หล่อตี๋ ‘เจมส์ มาร์’ หัวใจใส ชอบเที่ยวธรรมชาติ

อีกเพียงแค่อาทิตย์เดียวเราก็จะได้เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่กันแล้ว แต่ก่อนที่จะไปถึงวันนั้นกัน ตามสัญญาว่าเสาร์นี้เราจะมีหนุ่มหล่อมานั่งพูดคุยเปิดใจกับเราตรงนี้ และแน่นอนว่าสาว ๆ จะต้องกรี๊ดเพราะความน่ารักของเขา คนนั้นก็คือ “เจมส์ มาร์” หนึ่งหนุ่มที่โด่งดังขึ้นมาจากละครเรื่อง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ตอน “คุณชายรณพีร์”  ถึงแม้วันนี้ละครจะจบไปพักใหญ่แล้ว แต่หนุ่มคนนี้ก็ยังฮอตไม่เลิกไม่ว่าจะงานอีเวนต์ หรือว่างานโฆษณา ที่ถูกทาบลงพรีเซ็นเตอร์อยู่หลายชิ้น จนได้ฉายาเจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์อีกคนของวงการ เอาละเกริ่นมาขนาดนี้ เราไปคุยกับหนุ่มเจมส์ กันเลยดีกว่า

“ชีวิตที่เปลี่ยนไป”

ชีวิต เจมส์ เปลี่ยนไปเยอะมั้ยหลังจากที่ได้เล่นจุฑาเทพ?

“ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจนคือ การทำงานที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น มีงานมากขึ้นเป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็มีคนรู้จักมากขึ้น ตอนที่ไปช่วยพี่เอ ขนของตอนน้ำท่วม ตอนนั้นเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง แล้วยังเรียนรู้ แล้วพี่เอ ก็ให้เจมส์เรียนแอ๊คติ้ง เรียนโน่นเรียนนี้ที่บ้าน จนเข้ามาได้ทำงานละครนั่นแหละครับ”

ตอนนี้มีแฟนคลับเยอะมาก?

“ก็ดีใจนะครับ เวลาไปงานอีเวนต์ก็มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจ มาขอถ่ายรูปบ้างเราก็ดีใจแล้ว เขาก็คงจะชอบผลงานของเรา แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้วครับ”

ก่อนจะได้เล่นละคร เจมส์มองวงการยังไง?

“ก็มองว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องใช้ความสามารถ ถึงแม้ว่าจะมีคนอยู่รอบข้างเราคอยช่วยเรา แต่ตัวเราเองก็ต้องใช้ความสามารถ เป็นงานฮาร์ด แล้วพอเราเข้ามาปุ๊บ ก็ทำให้รู้สึกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ดี ทำให้เราสามารถที่จะหาเลี้ยงครอบครัวได้ สร้างฐานะได้ รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ให้โอกาสคนดีครับ”

“ซุป’ตาร์”

เจมส์ คิดว่าการใช้ชีวิตซุป’ตาร์ ในวงการนี้ยากมั้ย?

“เจมส์ว่าการใช้ชีวิตไม่ยากนะ แต่งานยากกว่านะครับ งานทุกชิ้นยาก งานทุกชิ้นเราต้องเพิ่มขึ้น ทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่มีวันหยุดครับ เราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเรามีคนดูเป็นตัววัด ว่าคนดูชอบไม่ชอบ ดังไม่ดังอยู่ที่คนดู คนชื่นชอบเรามั้ย ผมว่าผลงานสำคัญที่สุด ผมว่าเราจะอยู่วงการบันเทิงได้นานไม่นานมันก็ขึ้นอยู่กับผลงานของเราครับผม”

เจมส์เลยต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา?

“เรื่องเรียนการแสดงเราก็ต้องเรียนและพัฒนาตัวเองอยู่แล้วครับ เพราะว่างานละครก่อนที่จะเปิดกล้องถ่ายทำ เราต้องมีการเวิร์กช็อปกันหนักมากครับทุกคน แต่เราก็ทำงานชิ้นอื่นไปด้วย เรียนไปด้วย”

เป็นเจมส์ มาร์ ในวันนี้ยากมั้ย?

“ยากเหมือนกันครับ เพราะว่ากว่าจะมาเป็น สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ไม่ได้ง่ายครับ ต้องมีเรียนแอ๊คติ้งกันทั้งหน้ากอง ในกอง ก่อนถ่ายเยอะมาก แต่พอผลงานออกมาแล้วคนดูชอบ เราก็หายเหนื่อยครับ”

รู้สึกอีดอัดมั้ย มีคนมาชอบเราเยอะ ๆ แล้วเอาเราเป็นไอดอล?

