หมออ้อย แถลงข่าวซัด เด็กวิศวะ โดน กะเทยแชมป์ หลอกควรไปกินปลา

โดยหนุ่มวิศวคนดังกล่าวอ้างว่า ที่เชื่อและยอมจ่ายเงินนั้นเป็นเพราะหมออ้อยอยู่ด้วย แถมตัวหมออ้อยเองยังมีการชักชวนให้มาแคสติ้งที่สตูดิโอที่ตนเป็นพิธีกรอยู่ ทำให้หนุ่มวิศวกรมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง

แต่ภายหลังเมื่อปรากฏว่าถูกหลอกให้เสียเงิน หนุ่มวิศวกรก็ได้เข้าแจ้งความที่สน.สุทธิสารเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ทำเอาหมออ้อยถึงกับนั่งไม่ติดออกโรงแถลงข่าวร่วมกับ อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นชื่อดัง ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แต่รับว่าวันนั้นได้ไปทานข้าวกับวิศวกรหนุ่มและแชมป์จริง แต่ไม่มีการชักชวนให้ไปแคสที่สตูดิโอ มีแต่หนุ่มวิศวกรเท่านั้นที่ขอไปดูการทำงานของตน

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งความจับกัน แต่ทำไมถึงมาจูบปากดีกันและไปกินข้าวด้วยกันอย่างสนิทสนมนั้น หมออ้อยบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับแชมป์นั้น เป็นเหมือนเด็กถือของที่เรียกมาใช้งานเป็นครั้งคราวเวลาออกงาน แล้วก็ให้เงินครั้งละ 500 - 1000 บาท รู้ว่าแชมป์เป็น 18 มงกุฏแต่ก็คบหาเพราะสงสารที่อยู่ตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่ ที่เคยทำผิดกับตนก็ให้อภัยให้โอกาสกลับตัว

แต่ครั้งนี้ควรจะออกจากวงการบันเทิงไปซะ แต่ถ้าไม่มีที่ไปก็สงสารแชมป์อยู่ดีอาจจะฝากงานให้ทำที่ใดที่หนึ่งที่พอให้มีรายได้

ส่วนกรณีที่ถูกถามว่า ในเมื่อรู้ว่า แชมป์เป็น 18 มงกุฏและมักจะพาเด็กหน้าใหม่ๆ ไปพบเจอกับหมออ้อยอยู่เสมอ ทำไมถึงไปด้วยเหมือนไปด้วยเพราะอาจเป็นเครื่องมือให้แชมป์สร้างความน่าเชื่อถือใช้ในการหลอกเด็กอยากจะเข้าวงการ ทำเอาหมออ้อยถึงกับตบโต๊ะพูดว่า ตอนที่เด็กมาจะมีการพูดคุยกันทุกคน มาทำไม แชมป์ก็ออกตัวว่าให้มาช่วยยกกระเป๋ามาเป็นเพื่อน

พร้อมกับสวนว่า “ถามจริงๆ เหอะเด็กมันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ การคุยมันไม่รู้เหรอ คุยกับมดดำไม่ได้โทษแชมป์คนเดียว เพราะเด็กเดี๋ยวนี้มันโง่นะ”

เผยเด็กของแชมป์ที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะส่วนใหญ่แชมป์จะได้แต่เด็กต่างจังหวัด เด็กที่ไม่ได้กินปลา และจากที่ดูแล้วเอาไปเสริฟร้านไก่ทอดยังไม่ได้เลย พร้อมกับบอกว่า เด็กสมัยนี้ควรจะกินปลาให้มากจะได้ไม่ถูกหลอก เพราะวงการบันเทิงไม่ได้เข้ากันง่ายๆ และหนุ่มวิศวเองก็หน้าตาจะต้องศัลยกรรมอีกเยอะ ตั้งข้อสงสัยเป็นวิศวะจริงหรือเปล่า และตนคงไม่มีเรื่องอะไรจะต้องไปเคลียร์กับแชมป์หรือกับวิศวกรเพราะอยู่กันคนละสเตตัส