หนึ่งเดียววันนี้บีมกวี ตันจรารักษ์

จากสามหนุ่มบอยแบนด์วง "ดีทูบี" กระทั่งเพื่อนร่วมวง "บิ๊ก" ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้ชื่อวงเป็นเพียงตำนานในวงการเพลงไทย กระทั่งเหลือสมาชิก 2 คน กับการออกอัลบั้มในนาม "แดน-บีม" ซึ่งมาถึงวันนี้ได้ประกาศยุบวงไปเรียบร้อยแล้ว
 

วันนี้ข้างกายของ "บีม" กวี ตันจรารักษ์ ต้องทำงานโดยไร้น้องชายร่วมวงการที่ชื่อ "บิ๊ก" และ "แดน" วรเวช ดานุวงศ์ 

ซึ่งทำเอาแฟนคลับของทั้งคู่ใจหายกันไปไม่น้อยแต่บีมเอง ก็ยังคงเดินหน้าในการสร้างผลงานใหม่ๆ ทั้งงานละคร รวมถึงการเป็น "ทูต WWF ประเทศไทย ทูตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการเดินทางก้าวต่อไปอย่างลำพังจะเป็นอย่างไร บีม มานั่งให้เราเจาะใจ ในสกู๊ปบันเทิงชิ้นนี้

วันนี้ของบีม
 

ความรู้สึกที่ต้องออกงานคนเดียว
 

ก็เหงาๆนะ ก่อนเริ่มงานทุกทีต้องไปแต่งหน้าที่บริษัท ก็จะมีแดน ทำผมด้วยกัน นั่งคุยกัน แต่ตอนนี้ก็ต้องนั่งคุยกับช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวประเภทสองแทน (หัวเราะ) แต่ก็ชินแล้วนะ แต่เราก็ยังคิดถึงช่วงที่ได้เจอน้อง

ตั้งแต่"ดีทูบี" จนถึง "แดน-บีม" กระทั่งตอนนี้เหลือคนเดียว รู้สึกอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลง
 

ก็รู้สึกว่ามันทำให้เรารู้ ว่ามันก็เป็นธรรมชาติของชีวิต มนุษย์เราไม่ได้อยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆ และไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป เราก็ต้องเจอการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่เราปรับตัวเข้าหามันได้หรือเปล่า แต่ผมคิดว่าเราสามคน บิ๊ก แดน บีม เป็นบุคคลที่สามารถปรับตัวได้ค่อนข้างดีทีเดียว เพราะมันหลายๆ ครั้ง ที่เจออะไรอย่างกะทันหัน แต่ก็คิด ว่าเราสามารถอยู่กับมันได้นะ และเรียนรู้ว่าต่อไปเราต้องทำอะไร แต่แรกๆ อาจจะมีช็อกบ้างกับการเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากนั้น ผมว่าเราก็สามารถเดินต่อไปได้
 

การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
 

จริงๆทุกครั้งในการทำงานก็ทำเต็มที่ตลอด แต่ตอนที่เรายังเป็นดีทูบี ก็ไม่เคยคิดเลย ว่าจะต้องทำเต็มที่ ให้สุดๆ ไปเลยนะ เพื่อที่อีกหน่อยอาจจะไม่ได้ทำด้วยกัน เพราะไม่เคยมีความคิดอย่างนั้นอยู่ในหัว แต่ที่ต้องทำให้ที่สุด เพราะเราสนุก เลยทำให้มันสุดๆ ไปเลยแล้วกัน แล้วพอมาเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบิ๊ก มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น มันกะทันหัน และทำเอาช็อกเลย ไปบวช ไปเรียนต่อต่างประเทศด้วย ก็รับมืออย่างนั้น จนได้มาทำงานสองคนกับแดน ตอนนี้เราเริ่มรู้แล้วว่าไม่มีอะไรอยู่ตลอดไป อีกหน่อยอาจจะต้องแยกกัน เพราะฉะนั้นการทำงาน ขอให้มีความสุขที่สุดแล้วกัน เพราะฉะนั้นงานก็จะออกมาตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนประกาศแยกวงจริงๆ เราก็รู้มาระยะหนึ่งแล้ว มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ลึกลงไปในรายละเอียด แค่บอก ว่าอีกหน่อยเราอาจจะไม่ได้ทำงานด้วยกันนะ ตั้งแต่เจอเรื่องบิ๊กก็เหมือนเราทำใจแล้ว ว่ามันไม่มีอะไรอยู่ตลอดไป เหมือนเป็นบทเรียน 



