อ้อยควั่นมาแรง ช่อง 7 เพิ่มอีก 15 ตอน

วิ่งฉิวขายดิบ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สำหรับละคร "สาวน้อยอ้อยควั่น" อันเป็นละครม้ามืดออกอากาศช่วงเย็น ที่ทางวิกหมอชิต ส่งมาเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า ซึ่งผลปรากฏว่าละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย

จนทางวิกหมอชิต ออร์เดอร์ให้ทางบริษัทดีด้าฯ เพิ่มการผลิตอีก 15 ตอน สถานการณ์ออกมาในเชิงบวกแบบนี้ ทำหลายฝ่ายรับโบนัสมหาศาลไปตามๆ กัน โดยเฉพาะพระเอก วุธ-อัษฎาวุธ, บี-มาติกา และ ผกก.เอส-วัชรา งานนี้หน้าบาน รวยอื้อซ่า

กลายเป็นละครที่มาแรงแซงหน้าละครหลังข่าวไปเสียแล้ว สำหรับละครที่ออกอากาศในช่วงเย็นอย่าง สาวน้อยอ้อยควั่น ซึ่งนำแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร และ มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ และกำกับการแสดงโดย ผู้กำกับฯ มือโปรเอส-วัชรา สังข์สุวรรณ ซึ่งในตอนแรกนั้นทางวางแปลนการผลิตและการออกอากาศเอาไว้เพียง 30 ตอนเท่านั้น แต่ไปๆ มาๆ ปรากฏว่าด้วยเนื้อหาของเรื่องที่เป็นละครน้ำเน่า เข้าถึงจิตใจความรู้สึกคนดู บวกกับที่นักแสดงทุกคนตั้งใจทำงานกันเกินร้อย ทำให้ละครเรื่องนี้สามารถกระชากเรตติ้งได้แบบขาดลอย ชนิดที่ว่าเชือดเฉือน สูสี กับละครเรื่อง อกธรณี ที่เคยสร้างไว้ ทำให้ทางผู้ใหญ่ลงมติให้ทางบริษัทดีด้าฯ เพิ่มการผลิตอีก 15 ตอน รวมแล้วก็ประมาณ 45 ตอน

ซึ่งการยืดจำนวนตอนเพิ่มในครั้งนี้ก็ส่งผลหลายๆ อย่าง อาทิ เหล่าทีมงานและนักแสดงต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะงานนี้ทุกคนได้รับค่าตอบแทนและโบนัสอย่างงาม โดยเฉพาะนักแสดงนำ วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร นั้น เรื่องนี้เขารับค่าตัวไปมหาศาลเป็นหลักล้านเลยทีเดียว ตามมาด้วย นางเอก บี-มาติกา และ ผกก.เอส-วัชรา สังข์สุวรรณ

งานนี้ทางผู้สื่อข่าวของสยามดาราได้รับรายงานว่า ฝ่ายพระเอกนั้นได้ค่าตัวประมาณตอนละ 35,000 บ. และเมื่อบวกลบคูณหารออกมาเป็นค่าเหนื่อยแล้วจะตกประมาณ ล้านกว่าบาท เกือบล้านห้าแสน ส่วนนางเอกก็จะได้รับประมาณ 20,000 บ. ต่อตอน เมื่อบวกลบคูณหารแล้วก็จะได้ค่าขนมเกือบล้าน งานนี้ยังไม่รวมโบนัสที่ได้จากการที่ละครเรื่องนี้เป็นละครดีเด่น สามารถกระชากเรตติ้งได้แบบถล่มทลาย ทำให้วุธ และ บี กลายเป็นเศรษฐีน้อยๆ ส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งรับทั้งทรัพย์และหน้าตาก็เห็นจะไม่พ้น เอส-วัชรา สังข์สุวรรณ ซึ่งเป็นผกก.ของเรื่อง เขาคุยเฟื่องให้กับทางผู้สื่อข่าวสยามดาราฟังว่า เป็นละครที่เหนือความคาดหมาย เช่นเดียวกับละครเรื่อง อกธรณี ซึ่งก็เป็นฝีมือการกำกับของเขาเช่นกัน และที่เหมือนกันอีกประการหนึ่งคือละครเรื่องนี้มีเรตติ้งสูสีสี่สิบกว่าตอนเหมือนกัน