“ไม่อึดอัดครับ เราไม่ได้ทำอะไรที่มันไม่ดี เราเป็นตัวอย่างของใครหลาย ๆ คน แล้วเราต้องทำดีเพื่อตัวเองด้วย เราก็เป็นตัวเรานี่แหละครับ ผมว่าคนที่ชอบแล้วเอาใครมาเป็นไอดอล ผมว่า เขาก็ต้องชอบคนนั้นที่เป็นตัวตนของเขา เราไม่ต้องไปดัดแปลงอะไรในชีวิตเราเขาก็จะชอบเราเอง”

“ตัวตน”

จริงแล้ว เจมส์ เป็นคนยังไง?

“ก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาครับ ชอบเล่นกีฬา ชอบกิน เที่ยวกับเพื่อน ๆ” 

แต่มีข่าวมาว่า เจมส์ เป็นคนเงียบ โลกส่วนตัวสูง?

“ครับเวลาทำงานผมก็จะมีสมาธิ ถึงเวลาเรียนเราก็ตั้งใจ ไม่พูดกับใคร แต่พอเสร็จงาน เลิกเรียน เราก็สนุกสนานครับ คุยกับเพื่อน บางครั้งพูดมากซะด้วยซ้ำ แต่เรื่องมุกเนี่ยไม่ค่อยมีครับ กลัวว่าเล่นไปแล้วเขาจะไม่ขำ ก็เลยไม่มีมุก จริง ๆ ผมไม่ได้เป็นคนเงียบ จะเงียบเฉพาะเวลางานเท่านั้น เพราะว่าตั้งใจ” 

“พรีเซ็นเตอร์” 

ตอนนี้ถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อ พรีเซ็น เตอร์ อีกคนของวงการ? 

“เรื่องรับงานพี่เอ ศุภชัย จะเป็นคนดูให้ครับ ว่าอันไหนเหมาะไม่เหมาะ จริง ๆ เราแค่ทำงาน เรายังเก่งไม่พอที่จะรู้ว่าอันไหนดีไม่ดี ผู้ใหญ่เขาจะรู้มากกว่า เพราะเขาจะรู้คิวของเรา คิวมาอันดับหนึ่ง อันไหนสำคัญต้องทำอะไรก่อน เพราะว่าผมเองก็ยังเรียนไม่จบ ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี แต่ส่วนใหญเรื่องงานก็ให้ผู้ใหญ่คุยเอง ผมมีหน้าที่ทำงาน”

แล้วตอนนี้ใกล้จะเรียนจบหรือยัง?

“ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่เอแบคครับ อีกสองเทอมจบแน่นอน เพราะรู้สึกว่าเราทำได้ แบ่งเวลา ผมชัดเจนว่าวันไหนเรียน วันไหนทำงาน เวลาทำงานผมก็ชัดเจนทำงาน เรียนก็เรียน ผมก็เรียนในระดับที่ไม่ขี้เหร่มาก ผมว่าผมเรียนไม่เก่งนะ แต่ผมเข้าใจในเนื้อหา เข้าใจในวิชา แต่เกรดอาจจะไม่ได้สวยมาก แต่ก็สอบผ่านในเกรดที่เราแฮปปี้ครับ”

มาถึงวันนี้คิดว่าตัวเราเองประสบความสำเร็จแล้วยัง?

“ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งของเรา แต่ผมไม่ได้วัดว่าปีแรกเราประสบความสำเร็จแค่ไหน ปีที่สองเท่าไหน แต่ผมจะวัดจากงานมากกว่าครับ ว่างานเราออกมาแล้วคนดูชื่นชอบมากแค่ไหน ถ้ามีคนชอบผมก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว แต่ปีนี้สำหรับผม ผมถือว่าเป็นปีแห่งการเริ่มต้นที่ดี มีคนชื่นชอบงานของเรา ซึ่งผมถือว่าประสบความสำเร็จมากกับงานละครเรื่องแรกครับ”

“ข่าว” 

มาถึงเรื่องของข่าวเจมส์ออกมาค่อนข้างเยอะ ตั้งรับยังไง?

“ไม่ได้ตั้งรับครับ ก็ปล่อย ไม่ได้ซีเรียสกับข่าวมากธรรมดา ๆ ครับ มีก็มี เราก็แค่ตอบตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง คืออย่าไปคิดว่าทำไมต้องมีข่าว อย่าบั่นทอนตัวเอง เวลามีข่าวก็ตอบตามความเป็นจริงไปเท่านั้นเอง แต่มีบ้างที่ต้องใช้เวลา คนเขาสงสัยเราก็ต้องอธิบายไป ค่อย ๆ อธิบายไป ถึงวันนี้ข่าวก็ยังมีอยู่แต่ไม่เครียดอะไร คนเขาต้องการคำตอบแค่นั้น ไม่ได้รู้สึกว่าทำไมต้องมีข่าว ทำไมต้องแกล้งเรา ไม่ได้มองวงการนี้แย่หรือว่านักข่าวน่ากลัว เราก็ทำงานของเรา ผมว่าคนเราทุกคนทำงานมันก็ต้องเจออุปสรรคกันบ้าง เราแค่ทำงานของเราให้ดีเท่านั้นพอ”

งานเยอะขนาดนี้ เจมส์มีเวลาส่วนตัวบ้างมั้ย?

