เจ๊ฉอด ยันไม่ผิดคดีเอี่ยวทุจริตประมูลคลื่นวิทยุ โต้ทำหุ้นแกรมมี่ตกจนถูกแบน ลั่นจะสู้คดีให้ถึงที่สุด



“เจ๊ฉอด” ยันถูกกล่าวหาคดีมีเอี่ยวทุจริตประมูลคลื่นวิทยุ พร้อมสู้คดีปล่อยให้ฝ่ายกฎหมายจัดการ เผยคดีไม่มีผลกระทบต่อเรื่องงาน หรือเป็นเหตุทำให้หุ้นบริษัทตกฮวบ พร้อมโต้แกรมมี่ฯเตรียมแบนปลดออกจากตำแหน่งผู้บริหาร

เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตทีเดียว สำหรับกรณีที่บอสใหญ่แห่งค่ายเอ-ไทม์อย่าง “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” โดนอัยการสั่งฟ้องให้เป็นจำเลย กรณีมีเอี่ยวทุจริตประมูลคลื่นวิทยุ 94.5 เมื่อปี 2546 และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ม.ค.) “เจ๊ฉอด” ก็ได้เดินทางไปยังศาลอาญา รัชดา และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับยื่นเงินสดประกันตัว 2 แสนบาท

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(25 ม.ค.) “เจ๊ฉอด” ในฐานะประธานกรรมการบริหารร่วม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย จำกัด ได้จัดงานแถลงข่าว “เอ-ไทม์ โชว์บิส 2010” ณ CENTERPOINT PLAYHOUSE @ Central World จากนั้นจึงได้มาเปิดใจถึงเรื่องคดีที่เกิดขึ้น บอกไม่รู้สึกห่วงหรือกังวลใดๆ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

“ในเรื่องคดีความคงพูดเนื้อหาไม่ได้เยอะ อะไรก็ตามที่อยู่ในคดีคงจะทราบว่า มันเป็นเรื่องของขั้นตอนด้านศาลและเรื่องทนายฝ่ายกฎหมายต่างๆ แต่สิ่งที่เล่าให้ฟังได้คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546 ทางเราก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ไปประมูลเรื่องสถานีวิทยุตามปกติ แล้วทางเราก็เป็นผู้ได้ ก็คงเป็นเรื่องของคนที่ทำอยู่เดิม ก็มีการร้องเรียนกันเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องราวสืบทอดมา”

“ณ ตอนนี้สถานีวิทยุนั้น (94.5 เอฟเอ็ม) ก็ไม่ได้ทำนานแล้ว บริษัทที่ไปร้องเรียนนั้นตอนนี้ก็ไม่ได้ทำแล้วเหมือนกัน แม้แต่ท่านผู้มีอำนาจซึ่งเป็นเจ้ากรมในขณะนั้น ที่เซ็นเรื่องนี้ก็เสียชีวิตไปแล้ว มันนานมาก แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพี่ฉอดได้เข้าไปในฐานะผู้ที่รับผิดชอบโดยตำแหน่งนี้ ไปเพื่อรับทราบเรื่องที่มีการฟ้อง”

“เรียนตามตรงว่าตนเองไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้ แต่ทางฝ่ายกฎหมายก็ให้ไปรับทราบ และไปบอกกับศาลว่าเราขอสู้คดี ปฏิเสธทุกเรื่อง ก็ได้แต่งตั้งทนายให้ไปรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งก็เป็นขั้นตอนปกติของการที่มีการฟ้องร้อง ทุกอย่างเป็นข้อกล่าวหา ซึ่งถูกผิดยังไงคงอีกนานกว่าจะดำเนินการไปตามเรื่องราวของคดี”

รับข่าวที่ออกไปแรงกว่าความเป็นจริง ยันตนไม่ได้ถูกจับติดคุก ถึงขั้นต้องให้ญาติมาประกันตัว

“จริงๆ แล้วตัวเองรู้สึกว่าไม่มีอะไร ก็แค่ไปเซ็นเอกสารเท่านั้น แต่พอดีมีข่าวออกไป และอาจจะมีข้อความบางประโยคที่ออกจะน่ากลัวเกินจริงไปนิดนึง ซึ่งระหว่างที่อยู่ในนั้นก็ทราบว่ามีข่าวออกไปว่า พี่ฉอดถูกจับ หรือ ญาติกำลังประกันตัวอยู่ หรือ ฝากขัง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็มีข้อความและโทรศัพท์เข้ามาเยอะ ก็ตกใจว่าทำไมเป็นแบบนี้ ก็ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ และคืนนั้นเป็นวันศุกร์ต้องจัดรายการ คลับ ฟรายเดย์ ก็มีคนฟังแสดงความห่วงใยเข้ามามากมาย”

“ส่วนเรื่องการประกันตัวมีค่ะ แต่เราไปแสดงตัวรับทราบข้อกล่าวหา พี่ฉอดในฐานะผู้ต้องหา ก็ต้องมีการประกันตัวก็แค่นั้น แต่ไม่มีว่าประกันตัวไม่ได้นะคะ เพราะไม่ใช่คดีที่จะประกันตัวไม่ได้ เราไม่ได้ไปฆ่าคนตาย ยังไงก็ต้องไปสู้กันในเรื่องของศาลอยู่แล้ว ฟังข่าวอาจจะดูน่าตกใจ แต่ลักษณะคดีแบบนี้จู่ ๆ มาจับคนไปติดคุกไม่ได้”

