สงกรานต์ ใน ดินเนื้อทอง บทนี้เพื่อ ออย ธนา

เรียกว่าเป็นพระเอกคู่บุญ "ตู่" นพพล โกมารชุน ตัวจริง
 
เพราะขนาดอดีตผู้จัดคนดังย้ายบ้านจากช่อง 7 สีมาทำละครป้อนให้ช่อง 3 เพียงแค่ประเดิมละครเรื่องแรก "ดินเนื้อทอง" พ่อหนุ่ม "ออย" ธนา สุทธิกมล ก็ได้รับบทพระเอกของเรื่องทันที การมารับบทพระเอกเพื่อประเดิมให้แก่ละครเรื่องแรกในบ้านหลังใหม่ของผู้จัดคนดังจะเป็นยังไง ไปฟังหนุ่มออยอธิบาย

 เรื่องนี้รับบทเป็นใคร และคาแรกเตอร์เป็นอย่างไร


 เรื่องนี้รับบทเป็น สงกรานต์ คาแรกเตอร์ก็จะเป็น ครีเอทีฟจอมเพี้ยน ทำงานเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นที่มัดใจของทุกคนทั้งเรื่องงานและความหล่อ (หัวเราะ) แล้วก็แอบมาหลงรักแม่ค้าส้มตำ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจเท่าไร เพราะด้วยสเปกจริงๆ แล้ว จะชอบไฮโซเสียมากกว่า แต่ด้วยความที่ตอนแรกเข้าใจว่านางเอกเป็นนางแบบไฮโซ ทั้งที่ความจริงนางเอกไม่ได้เป็น สุดท้ายหารู้ไม่ว่ากลายเป็นความใกล้ชิด ซึ่งผมว่าจริงๆ พอคนเราได้ลองมารู้จักกันแล้ว บางครั้งก็มองข้ามอะไรบางอย่างไป



เห็นนักแสดงหลายๆ คนลงมติว่าเรื่องนี้เป็นตัว "ออย" ธนา ที่สุด คิดอย่างไร


 มันก็เป็นด้านหนึ่งของผมที่มีอยู่นะ แต่ถ้าถามว่ามันใช่ไหม ผมตอบได้เลย ว่ามันก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะ เพราะทุกคนก็จะมีมุมเป็นของตัวเอง แล้วแต่ว่าจะหยิบมุมไหนออกมาเล่าแค่นั้นเอง ด้านตลกติงต๊อง มุมวัยเด็ก หรือจะเป็นวัยทำงาน มีมุมของวัยอาร์ติสต์ เวลาที่ต้องการรีแล็กซ์ เช่น อยากอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียวท่ามกลางลมเย็นๆ ทุกคนเป็นหมดแหละ เพียงแต่ว่าการแสดงมันเน้น ว่าเราเป็นตัวนี้ เมื่อเราแสดงเป็นตัวไหนเราก็เล่าออกมาให้มันชัด


 บทนี้มันมีความยากง่ายอย่างไร


 อย่างบทของสงกรานต์ การเล่นคอมเมดี้ หรือการเล่ามุกตลกให้คนขำเนี่ยมันยากนะ เพราะในชีวิตจริงของผมก็ไม่ได้ขำเท่าไร ก็มีขำบ้าง ไม่ขำบ้าง แต่การที่คนเราจะประสบความสำเร็จ ทำให้มันขำทุกมุกเนี่ยมันยาก บางครั้งเล่นไปแล้วมันก็เงียบ วังเวง เพื่อนด่าก็เยอะ แต่การที่เราจะเล่นมุกตลกได้ เราจะต้องไม่ย่อท้อ เราต้องสาดเข้าไป มีเท่าไร เราต้องใส่ไป มันต้องโดนบ้างแหละ (หัวเราะ)


 ในเรื่องพระเอกไม่กินส้มตำ ชีวิตจริงออยชอบกินส้มตำหรือเปล่า
 

 ตอนแรกไม่กินเลย เพราะมีความรู้สึก ว่าเวลากินส้มตำแล้วเผ็ด เผ็ดแล้วก็ต้องกินน้ำ กินส้มตำคำ กินน้ำคำ มันท้องเสีย ก็เลยไม่กิน เป็นคนไม่กินส้มตำมานานแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มกินแล้ว แต่กินส้มตำแบบเด็กนะ ต้องไม่เผ็ดเลย