ส่วนข้อที่ว่าเมื่อได้รับไฟเขียวให้ยืดงานผลิตออกไปอีก 15 ตอนนั้นทำให้ต้องทำงานบักโกรกขนาดไหน ผกก. หัวเราะเสียงใส พร้อมกับบอกว่า เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะปกติก็เป็นละครถ่ายทำไปออกอากาศไป เมื่อมาเจอไฟเขียวให้ผลิตเพิ่มก็ยิ่งต้องทำงานหนักเพิ่มเป็นธรรมดา แต่ก็บอกและให้กำลังใจผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น คนเขียนบท ฝ่ายเสื้อผ้า หน้า ผม ช่างกล้อง สวัสดิการ แสง สี เสียง ศิลป์ ตลอดจนนักแสดงว่า ขอให้ทุกคนเต็มที่ หากมีปัญหาอะไรก็ขอให้คุยกัน เพื่อทุกอย่างจะได้มีปัญหาน้อยที่สุด ส่วนที่ละครออกมาดีนั้นเขาออกตัวว่าขอยกความดีให้กับ ผู้ที่มีพระคุณ และ ผู้ที่ให้โอกาส อย่าง เดอะ หรั่ง-ไพรัช สังวริบุตร และ ทุกๆ คนที่ร่วมทีมกันมาตั้งแต่ต้น

จากนั้นทางผกก. ยังได้เผยกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์ละครเรื่องนี้ให้ออกมาดูดี จนทำให้ผู้ชมมองว่าถึงเป็นละครยืดแล้วยืดอีก แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ซึ่งเคล็ดลับของเขาก็คือ การเข้าซึ้งถึงหัวอกคนดูว่าเขาชอบดูอะไร แล้วพยายามทำให้ถูกใจคนดู ส่วนในการสร้างสรรค์ก็จะเสริมรายละเอียดของอารมณ์ตัวละครที่เป็นอารมณ์จริงๆ ขอคนเราปกติเช่นว่า อารมณ์ความรู้สึกจิตใจของแม่ลูกที่รักกัน แม่ลูกพลัดพรากกัน โดยอาศัยประสบการณ์การเป็นนักแสดง การที่ได้ทำงานในวงการมานานเข้าช่วย

"ยอมรับครับว่าเหนื่อยหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับน้ำตาเล็ดหรอกครับ เพราะว่าเมื่อเทียบกับละครเรื่องอกธรณีแล้วถือว่าทรหดน้อยกว่า เพราะเรื่องโน้นถ่ายต่างจังหวัด แต่เรื่องนี้ถ่ายในกรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่ โลเกชั่นก็โรงเรียน ห้องแอร์ อาหารพร้อม สั่งปุ๊บเดี๋ยวก็มาส่งแล้วล่ะ และที่ทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีก็เพราะว่าทุกคนตั้งใจให้ความร่วมมือในการทำงาน ขอบคุณทุกคน ผู้ชม นักแสดง ผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ และ ขอบอกว่าได้รับฟีดแบ็กแบบนี้แล้วหายเหนื่อยครับ แต่ต้นปีหน้าก็จะได้พักกันแล้ว เพราะว่าละครจะอวสานประมาณวันที่ 2-3 มกราคมปีหน้าครับ"

ต่อประเด็นที่ว่ารับทรัพย์กลายเป็นมหาเศรษฐี งานนี้เอส-วัชราหัวเราะเบาๆ พร้อมออกตัวว่า "ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่โบนัสให้ชื่นใจมากกว่า" ผกก.กล่าว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์