัว กับมาร้องเพลงและเล่นดนตรีกับเพื่อนๆบนเวทีการประกวดที่น่าตื่นเต้น และเป็นธรรมดาเช่นเดียวกันที่ตอนผมกลับบ้านของคุณป้าที่ผมพักด้วยที่กรุงเทพฯทุกๆวันก็จะไร้เงาของผู้ปกครองที่คอยสอดส่อง จะมีก็หากคุณป้าจะนอนดึกบ้างในครั้งคราวแต่ท่านก็ไม่เคยซักไซร้ไล่เรียงว่าในแต่ละวันผมไปทำหรือไม่ทำอะไรมาบ้าง


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

แต่ในวันอาทิตย์วันนั้น หลังจากการประกวดดนตรีอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆจนล่วงเลยเวลา ผมกลับมาถึงบ้านคุณป้าตอนประมาณสี่ทุ่มเห็นจะได้ ภาพแรกที่เห็นหลังจากที่เปิดประตูเข้าบ้านไป คือภาพของแม่ผมนั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะกินข้าวท่ามกลางแสงไฟอ่อนๆและบรรยากาศที่แตกต่างจากทุกๆครั้งที่แม่เข้ากรุงเทพมาเยี่ยมผม นั่นมันชวนขนหัวลุกยิ่งกว่าเมื่อประโยคแรกจากปากแม่ไม่ใช่คำทักทายถามสารทุกข์ตามปกติ "วันนี้ไปไหนมา?" คือประโยคแรกที่สุดแสนจะเรียบง่าย

แต่ทำไมวันนั้นผมรู้สึกว่ามันทรงพลังเหลือเกิน เดาออกกันใช่ไหมครับว่าผมจะตอบแม่ว่าอะไร? ใช่เลยครับ ผมตอบแม่ไปอย่างไม่ต้องคิดทบทวนไปว่า "ก็ไปเรียนพิเศษมาไงครับแม่" พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างคนผิดจริงๆครับ วันนั้นแม่ผมตั้งใจเข้ากรุงเทพฯเพื่อจะมารับผมจากที่เรียนพิเศษเพื่อไปหาอะไรกินกันพร้อมหน้าพร้อมตา แม่ไปนั่งรอผมที่เรียนพิเศษในวันนั้นจนกระทั่งเวลาเลิกเรียน เด็กนักเรียนคนแล้วคนเล่าทยอยลงมาจากห้องเรียน


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

แม่รอกระทั่งเด็กคนสุดท้าย แต่ที่สุดก็ไร้เงาของลูกชายตัวเอง แต่ผมหารู้ไม่ว่าแม่รู้เรื่องว่าผมไม่ได้ไปเรียน จึงด่วนตอบคำถามแม่ไปแบบนั้น จำคลับคล้ายคลับคลาว่าวันนั้นแม่ให้โอกาสผมให้ตอบคำถามเดียวกันนี้อีกสองสามครั้ง แต่ผมก็ยังคงยืนยันในคำตอบเดิมเป็นคำตอบสุดท้าย ว่าผมไปเรียนพิเศษมาแล้วไปกินข้าวกับเพื่อนๆจึงกลับดึก นึกออกกันใช่ไหมครับว่าฉากต่อไปคือฉากอะไร

ภาพของเด็กชายวัยรุ่นหน้าเปื้อนสิวในชุดลำลองตัวเก่งที่เมื่อตอนกลางวันยังขึ้นไปร้องเพลงเท่ๆอยู่กับเพื่อนๆบนเวที แต่ไม่ทันข้ามวันกลับต้องมายืนกอดอกยินยอมพร้อมรับการลงทัณฑ์จากไม้เรียวแม่ ไม่มีการร้องอ้อนวอนขอชีวิตเหมือนตอนเด็กๆ ยินยอมพร้อมรับทุกการเคลื่อนไหวจากเงื้อมไม้เรียวแม่ จำได้ติดตาติดใจและติดก้นว่าวันนั้นแม่สวมวิญญาณนักเบสบอลที่ทุกๆวงสวิงคล้ายตั้งใจหวดลูกบอลไปให้พ้นขอบสนาม