“ผลกระทบกับเรื่องงานคงไม่มี เพราะมันเป็นเรื่องเก่านานมาแล้ว ถ้าพูดถึงในแง่ลักษณะการประมูล หรือมีการกล่าวหากัน ก็คงเป็นเรื่องปกติในกลไกของธุรกิจอยู่แล้ว เราในฐานะตำแหน่งหน้าที่ ก็คงต้องเข้าไปเป็นชื่อของคนรับผิดชอบ แต่ว่าการดำเนินการจริงๆ คงเป็นเรื่องทนายและฝ่ายกฎหมายของบริษัทมากกว่า เพราะตนเองคงไม่สามารถเข้าไปอะไรตรงนั้นได้”

“สำหรับผลกระทบทางด้านจิตใจ เรียนตามตรงว่าก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนที่เขาแจ้งมาว่าให้ไปศาล ก็ไม่ได้บอกว่าให้ไปอะไรนักหนา ก็แค่ไปรับทราบข้อกล่าวหา และเซ็นเอกสารนิดหน่อยเท่านั้น แต่มาตกใจก็ตอนที่ทุกคนตกใจมากกว่า(หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าข่าวออกไปแบบนั้นแล้วบอกต่อๆ กันไปเรื่อย ๆ ก็มีคนตกใจว่า เขาไม่เคยเห็นเราไปทำอะไร นอกจากทำงานกับทำบุญ เขาก็งงว่าเราไปทำผิดอะไรให้ถูกจับตอนไหน”

เผยไม่รู้สึกเครียดที่ถูกฟ้อง เพราะปล่อยเป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมาย ปัดคดีส่งผลกระทบโดนปลดตำแหน่งออกจากแกรมมี่ฯ

“เรารู้สึกเครียดแทนคนอี่นมากกว่า เพราะจริงๆ ทราบเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว เลยไม่ได้เครียดอะไร ก็คงให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายไป ตัวเองก็ไปทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ถามว่าซีเรียสหรือสบายใจกับคดีนี้ เรารู้สึกปกตินะคะ สำหรับในสายตาของตัวเองก็เข้าใจว่า เป็นกลไกของการทำงาน เวลาทำงานโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบและโดยตำแหน่งเราเจออะไรที่มันใหญ่กว่านี้ ก็ต้องทำให้มันผ่านไป คิดว่าน่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ในแง่ความบริสุทธิ์ยุติธรรมโดยศาลก็คงต้องว่าไปตามกระบวนการตรงนั้น”

“หลังจากนี้เท่าที่ทราบอาจจะต้องไปทำอะไรแถวๆ นั้นอีกสัก 1-2 ครั้ง(หัวเราะ) เดี๋ยวทางฝ่ายกฎหมายเป็นคนจัดการ แต่คงไม่ได้ไกล่เกลี่ยค่ะ เพราะมีการยื่นฟ้องไปแล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงเป็นปีๆ แต่ตัวพี่ฉอดเองคงไม่ต้องไปตลอดเวลา ส่วนกระแสที่ว่าเราจะโดนปลดจากแกรมมี่ ขนาดนั้นเลยเหรอ(หัวเราะ) คือสิ่งใดๆ ต่างๆ ที่ทำก็ทำในนามของบริษัทนะคะ ไม่ได้ทำในนามส่วนตัว ถ้าไปฆ่าคนตายหรือทำผิดเรื่องส่วนตัวอาจจะมีผลกระทบ”

“ซึ่งอันที่จริงต้องขอบคุณ คุณไพบูลย์ (ดำรงชัยธรรม บอสใหญ่แกรมมี่) น่ารักมาก เป็นห่วงเป็นใยตลอดเวลา เพราะรู้ว่าเราทำไปในหน้าที่ของบริษัท คุณไพบูลย์จะให้กำลังใจและตกใจแทนตลอด ไม่ใช่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรนะ มันอาจจะมีอะไร แต่ด้วยความที่เราอาจจะเป็นคนรู้เรื่องกฎหมายน้อย แต่ถ้าถามว่าอะไรมั้ย ตัวเองเป็นคนค่อนข้างมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วก็ค่อนข้างมั่นคงในสิ่งที่ทำมา ดังนั้นพอถึงเวลาที่มันมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็จะไม่ค่อยตื่นตระหนกตกใจอะไรกับมันมากมาย แค่เรามั่นใจว่าเราทำทุกอย่างดีที่สุด อะไรมันจะเกิดขึ้นก็ต้องแล้วแต่”

โต้ข่าวเรื่องคดีส่งผลทำให้หุ้นของบริษัทตกฮวบ และมั่นไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือในตัวลดลง เพราะเป็นการถูกกล่าวหา

“เรื่องหุ้นตกอันนี้ต้องเป็นเรื่องของฝ่ายที่จัดการเรื่องนั้นนะคะ ทุกคนก็คงทราบว่า ตำแหน่งของเรามีความรับผิดชอบในส่วนของเอ-ไทม์ เพราะแกรมมี่ใหญ่มากก็คงมีฝ่ายที่รับผิดชอบในส่วนตรงนี้ แต่เท่าที่ทราบก็มีคนถามถึงเรื่องนี้ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร เพราะคนที่ทำธุรกิจตรงนี้จะรู้ว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เรื่องของวิถีธุรกิจ ก็คงต้องต่อสู้กันไป จะแพ้จะชนะก็ว่ากันอีกที”

“ถามว่ามั่นใจมากน้อยแค่ไหน สำหรับเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องหนักแน่นและมั่นใจในสิ่งที่เราทำ เท่าที่ตอนนี้ได้เช็คจากทุก ๆ ฝ่ายแล้ว ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบริษัทหรือตำแหน่งหน้าที่การงาน ถามว่าการฮั้วประมูล ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงมั้ย อย่างที่บอกว่ามันเป็นข้อกล่าวหาทั้งสิ้น ก็ต้องเป็นขั้นตอนของกฎหมายกันไป” 

เนื่อหาข่าวโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์