แต่ทุกครั้งก็ยังได้รับการตอบรับจากแฟนๆได้เสมอ
 

ก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งเหมือนกันอาจจะเป็นเพราะว่า วงดีทูบี ก็เหมือนเป็นตัวบุคคลที่ผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ เราก็มีอยู่ในนั้นหมดเลย พูดตรงๆ ก็ค่อนข้างหายากในวงอื่นๆ ซึ่งอาจจะมีแต่ความสุข หรือความทุกข์ระทมอย่างเดียว เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน มันก็เหมือนสร้างอะไรบางอย่างให้กับแฟนเพลงของเรา ก็เลยเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เหมือนน้อง เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ฉะนั้นเขาจะรู้สึกกับเรามาก เวลาที่เกิดอะไรขึ้น และด้วยความที่สื่อสนใจพวกเราด้วย ไม่เคยลืม ก็เลยเกิดความผูกพัน เจอเรื่องอะไรก็กระจายไปง่าย ก็ต้องพูดว่าขอบคุณสื่อด้วยที่ไม่เคยลืม
 

กดดันไหมหากถูกจับตา ว่าเป็นศิลปินเดี่ยวจะดังเท่ากับสมัยก่อนหรือเปล่า
 

จริงๆหลายคนก็คงมองอย่างนั้น แต่งานที่เปลี่ยนไป ปัจจัยหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เราคงไม่บอกว่า เอ้ย...เราจะกลับไปมีความนิยมเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าคนที่ติดตามสนใจงานของพวกผมก็คงยังมีอยู่ และผมก็จะพยายามเต็มที่เพื่อคนกลุ่มนั้น และถ้างานเราดีพอ จริงๆ ที่คนจะสนใจ มันก็คงจะกลับมาเป็นจุดสนใจของคนอีกครั้ง ก็ไม่หวังอะไร ทำไปเท่าที่เราจะทำได้ดีกว่า เพราะผมก็เคยมานั่งคิด คิดไปคิดมาไม่รู้จะคิดทำไม เพราะถึงเวลาแล้วเดี๋ยวมันก็บอกเอง ตอนนี้เราทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน
 

แปลว่าก็อดหวั่นไหวกับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้
 

มันก็คงต้องมีอยู่แล้วแต่มันก็เหมือนกับทุกครั้ง เหมือนตอนที่เหลือแค่สองคน จนตอนนี้เราเหลือคนเดียว ก็ต้องตั้งใจมากขึ้น 



ก้าวต่อไป
 

จะมีโอกาสเห็นบีม เป็นศิลปินเดี่ยวไหม
 

ก็คงได้เห็นแต่ตอนนี้ยังไม่ได้วางงานเลย ส่วนใหญ่ช่วงนี้เป็นงานแสดง ตอนนี้ผมก็เรียนโน่น เรียนนี่เพิ่มเติม เรียนดนตรี โน้ต เรียนร้องเพลงมากขึ้น งานก็คงต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานหน่อย สำหรับสไตล์ของเพลง ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไร เพราะเราเองก็เปลี่ยนความชอบไปทุกวัน จากสิ่งรอบตัวที่มากระทบ ฉะนั้นอยากให้รู้แน่ ว่าเราจะออกแบบนี้ ถึงจะบอก แต่ก็คงออกมาจากตัวผมมากขึ้น จากที่แต่ก่อนแต่งมาจากคำบอกเล่าของพวกเรา แต่ตอนนี้อาจจะต้องลงไปเขียนเอง
 

มีโอกาสที่จะกลับมาร่วมงานกับแดน อีกไหม
 

ผมก็ไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นยังไงอาจจะมีโอกาสที่เราจะได้ขึ้นยืนบนเวทีเดียวกันอีก แต่ผมคิดว่าต้องมีแหละในอนาคต แต่คงยังไม่ใช่ใกล้ๆ นี้ จริงๆ ตอนนี้ก็ยังต้องเจอกันทุกอาทิตย์ เพราะยังมีคอนเสิร์ตด้วยกันอยู่ ตอนนี้แดนเขาก็ค่อนข้างยุ่งๆ เรื่องเรียน เห็นบ่นๆ ว่ามิกซ์เพลงยาก
 

หากแดน ย้ายค่าย เป็นห่วงอะไรบ้าง
 

โหยอย่างแดนคงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็ให้เขาดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน ทำงานสถานที่ใหม่ ก็อาจจะต้องทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ก็คงมีบรรยากาศการทำงานใหม่ๆ ก็ขอให้ค่อยๆ ปรับตัว ผมไม่มีอะไรห่วง เพราะเขาใช้ชีวิตได้ดี และระมัดระวังตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ก็ให้เขาพักผ่อนให้ถูกวิธีบ้าง
 

