เต๋าแถลงโต้จับอกสาวญาติเหยื่อแฉใช้เงินฟาด

เต๋า" สมชาย เปิดบ้านแถลง ยันความบริสุทธิ์

พร้อมปฏิเสธจับอกพี่สาวคู่กรณี พร้อมให้อภัยหากคู่กรณีมาขอขมา คนใกล้ชิดเหยื่อสหบาทา เผย ญาติ "เต๋า" เสนอเงินให้ยุติเรื่อง แต่ถูกปฏิเสธ ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มอีกหลายคดี
 

 ความคืบหน้าคดีนายเฉลิมชัย แสงสุวรรณ อายุ 24 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 29/3 ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อม น.ส.บุษรา อินต๊ะปัญญา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92/55 หมู่ 5 ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เข้าแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีนายสมชาย เข็มกลัด หรือ เต๋า นักร้องและนักแสดงชื่อดัง พร้อมกับพวกที่รุมทำร้ายกลางถนนจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.20 น. วันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น
 

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน

นายสมชายได้เปิดบ้านพักเลขที่ 225 หมู่ 6 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าการแถลงข่าวครั้งนี้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และขอความเห็นใจกับชาวเชียงใหม่และคนไทยทั้งประเทศ โดยยืนยันว่าในวันดังกล่าวต้องมีเหตุตะลุมบอนกันเพื่อป้องกันตัวเองและลูกน้องซึ่งไปด้วยกัน เนื่องจากเห็นว่านายเฉลิมชัยมีปืนและมีด หากหนีไปอาจโดนยิงไล่หลังและเสียชีวิตได้  



นายสมชาย กล่าวอีกว่า

เหตุการณ์ในคืนนั้น เริ่มจากที่ตนพร้อมเพื่อนรวม 3 คน ขี่รถช็อปเปอร์ 2 คัน และรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นซาฟิร่า สีบรอนซ์ทอง ไปติดไฟแดงที่สี่แยกสนามบิน กระทั่งไฟเขียวบอกให้ตรงไป แต่ตนต้องการเลี้ยวขวา จึงรอสัญญาณไฟเขียวให้เลี้ยวได้ ระหว่างนั้นมีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า  แจ๊ซ ของนายเฉลิมชัยกับพี่สาวที่อยู่หลังตนเองได้กดแตรและขับแซงขึ้นไป พร้อมกับยกนิ้วกลางให้และพูดด้วยคำด่าที่หยาบคาย
 

 "จากนั้นเพื่อนของผมได้ขี่รถออกไปก่อนและผมได้ขับตามไป พบว่าเพื่อนกับคู่กรณีจอดรถอยู่

จึงเดินเข้าไปที่รถของนายเฉลิมชัย เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเคาะกระจกเห็นว่านายเฉลิมชัยถือปืนจ่อออกมาและพูดว่า "พวกมึงไม่เคยตายหรือไง" เมื่อเห็นดังนั้นจึงต้องมีการยื้อยุดฉุดกระชาก กระทั่งตะลุมบอนกันนอกรถ ระหว่างนั้นนายเฉลิมชัยใช้มีดแทงมาที่ผม แต่ผมปัดได้ ส่วนเรื่องที่จับหน้าอกผู้หญิงนั้นไม่เป็นความจริง เท่าที่จำได้คืนเกิดเหตุผู้หญิงคนดังกล่าวสวมเสื้อสีขาว แต่เสื้อที่นำมาให้สื่อมวลชนดูกลับเป็นสีดำ" นายสมชาย กล่าว
 

 นายสมชาย กล่าวด้วยว่า

ส่วนเรื่องของคดีความนั้น จะปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจและให้ศาลดำเนินการไปตามขั้นตอน ผิดถูกก็อยู่ที่ศาล ตอนนี้ตนแจ้งเพียงข้อหาเดียวคือ พยายามฆ่า ตอนแรกก็กะจะไม่เอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับไปบอกสื่อมวลชนและแจ้งความก่อน จึงถือได้ว่าคนแจ้งก่อนต้องได้เปรียบก่อน แต่ถ้าคู่กรณีมาขอโทษก็สามารถให้อภัยได้ เพราะถือว่าตนก็เป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน และก็ไม่กลัวว่าจะมีคนมาลอบทำร้ายภายหลัง เพราะถ้าเกิดขึ้นจริง ตนจะตายเพราะเรื่องแบบนี้ก็ยอมตาย 



ขณะที่คนใกล้ชิดของนายเฉลิมชัย กล่าวว่า

ทางญาติของนายสมชายได้โทรศัพท์มาเจรจา 2-3 ครั้ง พร้อมเสนอเงินให้จำนวนหนึ่งเพื่อให้ยุติเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นายเฉลิมชัยไม่ยอมเจรจาและยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และเตรียมหลักฐานแจ้งความเพิ่มอีกหลายข้อหา ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ส่วน น.ส.บุษรา ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และได้ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะมัดตัว นายสมชายให้ดิ้นไม่หลุด
 