“มีครับ ก็พยายามจัดเวลาให้เราได้ผ่อนคลายบ้าง มีเวลาไปเล่นกีฬา ผมชอบตีกอล์ฟ เล่นมาตั้งแต่เด็กครับ ตีมาเรื่อย ๆ ผมชอบกีฬาที่เป็นธรรมชาติ ชอบเที่ยวภูเขา ทะเล ผมชอบเที่ยวแนวนี้ เลยทำให้ชอบกอล์ฟ อีกอย่างเป็นกีฬาที่ต้องแข่งกับตัวเอง ถ้าเล่นเป็นมันสนุกมาก และเป็นกีฬายาก มันต้องเอาชนะตัวเองหมด และได้อยู่กับธรรมชาติ ได้เห็นอะไรเขียว ๆ มันได้ผ่อนคลายครับ”

ถึงวันนี้ คิดแพลนอนาคตหรือว่าวางอะไรกับเขาไว้บ้างมั้ย?

“ก็จะเป็นนักแสดงไปเรื่อย ๆ มีงานเราก็ทำ ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องอยู่นานแค่ไหน แค่มีโอกาสเราก็ทำ ถ้ามีโอกาสดี ๆ เข้ามาเราก็ยินดีที่จะทำ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

แล้วถ้าเจมส์ไม่ได้เข้าวงการบันเทิง คิดว่าตัวเองจะทำงานอะไร?

“ยังไม่รู้เลยครับ คงเรียน เรียนไปเรื่อย ๆ และถ้าชอบกอล์ฟมาก ๆ คงไปเป็นโปรกอล์ฟ แต่อยากเรียน หาความรู้ใส่ตัวให้มาก ๆ ก่อน” 

“พรหมลิขิต”

ทำงานขนาดนี้ มีกับเขาบ้างมั้ย?

“ไม่มีครับ แต่ก็ไม่ได้รีบว่าจำเป็นต้องมี ตอนนี้เราก็แบบเฉยไปก่อน ให้ธรรมชาติพาเข้ามา ผมเชื่อพรหมลิขิตนะ เชื่อในโชคชะตา เมื่อไรที่เขาคนนั้นจะมาเขาก็จะมาเอง ผมเป็นคนสบาย ๆ ไม่คิดมาก ทำงานไปเก็บตังค์ไป ชอบเล่นเกม มีเวลาก็เที่ยวบ้าง แต่เที่ยวของผมคือไม่ได้เที่ยวกลางคืน เที่ยวต่างจังหวัด ใช้ชีวิตสบาย ๆ ไม่รีบร้อนครับสำหรับเรื่องความรัก เพราะว่าถ้าเราเองยังไม่พร้อมไม่มีเวลาเราก็ดูแลเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นปล่อยทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติไปครับ”

มีท้อแท้บางมั้ย เวลาที่ทำงานเยอะ หรืองานไม่ประสบความสำเร็จ?

“ไม่ครับไม่ท้อ ผมว่าเวลาที่ผมทำงานผมก็ทำเต็มที่ แล้วถ้ามันไม่ประสบความสำเร็จมากก็ไม่เป็นไร เราทำดีที่สุดแล้ว และถ้ามีคำติ คำชมมา เราก็เอามาพัฒนาตัวเอง คำติมีอยู่แล้ว ไม่ใช่มีแต่คำชม  ถามว่าท้อมั้ย ไม่นะ” 

เป็นไงกันบ้างคะ สำหรับหนุ่มเจมส์ เราเชื่อว่าสาว ๆ คงจะอิ่มอกอิ่มใจกับความสดใส และความคิดที่โตเกินตัวของหนุ่มคนนี้ รักเจมส์ ชอบเจมส์ ก็เป็นกำลังใจให้ หนุ่มเจมส์ กันต่อไปนะจ๊ะ.


“เจมส์ มาร์” “เจมส์ มาร์”


“เจมส์ มาร์” “เจมส์ มาร์”


“เจมส์ มาร์” “เจมส์ มาร์”


“เจมส์ มาร์” “เจมส์ มาร์”


“เจมส์ มาร์” “เจมส์ มาร์”

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์