เรื่องนี้ได้ร่วมงานกับ บัวชมพู ฟอร์ด เป็นอย่างไรบ้าง


 เขาเป็นคนที่เรียนปริญญาโทด้านอาหาร เลยเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารมาก ขอเม้าท์นิดหน่อยแล้วกัน ว่าทุกวันนี้บัวเขาจะมีข้าวกล่องมากิน แต่กินคนเดียวนะ ไม่มีแบ่งเลย เราก็อยากกินด้วย มีบางวันเราได้กินข้าวของบัว ทำเอาน้ำตาไหลเลย คืนนั้นฝันดีเพราะดีใจที่ได้กินข้าวกล่องของเขา แต่หลังจากนั้น ไม่ได้กินอีก เขาคงกลับไปคิดว่า เออ...ไม่น่าแบ่งเลยเพราะเปลือง (หัวเราะ) ส่วนเรื่องงานพอได้มาร่วมงานกันก็ดี  ถือเป็นการร่วมงานด้วยความราบรื่น เป็นคนไม่หลุดเลย เรียกว่ารักษาบุคลิกมากๆ


 ได้ร่วมงานกับ "ลิฟท์" สุพจน์ จันทร์เจริญ เพื่อนซี้อีกเป็นอย่างไร


 ทำงานด้วยกันมาเยอะแล้ว แต่ก็ห่างหายกันไปนาน คิดว่าจะจูนกันไม่ติด แต่พอมีโอกาสได้ไปออกกองถ่ายที่ต่างจังหวัด ได้นอนเตียงเดียวกันอีกครั้ง รู้สึกว่าความสัมพันธ์เก่าๆ ของเรากลับคืนมา (หัวเราะ) ก็นับว่าต่อกันติด เหมือนขั้วบวก ขั้วลบเลย (หัวเราะ) รู้ใจนะ เวลาอยากจะระบาย ก็ใช้บริการลิฟท์ได้ มันมีประโยชน์ก็ตรงนี้แหละ (หัวเราะ)
 

 แล้วการร่วมงานกับ "เจน" เจนสุดา ปานโต ล่ะ


 กับเจนเคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วในภาพยนตร์ ตอนนั้นเข้าฉากด้วยกันบ่อยนะ แต่เวลาถ่ายทำน้อย เลยยังไม่สนิทกันมาก เรื่องนี้ได้เจอกันบ่อยก็เลยรู้สึก เอ...ติงต๊องเหมือนกันคุณนะ เป็นคนที่สนุกสนานร่าเริง เส้นตื้นมาก เหมาะที่จะเล่นมุกกับเขามาก ถ้าใครไม่มีความมั่นใจ หรือเป็นเด็กฝึกหัดมุกให้ไปเล่นกับเจนดู เพราะจะรู้สึกดีมากว่าเรานี่ก็เล่นมุกใช้ได้ เจนเป็นคนชอบสรรหาของกิน ของเพื่อสุขภาพต่างๆ เขาเคยเอาธัญพืชมาแนะนำให้ทุกคนในกองถ่ายกิน อีกอย่างเขาาจะไม่กินน้ำในกองถ่ายนะ จะพกน้ำแร่มากินเอง แถมยังหุงข้าวมากินเองด้วย ผมแอบขโมยกินบ่อยๆ



การทำงานกับผู้กำกับ "ป๊อป" สมพร เชื่อบุญอุ้ม เป็นไง
 

 เคยร่วมงานกันมาหลายเรื่องแล้ว ก็เป็นที่รู้กันตั้งแต่เรื่องแรก ว่าเขาเป็นคนที่โรคจิตนิดๆ นะ ผมว่าพี่เขาเป็นซาดิสต์ แต่ลิฟท์บอก ว่าประดิษฐ์ ผมจะเล่าเรื่องความซาดิสต์ละกัน เขาชอบให้พระเอกโดนทำร้าย เล่นกับใครก็ขอให้ตบจริง ครั้งนี้พอเล่นกับบัวก็ขอให้ตบจริง เพราะเขาต้องการให้เห็นความยู่บนใบหน้า เราก็ชอบด้วยนะ จริงๆ แล้วถือว่าเป็นผู้กำกับที่รู้ใจ เวลาทำงานก็พูดกันรู้เรื่อง และทำงานง่ายขึ้น เป็นคนเก่ง ข้อมูลเยอะ ทำให้เราศึกษาครูพักลักจำอะไรบางอย่างจากเขาได้ เป็นข้อดีที่เราควรเก็บสะสมประสบการณ์ไป


 สุดท้ายฝากถึงละครเรื่องนี้หน่อย


 ละครเรื่องดินเนื้อทองเป็นละครที่ต้องบอก ว่าเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เล่าเรื่องด้วยความสนุก แอบแฝงด้วยแง่คิด มีทั้งความรักและดราม่าด้วย เชื่อว่าละครเรื่องนี้จะให้ประโยชน์กับเรา สอนให้เรารู้จักคุณค่าของคน ไม่ใช่ดูแต่รูปลักษณ์ภายนอก ฐานะ หรือหน้าตา ถ้ารู้จักเขาลึกๆ แล้ว คุณค่าของคนมันอยู่ตรงนั้น



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์