หนุ่ม เหลืออดฟ้อง หลาน ข้อหาหมิ่น



ร้อนระอุสูสีไม่แพ้อากาศเดือนเมษาหน้าร้อนเลยสักนิดสำหรับกรณี "มรดกกำเนิดพลอย" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างก็หอบเอาหลักฐานมาโต้กันแหลกผ่านสื่อ


ล่าสุดทางด้านพิธีกรอารมณ์ดี หนุ่ม กรรชัย เหลืออด เดินหน้าฟ้องหลานข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งได้มีการแถลงข่าวไปสด ๆ ร้อน ๆ นี้นี่เอง

"จริง ๆแล้วต้องบอกก่อนว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเราได้มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับคดีข้อพิพาทของการจัดการมรดกที่ไม่เป็นธรรม หลังจากนั้นพี่ ๆ ก็ได้ติดตามเรื่องราวต่างๆไปแล้วบางส่วน บังเอิญว่ามีกรณีของผมถูกพาดพิงจากบุคคลที่ตั้งตัวว่าเป็นหลานสาวเป็นคน พลอยไพลิน พูดโดยผ่านรายการแฉแต่เช้าและมีเว็บไซต์ manager


ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับข้อพิพาทตรงไหน แต่ที่ผมจำเป็นต้องออกมาพูดก็เพราะต้องป้องกันศักดิ์ศรีของตัวเองแล้วอีกอย่างหนึ่งคือผมรู้สึกว่าสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นเท็จทั้งหมด

ฉะนั้นวันนี้ผมก็ได้เตรียมเอาหลักฐานมาเพื่อที่จะแสดงด้วยในหลาย ๆ เรื่องเลย ก็อยากให้พี่ ๆ สื่อมวลชนทุก ๆ คนเห็นหลักฐานตรงนี้แล้ว อยากจะช่วยให้ความเป็นธรรมกับผมด้วยว่าเหตุทั้งหมดมันคืออะไรและผลทั้งหมดมันคืออะไร"

"ส่วนเรื่องงานบวชที่มีการกล่าวอ้างมาในเว็บไซด์ของ manager รวมถึงรายการแฉแต่เช้าคงจะต้องบอกว่าการบวชในวันนั้น ผมต้องการจะบวชแบบเงียบ ๆ ก็ไม่ได้แจ้งใครนอกจากนางคุณป้าผมและก็น้องสาว แต่ที่บ้านโน้นเป็นบ้านอีกหลังนึง ซึ่งคุณแม่ผมเอง คุณแม่ใหญ่ก็ไม่ได้ทราบเรื่องตั้งแต่แรก แต่บังเอิญว่าทางวัดไทรม้าใต้ที่ผมไปบวชเนี่ยรู้จักกันกับทางที่บ้านคุณแม่ ก็เลยมีการโทรศัพท์ไปบอกทางคุณแม่ใหญ่บอกว่าหนุ่มจะบวช หลังจากนั้นคุณแม่ก็เดินทางมา แล้วมีการมาต่อว่าต่อขานนิดนึงว่าทำไมถึงไม่บอก หนุ่มก็บอกว่าหนุ่มต้องการจะบวชเงียบ ๆ

ซึ่งในเว็บไซต์ก็มีรูปโชว์ขึ้นมาว่าคุณพลอยกล่าวอ้างว่าทางเขาเนี่ยเป็นคนบวชให้ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็อยากจะโชว์ภาพนิดนึงว่า ผมก็มีภาพที่จะยืนยันได้ว่าคนที่บวชให้ผมคือคุณป้าผม ซึ่งเป็นผู้ที่ถือหมอน แต่หลักฐานที่เป็นเอกสารที่บอกว่าเป็นคนบวชให้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าไม่ได้เป็นการชี้ชัดว่าเป็นผู้บวชให้ แต่วันนั้นที่มาทางคุณแม่บ้านบ้านโน้น ก็ได้เตรียมเอาข้าวปลาอาหารมาจริง ได้มาร่วมงานบวชจริง มีการถ่ายรูปร่วมกันจริง เพราะตอนนั้นเราไม่ได้มีการโกรธเคืองอะไรกัน ไม่ได้มีข้อพิพาทอะไรกัน และที่สำคัญผมรู้สึกไว้ใจด้วยซ้ำ ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่เซ็นแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการมรดก"




"ฉะนั้นอันนี้คือขอยืนยันว่าการบวชคือต้องแยกกันให้ชัดเจนนิดนึง การบวชถ้าบวชให้ผมจะต้องบอกว่าเป็นพระผู้อุปสมบทที่บวชให้ นั่นคือหมายถึงเจ้าอาวาสวัดไทรม้าใต้ แล้วรวมถึงท่าน ว.วัชรเมธี เป็นพระที่บวชให้ ถ้าเป็นแม่งานคือคุณป้าผมผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ถ้าผู้ที่หาข้าวปลาอาหารคือคุณแม่ใหญ่

ซึ่งที่สำคัญที่สุดผมขอยืนยันว่าการที่คุณพลอยไพลินออกมาพูด แล้วบอกว่าทางคุณแม่ใหญ่เป็นผู้บวชให้ ผมต้องยืนยันว่าคุณพลอยไพลินไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะคุณพลอยไพลินป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกนอนอยู่ที่ ร.พ เจ้าพระยา ซึ่งหลังจากที่ผมบวชเสร็จผมก็ไปเยี่ยม แล้วก็ยังผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือให้ด้วย ฉะนั้นเนี่ยข้อนี้เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐาน"

นอกจากนี้ทางด้านหนุ่มกรรชัย ได้หอบเอาทั้งหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงทนายส่วนตัวเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่หลานเคยให้สัมภาษณ์มาชี้แจงอีกครั้ง พร้อมโชว์หลักฐานอย่างชัดเจน โดยย้ำว่า ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว

"เรื่องพระฤษีเป็นเรื่องที่ผมอยากจะตอบ เพราะเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยกันมาก คือพระฤษีเป็นพระสมัยสุโขทัย ทำมาจากสัมฤทธิ์ องค์สูง ราคาประเมินประมาณ 8 ถึง 15 ล้านบาท ตรงนี้ผมถือว่าป็นทรัพย์กลางของคุณพ่อ ผมเองได้นำพระฤษีองค์นี้มาเพราะว่าทางเค้าเองจะนำพระฤษีองค์นี้ไปขาย ผมถึงมีความจำเป็นที่จะนำพระฤษีองค์มาเก็บเอาไว้ และนำไปแถลงต่อศาลเรียบร้อยแล้ว ว่าพระฤษีองค์นี้เป็นสมบัติส่วนกลาง เพราะฉะนั้นถ้ามีการแบ่งปันทรัพย์สมบัติอย่างถูกกฎหมายพระฤษีองค์นี้จะมาอยู่ในกองกลางทันที ถ้าใครเป็นผู้สืบสันดานของตระกูลกำเนิดพลอยจะมีสิทธิ์ในพระฤษีองค์นี้ ซึ่งตรงนี้มีคำเบิกความอยู่ และตอนนี้พระฤษีอยู่กับผม

และเป็นที่น่าสังเกตคือในใบขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางวิมลรัตน์ สิ่งที่ผมอยากจะบอกในใบนี้จะมีสมุดฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา โฉนดที่ดินที่อำเภอปะทิว รถยนต์เบนซ์ทะเบียน 6996  ปืนออโตเมติกหนึ่งกระบอก หุ้นต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เค้าใช้ในการยื่นเข้าไป ผมถามว่าพระเครื่องไปไหนครับ มันผิดกฎหมายรึเปล่าครับกับสิ่งที่คุณมากล่าวอ้างผม ว่าผมมาเรียกร้องเอาเงิน เปล่าครับ ผมต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม อย่ามาบิดเบือดหรือดิสเครดิตผมเลยครับ ผมเสียเครดิตตั้งแต่รถมินิแล้วครับ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นผมคงไม่มีอะไรให้คุณดิสเครดิตอีกแล้ว 

ซึ่งวันที่เค้าให้ผมนำพระฤษีองค์นี้มาคือเค้าต้องการที่จะให้ผมนำพระฤษีองค์นี้ไปขาย  แต่ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นทรัพย์กลางของมรดกผมจึงนำไปแถลงต่อศาล เพราะการนำไปขายผมเห็นว่ามันไม่สมควร และผมได้ยื่นเรื่องทั้งหมดยื่นต่อศาลแล้ว เมื่อไหร่ที่ผมนำไปขายผมก็จะโดนจับทันที ผมว่ามันไม่คุ้มกัน ถ้าจะขายผมขายไปนานแล้วครับ"


ทั้งนี้หนุ่มกรรชัยได้กล่าวถึงกรณีที่หลานสาว วิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของตนเองว่า ออกแนวดราม่า และค่อนข้างเป็นซินเดอเรลล่าไปหน่อยนั้น

เจ้าตัว (กรรชัย) กล่าวว่าเรื่องเกิดขึ้นในช่วงที่เจ้าตัวอายุประมาณ 17 - 18 ซึ่งในตอนนั้น "พลอย" หลานสาวอายุประมาณ 8 ขวบเท่านั้น คงจะไม่ทราบว่าช่วงชีวิตของเจ้าตัวนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

งานนี้หนุ่ม กรรชัยเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตอนที่เจ้าตัวเข้าไปอยู่บ้านนั้น ก็ยังไม่มีห้องเป็นของตัวเอง ก็ต้องไปนอนที่ห้องห้องหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ห้องคนขับรถเสียทีเดียว แต่เป็นส่วนที่คนขับรถเขาเข้าไปนอนด้วย ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า ก็ไม่ได้ทุกข์มากมายอะไร แต่ก็ไม่ได้สุขล้นเหลืออะไร




"คือถ้าถามผมว่ารู้สึกยังไงที่รุ่นหลานออกมาพูดแแบนี้ ส่วนนึงผมก็พยายามมองในมุมที่ดีโดยสาเหตุที่ว่าตัวเขาในช่วงเวลานั้นที่ผมอยู่บ้านนั้น เขาเองก็อายุยังน้อยอยู่อาจจะยังไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรหรือว่าอาจจะได้รับข้อมูลอะไรมาผิด ๆ ถึงได้มีการมาพูดแบนนี้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ณ ปัจจุบันผมมานั่งคิดดูแล้ว คุณพลอยมีอายุประมาณ 30 กว่าแล้ว ผมเชื่ออย่างนึงว่าทั้งการศึกษาก็ดีหรือความคิดต่างๆ ประสบการณ์ต่างๆก็น่าจะสามารถที่ทำให้หลานคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่านี้ แต่การที่ออกมาพูดแบบนี้มันทำให้ผมเสียชื่อเสียง ผมก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการที่ผมเองก็ได้ไปฟ้องศาลอาญาเรียบร้อยเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทแล้วก็ผิด พ.ร.บ ของคอมพิวเตอร์"


งานนี้ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร แล้วฝ่ายตรงข้ามจะออกมาโต้กลับหรือไม่อย่างไร เพราะหากพิสูจน์ได้ว่าผิดจริงอาจจะมีโทษจำคุก 5 ปี แล้วทั้งจำทั้งปรับตาม พ.ร.บ คอมที่มีขึ้นในปี 2550


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์