มีความคิดอยากย้ายค่ายไปไหนบ้างไหม
 

ตอนนี้ผมยังหาคนที่เหมาะสมที่จะมาดูแลผมไม่ได้และผมก็เกิดจากตรงนี้ด้วย ก็มีความสุขดี และก็ได้อะไรหลายอย่างมากจากอาร์เอส ได้รับการดูแลอย่างดี ผมเลยยังไม่อยากไปไหน 



เป็นขวัญใจวัยรุ่นมันตีกรอบความประพฤติของ บีม ให้เป็นตัวอย่างที่ดีด้วยไหม
 

จริงๆผมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว บางทีเราก็ทำทุกอย่างเพื่อตัวเราเอง อย่างผมเรียนก็เพราะสนองความต้องการตัวเอง แต่น้องๆ หลายคนที่ดูผมก็อาจจะจำไปเป็นตัวอย่าง ซึ่งผมก็ดีใจที่หลายๆครั้งมีน้องๆ เดินมาบอกผมว่า เขาตั้งใจเรียน สอบโน่นสอบนี่เพราะดูเราเป็นตัวอย่าง
 

ตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง
 

ถ้าเป็นการประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงก็คงใช่ แต่ผมว่า คนเราสามารถประสบความสำเร็จได้หลายอย่าง การเรียนจบก็เรียกว่า เป็นการประสบความสำเร็จ เพียงแต่มันมีหลายขั้นเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็ยังไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิต มันยังต้องมีอีก เราก็ต้องมองหาจุดมุ่งหมายไปเรื่อยๆ
 

คิดจะเรียนต่อปริญญาเอกไหม
 

จริงๆมีเพื่อนชวนอยู่เหมือนกัน ให้ไปเรียนต่อที่อเมริกา เพื่อนผมเขาอยากเป็นอาจารย์ แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะว่าต้องดูเวลา ดูปัจจัยหลายอย่าง ถ้าผมไปแล้วคุณพ่อคุณแม่ผมจะอยู่ยังไงล่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่แน่นะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าถึงตอนนั้น ก็ต้องดูว่าคุณพ่อคุณแม่ผมจะอยู่ได้หรือเปล่า เพราะผมค่อนข้างติดครอบครัว เป็นลูกแหง่ ไปไหนนานๆ ก็จะคิดถึง 



หัวใจไม่ไร้รัก
 

ดูเป็นครอบครัวค่อนข้างอบอุ่นที่บ้านมีหลักเลี้ยงลูกอย่างไร
 

ส่วนใหญ่แม่จะเป็นคนสอนเพราะพ่อผมจะทำงาน บางทีไปต่างจังหวัด แต่แม่เลือกจะอยู่ให้ความอบอุ่นลูก แม่ก็จะสอนโดยใช้หลักคุณธรรม ซึ่งผมก็จะได้รับอิทธิพลจากแม่เยอะ แต่หลังๆ แม่ก็ปล่อยให้ผมตัดสินใจเองแล้ว เพราะโตแล้ว
 

ถ้าจะเลือกสาวต้องเหมือนคุณแม่ด้วยไหม
 
โอ้ยไม่ไหว (หัวเราะ) คุณแม่ก็น่ารักนะ แต่ขอคนที่จู้จี้กับผมน้อยกว่านี้นิดหนึ่ง แต่ถ้าจะเหมือนก็ถ้าผมจะมีภรรยาสักคน ก็ต้องให้ความอบอุ่นลูกเหมือนที่แม่ให้ผมก็แล้วกัน
 

ตอนนี้มีคนที่ดูๆอยู่หรือยัง
 

ก็มีแล้วเป็นคนนอกวงการ ตอนนี้ก็สามารถพูดได้ แต่ยังให้น้ำหนักกับการเรียน เรื่องงานนำก่อน เรื่องหัวใจก็เก็บไว้ก่อนก็ได้ เรายังไม่รีบ เวลายังมีอีกเยอะ แต่ถามว่าใกล้เคียงกับคำว่าแฟนไหม ก็ใกล้เคียงนะ (หัวเราะ)
 

ไม่ทราบว่าตอบแบบนี้แฟนคลับปลื้มหรือเปล่า เอาน่า...รักบีมก็ต้องรักแฟนบีมด้วยสิ เนอะๆ
 

เรื่อง/อารยามาลัยเล็ก



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์