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

เพียงเปลี่ยนจากไม้เบสบอลเป็นด้ามไม้เรียวอันเขื่อง นัยว่าหากผมเป็นลูกเบสบอล ผมเองคงลอยออกนอกสนามไปในทุกๆการหวดอันรุนแรงและเร่าร้อนของแม่ในวันนั้น จำไม่ได้จริงๆครับว่าโดนไปทั้งหมดกี่ครั้ง เท่าที่จำได้ก็เพียงแต่ว่ามีน้ำตา ทั้งคนโดนตีและคนตี แม่ตีไปก็ร้องไห้ไป ไอ้ผมคนโดนก็ร้องหนักเข้าไปใหญ่ ทั้งเจ็บก้นและทั้งเสียใจที่ทำให้แม่ร้องไห้

หลังจบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์และนั่งสงบสติอารมณ์ได้สักครู่ แม่ก็ถามผมขึ้นมาว่า "รู้ใช่ไหมว่าทำไมแม่ต้องตีตูน" ผมตอบแม่กลับไปว่า "รู้ครับ เพราะว่าไปประกวดดนตรีมาครับแม่" แม่นิ่งไปพัก แล้วแม่ก็บอกเหตุผลของการลงโทษครั้งนี้ว่า "แม่ไม่ได้ตีเพราะว่าเราไปเล่นดนตรี แต่แม่ตีเพราะเราโกหกแม่ แม่ไม่เคยโกรธที่ตูนจะไปทำกิจกรรมอะไรไปเล่นดนตรีที่ไหน แต่แม่โกรธที่ลูกพูดโกหกและไม่ยอมพูดความจริงกับแม่ แม่เกลียดและไม่ชอบคนโกหก!!"


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

กลับมานั่งคิดนั่งทบทวนถึงเหตุการณ์วันนั้นทีไรมันชวนให้รู้สึกหลายๆอย่างขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ถ้าเกิดในวันนั้นหากแม่ห้ามเราเล่นดนตรีต่อไปคงทำได้ และแม่ก็มีสิทธิเต็มที่ที่จะสั่งให้เป็นแบบนั้น และผมคงยินยอมทำตามคำสั่งแม่อย่างไม่อิดออด แต่แม่ก็ไม่เคยสั่งห้ามผมไม่ให้เล่นดนตรีต่อไป แม่ไม่ได้โทษดนตรีว่าผิด หากแต่ชี้ให้เห็นว่าคนผิดที่แท้จริงคือใคร และเหตุผลของการทำโทษของแม่คืออะไร แม่ไม่เคยใช้อารมณ์ในการลงโทษ แต่เพียบไปด้วยเหตุผลและคำสอนดีๆเสมอ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมแล้วแต่ว่าเราจะรู้สึกได้เองเมื่อไหร่ว่ามีคุณค่าอะไรซ่อนอยู่ในไม้เรียวของแม่บ้าง

ขอบคุณแม่ที่ไม่สั่งให้ผมต้องหยุดร้องเพลงและเล่นดนตรีในวันนั้น ขอบคุณไม้เรียวของแม่ทุกๆด้ามที่คอยเตือนให้ผมรู้สึกตัวในทุกๆครั้งที่เคยทำผิดพลาด และในวันนี้ในวันที่ปฏิทินบอกว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดผม "ผมคิดถึงไม้เรียวแม่ ผมคิดถึงแม่ และอยากบอกแม่ว่า ผมโชคดีที่สุดที่ได้เกิดเป็นลูกแม่ครับ"


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม


เปิดจดหมาย ‘พี่ตูน’ เขียนถึง ‘แม่’ เคยโดนตีจนก้มลงกราบ กับวีรกรรมที่ ทุกวันนี้ยังไม่ลืม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : u1778671546
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 103.58.148.23

103.58.148.23,,host23.148.thvps.com ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล


[ วันพุธ ที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 09:08 น. ]
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์