สาอึ๋ม!เซ็กซี่ ลบคำสบประมาท

"สา"อึ๋ม!เซ็กซี่ ลบคำสบประมาท

โดดเด่นทั้งรูปร่าง หน้าตา และมันสมอง สำหรับสาวลูกครึ่งไทย-เนเธอร์แลนด์วัย 25 ปี "สา"มาริสา อานิต้า ที่มีผลงานการถ่ายแบบเดินแบบให้เห็นเจนตา อีกทั้งเรื่องเรียนก็เก่งกาจขนาดคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1จาก "ด.ญ.มาริสา" กะโปโล พลิกภาพมาเป็นสาวเซ็กซี่ที่ทำเอาคนตะลึง!!
อะไรเป็นแรงจูงใจ ต้องค้นหาคำตอบ
สาเกิดที่ไหน?
สา - "เนเธอร์แลนด์ค่ะ พ่อเป็นคนเนเธอร์แลนด์ แม่คนไทย สาเป็นลูกคนเดียว ตอนอยู่เนเธอร์แลนด์บ้านเราอยู่ชนบท มีฟาร์มวัว โรงเรียน โบสถ์ สาจะมีกิจกรรมทำเยอะมาก มีเพื่อนรักเพื่อนเลิฟเป็นเด็กผู้ชาย จำได้ว่าเค้าเคยจับมือสาแล้วขอแต่งงานแทบทุกวัน (หัวเราะ) ช่วงนั้นสารู้สึกอิสระมาก พ่อแม่ปล่อยให้คิดอะไรด้วยตัวเอง วันไหนที่พ่อแม่ไม่อยู่สาจะนอนที่บ้านคุณย่าที่อยู่ในเมือง อยู่เนเธอร์แลนด์จนอายุ 6 ขวบกว่าก็กลับมาอยู่เมืองไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมาหนนึงตอน 2 ขวบ ตอนที่คุณตาเสีย พอกลับมาอยู่ด้วยความที่ยังเด็กเลยรับอะไรได้ค่อนข้างเร็ว ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหา"
ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยสิ แม่ชื่อ "ดวงใจ เแย้มเยื้อน" พ่อชื่อ "นาย กลาส ฟันเดอรวาวเดอะ"
ส่วนคุณลูก ชื่อ "มาริสา อานิต้า"?
สา - "คือจริงๆ แล้ว "อานิต้า" ไม่ใช่นามสกุล แต่เป็นชื่อกลาง ชื่อสาเต็มๆ คือ "มาริสา อานิต้า ฟันเดอรวาวเดอะ" แต่ท่านมุ้ย(ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) บอกว่าชื่อยาวขนาดนี้ ต่อให้เธอเล่นหนังสัก 100 เรื่องก็ไม่มีใครจำเธอได้ เพราะฉะนั้นท่านก็เลยตัดนามสกุลออก เหลือแค่ "มาริสา อานิต้า" ขอย้ำว่า "อานิต้า" ไม่ใช่ "แอน นิต้า" และชื่อสา คือ "มาริสา" ส.เสือ ค่ะ"
เข้าวงการมายังไง?
สา - "ตอนนั้นไปเที่ยวแดนเนรมิต มีโมเดลลิ่งมาเจอ ทาบทามทั้งครอบครัวเพราะตอนนั้น ดรีมเวิลด์กำลังจะเปิด อยากได้ภาพครอบครัวฝรั่งที่พากันมาเที่ยวดรีมเวิลด์ แต่คุณพ่อไม่อยากถ่าย เค้าก็ให้นามบัตรมา จนคุณแม่ติดต่อกลับไป ก็เป็นครั้งแรกที่สาได้ถ่ายโฆษณากับเพื่อนๆ ด้วยหน้าเราเป็นฝรั่ง ยุคนั้นลูกครึ่งกำลังมา และด้วยความที่สูงเลยมีโมเดลลิ่งติดต่อให้ไปเทสต์ก็ได้ถ่ายโฆษณาโยโมสต์ จากนั้นก็ถ่ายโฆษณานีเวีย ด้วยลุกส์เด็กสาวผมหน้าม้าเต่อ ต่อด้วยทเวลพลัส ที่ถ่ายโดยสยามสตูดิโอ ได้เจอน้องสาวท่านมุ้ย ซึ่งท่านมุ้ยกำลังหานางเอกใหม่มาเล่น "เสียดาย ภาค 2" สาเลยมีโอกาสได้เล่นเป็นนางเอก ตอนนั้นอายุ 12 ค่ะ จากนั้นก็มีละครเรื่องแรก "คู่รักสองชาติ, ตอนนั้นอายุ 15 ต่อด้วย "แฝดรักอลวน", "มายา","รักต้องอ้วน" และล่าสุด "เปลือกเสน่หา" ค่ะ"
13 ปีในวงการมีงานแสดงไม่กี่เรื่อง ดูน้อยไปมั้ย?
สา - "ที่ดูมีงานแสดงน้อยเพราะตอนนั้นยังเรียนมัธยมฯอยู่ มีหลายที่เสนอให้ดร็อปเรียน ซึ่งสาไม่อยากดร็อป อยากเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มันเป็นความรับผิดชอบของเรา สาไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง และกลัวตัวเองติดลมด้วย สาก็เลยดูหลุดไป พอช่วงเข้ามหาวิทยาลัยงานเดินแบบถ่ายแบบค่อนข้างเยอะ สารักอาชีพนักแสดงมาก ยอมรับว่าเล่นไม่เก่ง แต่ทำการบ้านและตั้งใจอยากพัฒนาตัว สาอยากให้ภาพชัดเจนทั้งนักแสดงและนางแบบ 10 ปีในวงการสามีแม่อยู่ด้วยตลอด แม่เพิ่งเลิกตามเมื่อตอนขึ้นปี 4 เพราะสาขับรถคล่องขึ้น และตอนนี้สาก็มีรถคันโปรดคือน้องเหลือง ถือเป็นความภูมิใจมากๆ"
ขนาดทำงานด้วยเรียนด้วย ยังได้เกียรตินิยม?
สา - "ตอนที่รู้ว่าเรียนจบปริญญาตรี และได้เกียรตินิยมอันดับ1(คณะนิเทศ ศาสตร์ ม.กรุงเทพ) สารู้สึกหน้าบาน ภูมิใจมากที่เรียนจบตามเกณฑ์ ทำให้แม่ภูมิใจเราทำหน้าที่ของลูกได้สม บูรณ์ สาว่าพ่อแม่ไม่ต้องการอะไรนอกจากเห็นลูกได้ถือใบปริญญา ส่วนที่เรียนต่อโทถือว่าเป็นของแถมให้กับชีวิต ซึ่งตอนนี้กำลังจะสอบเพื่อจบโทที่ม.กรุงเทพ ค่ะ"