 "ผมมองว่ายิ่งนายสมชายดิ้นรนเท่าไร โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชน ก็จะเป็นการผูกมัดตัวเอง และเชื่อว่าผู้ที่ร่วมทำร้ายลูกความของผม สุดท้ายจะต้องเห็นใจ และจะออกมาเปิดปากเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นแน่นอน"
 

 น.ส.อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ หรือ "ป้าจิ๊" ดารารุ่นใหญ่ในวงการที่ นายสมชายเคารพนับถือ กล่าวว่า

ตอนนี้ยังไม่ทราบข้อมูลของนายสมชายและยังไม่ได้คุยกับนายสมชาย เพราะติดสอนโยคะ 



นายเสงี่ยมบุญจันทร์ เลขาธิการสภาทนายความ ให้ความเห็นว่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างฝ่าย ต่างแจ้งความซึ่งกันและกัน ส่วนใครจะผิดหรือถูกอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจ เหตุการณ์นี้ความจริงต้องปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ใช่เพียงการนำบาดแผลมาอ้างเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากตำรวจสอบสวนแล้วยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ก็สามารถนำพยานแวดล้อมมาช่วยในการพิจารณา
 

ส่วนกรณีที่นายเฉลิมชัยบีบแตรบนท้องถนนจนมีเรื่องทะเลาะวิวาทนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ นายเสงี่ยม กล่าวว่า 

เรื่องนี้ก็ต้องดูสภาพการณ์ว่ามีการจอดรถกีดขวางการจราจรหรือไม่ เสียงแตรไปรบกวนประชาชนโดยรอบหรือไหม่ ถ้าหากไฟเขียวและยังจอดรถกีดขวางการจราจรก็ต้องขึ้นอยู่กับตำรวจจราจรว่าจะดำเนินตามกฎหมายอย่างไร แต่จุดสำคัญอยู่ที่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อเหตุก่อน 

ส่วนคำพูดของนายสมชาย ที่กล่าวกับคู่กรณีว่า 

"มีไรเปล่าวะ" ยังไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะอาจพูดไปด้วยอารมณ์บันดาลโทสะ แต่หากเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อนก็ผิดกฎหมาย
 

นายเสงี่ยม กล่าวอีกว่า 
การพกพาปืนและมีด หากไม่นำออกมาใช้ก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากนำออกมาข่มขู่ หรือพยายามทำร้ายก็เข้าข่ายพยายามฆ่า ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายใดพูดจริง ฝ่ายใดพูดโกหก คาดอีก 1-2 วัน น่าจะทราบข้อเท็จจริง
 

"ที่ฝ่ายหญิงออกมาขอโทษที่บีบแตรรถเมื่อรู้ว่าเป็นนายสมชาย ก็น่าจะจบกัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาว แต่ถ้าสมมติว่าเอาปืนไปจ่อและขู่แล้วขอโทษถือว่าผิด เพราะได้กระทำลงไปแล้ว การทำร้ายร่างกายมันผิดอยู่แล้ว อีกไม่นานก็รู้ว่าใครพูดจริง เพราะคนที่โกหกคงปิดได้อีกไม่นาน ส่วนเรื่องที่นายสมชายเห็นมีดแล้วเข้าไปล็อกตัวนายเฉลิมชัย ตวัดเอามีดและปืนออกแล้วไปแจ้งข้อหาพยายามฆ่านั้น ต้องดูว่ามีการพยายามฆ่าหรือไม่ เราไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถ้ามองจากข้อเท็จจริงเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการไปแย่งมีดและไปแจ้งความว่าคู่กรณีพยายามฆ่านั้น ต้องตั้งข้อสังเกตว่า อีกฝ่ายหนึ่งเมา ฝ่ายหนึ่งไม่เมา คนไม่เมาจะปล่อยให้คนเมามาแย่งมีดไปได้คงไม่ใช่ ส่วนข้อหาพยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ตามข้อกฎหมายฝ่ายที่มีมีดต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่ต้องพิสูจน์ว่านายสมชายเข้าไปแย่งมีดเพราะสาเหตุใด" นายเสงี่ยม กล่าว
 

นายเสงี่ยมกล่าวทิ้งท้ายว่า 

เรื่องดังกล่าวหากยังไม่มีการฟ้องร้องจริงจังก็สามารถไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ เพราะเป็นเพียงการทะเลาะวิวาทธรรมดา แต่ถ้ามีการฟ้องร้องก็ต้องไปสู้คดีกันในชั้นศาล ซึ่งก็น่าจะยอมความกันได้ เพราะเป็นคดีลหุโทษ แต่หากมีการยอมความกันแล้วและพิสูจน์ได้ว่า นายสมชายทำร้ายร่างกายและกระทำอนาจารฝ่ายหญิงจริง ก็ไม่สามารถยอมความได้ เพราะคนละส่วนกัน ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปี จากเหตุการณ์นี้น่าจะยอมความกันได้ เพราะนายสมชายก็เป็นดาราที่มีชื่อเสียง มีคนรู้จักทั่วประเทศ



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์