เห็นว่าพูดได้ตั้ง 5 ภาษา?
สา - "ค่ะ สาพูดได้ทั้งภาษาไทย-อังกฤษ-เยอรมัน-เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส สารู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ภาษา ถ้าให้คะแนนความชัดเจนในแต่ละภาษาที่พูด ภาษาไทยให้ 98% เนเธอร์ แลนด์ 97% ภาษาอังกฤษ 90% ฝรั่งเศสและเยอรมัน 10% ค่ะ"
จากเด็กใสๆ เปลี่ยนภาพมาเป็นสาวเซ็กซี่ อะไรคือสาเหตุ?
สา - "ส่วนหนึ่งมาจากที่ได้ยินคำว่า "สามันเด็กว่ะ งานเดินแบบแบบนี้เดินไม่ได้หรอก โถ่.. น้ำหอมนี่เป็นสินค้าของสาวๆ เค้า สาเดินไม่ได้หรอกดูเด็กไป" ในแวดวงเดินแบบจะพูดแบบนี้เยอะ ยอมรับว่าน้อยใจ เพราะเราสามารถสร้างภาพนั้นได้ สาเลยรู้สึกว่าเราคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้คนรู้ว่าสาสามารถทำได้ในหลายๆ อย่าง ไม่ได้เป็นแค่โนเนะน่ารัก คำว่าหน้าเด็กน่ะรู้สึกแฮปปี้ แต่คาแร็กเตอร์สาสามารถโตได้ สาสามารถมีคาแร็กเตอร์สาวเย้ายวนได้ เดินแบบน้ำหอมที่เป็น แบรนด์สำหรับสาวเซ็กซี่ได้ และเมื่อสาเปลี่ยนตัวเอง ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้"จากเด็กกะโปโล มาวันนี้ถูกพูดถึงความเซ็กซี่ รู้สึกยังไง?
สา - "สาว่าประสบความสำเร็จในมุมของสา ซึ่งสาถือว่านั้นคืองาน มันเป็นอีกคาแร็กเตอร์หนึ่งเท่านั้นเอง แฟนคลับสาบางคนตกใจที่เห็นสาพลิกคาแร็กเตอร์แบบนี้ แต่หลังๆ เค้าก็เริ่มเข้าใจ บางทีสาก็รู้สึกผิดที่ทำให้หลายคนผิดหวัง แต่สาเชื่อว่าอีกหน่อยเค้าคงเข้าใจ จริงๆ ภาพที่เห็นเป็นเพียงแค่งานชิ้นหนึ่ง ซึ่งปกติสาก็ไม่ได้แต่งเซ็กซี่ขนาดนั้น"
อีกเรื่องที่ทำให้คนตื่นตะลึงคือความอึ๋ม?
สา - "สาว่าเป็นเรื่องทั่วไปของคนที่ขี้เม้าธ์ สาไม่ใส่ใจ"
แต่ที่ผ่านมาเห็นอกไข่ดาว พอเปิดอกทีตู้มได้ขนาดนี้เลย?
สา - "ตอบได้แค่ว่าการที่คนเราทำให้ตัวเองดูดีขึ้นมันไม่ผิด"
คิดว่าที่ทุกวันนี้อยู่ในวงการได้เพราะอะไร?
สา - "เพราะความที่สาตั้งใจทำงาน และคนที่สาอยากขอบคุณคือแฟนคลับที่รักและดูแลกันมาเป็นสิบกว่าปี เป็นกำลังใจที่สำคัญ หลายครั้งดูเหมือนสาไม่ได้ฟังเสียงติติงของคนรอบข้าง สาไม่ได้แข็งกร้าวอย่างที่หลายคนรู้สึก แต่จริงๆ แล้วสาฟัง และพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ทุกคนแฮปปี้ที่สุด"
ก่อนหน้านี้เห็นเป็นกังวลกับเรื่องสุขภาพคุณพ่อ?
สา - "ค่ะ คุณพ่อรักษาโรคไตอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ 7 ปี ที่กังวลเพราะครอบครัวเรามีอยู่แค่ 3 คนพ่อแม่ลูก แรกๆ ไม่ชินกับการที่เราอยู่กับแม่แค่ 2 คน พ่ออยู่ที่เนเธอร์แลนด์ ความรู้สึกรอคอยมันทรมาน เมื่อต.ค. ปีที่ผ่านมาคุณพ่อเปลี่ยนไตเรียบร้อยแล้วที่เนเธอร์แลนด์ มีคนบริจาคให้ สารู้สึกดีใจมาก การรอคอยที่นาน 7-8 ปี มันจบลงแล้ว ที่เหลือตอนนี้คือการดูแลเทคแคร์กัน สาอยากขอบคุณคนที่บริจาคไต นั้นคือจุดแรกที่ทำให้ครอบครัวมีจุดพลิกที่ดีทำให้เรามีชีวิตที่แฮปปี้ อยู่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก"
ทำไมถึงเลือกมาอยู่เมืองไทย ไม่กลับไปเนเธอร์แลนด์?
สา - "เป็นความต้องการของคุณพ่อค่ะ ที่สำคัญสาไม่สามารถอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ได้เพราะสาไม่ได้จบการศึกษาขั้นพื้นฐานที่นั่น ถ้าสาจะไปหางานทำเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อครอบครัวเราอยู่กันครบที่เมืองไทยอย่างทุกวันนี้ ทุกอย่างลงตัว สามีงานทำ มีสังคม มีเพื่อน มีบ้านใหม่ให้พ่อและแม่ ทุกวันนี้สาแฮปปี้มาก ทุกอย่างลงตัวที่บ้านหลังนี้แล้ว เราอยู่กันครบ 3 คนพ่อแม่ลูก จากนี้ไปสาอยากทำงานให้ก้าวไปได้ไกลกว่านี้ค่ะ"

ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว เป็นกำลังใจที่ดีเสมอในทุกๆ ด้าน
"รัก"ลงตัว!คบหนุ่มติสต์ใช้วิธีนิ่ง
ตอนนี้ครอบครัวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ถามถึงอนาคตวันข้างหน้าของครอบครัวตัวเองเป็นแบไหน นางแบบสาว "สา"มาริสา อานิต้า แย้มพราย"ถ้าสามีครอบครัวสาไม่ต้องการอะไร แค่ขอให้ครอบครัวมีความสุข และอยู่กันอย่างพอกินพอใช้ ไม่ได้อยากร่ำรวย ไม่ได้ต้องการแฟนรวย ไม่ต้องการคนที่เป็นไฮโซ แต่ต้องการคนที่รักและเข้าใจ ที่สำคัญช่วยกันทำมาหากินค่ะ"แต่ที่พูดๆ มาทั้งเรื่อง ไฮโซ รวย ดูจะตรงกับ "นายต้า บาร์บี้" แฟนหนุ่มนะ "ถือเป็นความบังเอิญมากกว่า แต่เค้าเป็นคนนิสัยง่ายมากกว่า คนที่เป็นไฮโซและรวยจะมีหลายแบบ แต่สำหรับเค้าจะเป็นคนง่ายๆ พูดกันรู้เรื่อง เข้าใจกัน"
คบกันมานานหรือยัง?
"คบกันมาจะเข้าปีที่ 3 แล้ว ก็เรื่อยๆ ค่ะ"


 แย็บถามถึงแฟนหนุ่มว่าเป็นคนยังไง เพราะมีหลายคนมองว่า.... ยังไม่ทันพูดจบ หนูสาก็รีบดักคอ "พูดไม่รู้เรื่อง มันจะติสต์อะไรของมันขนาดนั้น" สาหัวเราะชอบใจเมื่อทายถูก ก่อนจะแจงนิสัยแฟนหนุ่มว่า
"จริงๆ เค้าเป็นคนที่คุยรู้เรื่อง แต่ต้องใช้สมาธิกับเค้าค่อนข้างเยอะ เพราะเค้าเป็นคนที่ความคิดไหลแล้วเค้าจะพรั่งพรูจะพูดเร็วมากจนฟังไม่ทันเท่านั้นเองค่ะ"
  ดูเป็นคนที่เข้าใจต้าร์ค่อนข้างเยอะ ดาราสาวยอมรับ "เยอะค่ะ พี่ต้าร์เป็นคนที่มีสมอง คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าเค้าบ๊องๆ แต่จริงๆ เค้าไม่บ๊อง แต่ว่าเค้ามีความเป็นศิลปินจัดมากๆ อารมณ์ชัดเจน ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็ไม่พูดเลย ที่เข้าใจเค้าค่อนข้างเยอะ เพราะจริงๆ แล้วสาเป็นคนเฉยๆ เป็นคนพูดน้อย แต่เค้าจะเป็นคนพูดเยอะ เค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำอะไรเร็วๆ รีบๆ แต่สาจะใจเย็น เฉยๆ ค่อนข้างเฉื่อยแฉะ อะไรก็ได้" 
ที่พูดๆ มาดูไม่น่าจะเข้ากันได้ "มีแต่คนพูดอย่างนี้ แต่บังเอิญว่ามันลงตัว สาเป็นคนที่ถ้าเค้าอยากทำอะไรก็ทำ เต็มที่ไปเลย สาว่าผู้ชายร้อยละ 99.9 ไม่ชอบผู้หญิงจุกจิก ไม่ชอบผู้หญิงโทรจิก ไม่ชอบผู้หญิงขี้บ่น ซึ่งสาไม่เป็น สาเป็นคนเฉยๆ ไม่พูดอะไรเลย อยากทำอะไรก็ทำ ที่ผ่านมายอมรับว่ามีเถียงกันบ้างเล็กน้อยไม่ใช้สาระสำคัญ"
มองอนาคตข้างหน้าอย่างไรบ้าง?


"ยังไปเรื่อยๆ สายังตอบ ณ จุดนี้ไม่ได้ ทุกวันนี้เรายังแฮปปี้ดีอยู่ ก็ดูกันไปเรื่อยๆ ของอย่างนี้ยังไม่รู้บทสรุปคืออะไร"
แล้วข่าวแซวเรื่องแต่งงานล่ะ สาปฏิเสธ


 "ไม่มีค่ะ คงจะได้ยินสาแซวกับตอง-ภัครมัยว่าเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่คุยกันในหมู่สาวๆ มากกว่า"


 ว่าแต่แพลนนี้อีกนานไหมเอ่ย?


 "ยังอีกนานค่ะ ยังสนุกมากกับการทำงาน วัยนี้คือวัยทำงาน ตัวเค้าเองก็ยังสนุกกับการคิดทำรายการใน "พุด ต้า เร" ค่ะ"


 ยังไงก็อย่าให้นานนักล่ะ


ชิ้นโบแดง


ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิง ถามว่างานไหนเป็นผลงานชิ้นเด่นชิ้นโบแดง หนู "สา"มาริสา อานิต้า บอกว่า


     "หนังเรื่อง "เสียดาย 2" ค่ะ เพราะเป็นงานที่ทำให้สาเป็นที่รู้จักได้ชัดที่สุด ถือเป็นยุคเริ่มต้นของดาราลูกครึ่งครองเมือง ถือว่ารุ่นบุกเบิกในยุคแรกๆ และหลังจากนั้นคือ "คลับเอฟ" งานสองชิ้นนี้สำหรับสาถือว่าภาพตัวเองค่อนข้างชัด ถือว่าประสบความสำเร็จในมุมมองของสาค่ะ"


 





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์