รายได้หนังไทยปีเสือ : ใครขี่หลังเสือ-ใครโดนเสือเหยียบ

10 อันดับหนังทำเงินสูงสุดประจำปี 2553

1. กวนมึนโฮ (GTH) 125 ล้านบาท

ภาพยนตร์ที่สามารถโหนกระแสเกาหลีฟีเวอร์ได้อย่างไม่เคอะเขิน อีกทั้งชื่อหนังที่จดจำง่าย เนื้อเรื่องที่โดนใจ ดูเหมือนว่าค่ายจีทีเอช จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนดูได้อย่างตรงเป้า และด้วยความเชี่ยวชาญในการทำหนัง"ฟิลกู๊ด" พร้อมด้วยการแสดงที่เข้าขาของ "เต๋อ-ฉันทวิชช์" และ"หนูนา-หนึ่งธิดา" และประกอบด้านเพลงที่ตรงใจวัยรุ่น ทำให้หนังเรื่องนี้ได้ใจของมหาชนในวงกว้างได้อย่างไม่ยากเย็น
   

หนังที่แทบไม่มีจุดขายใดๆเลยในเรื่องนี้นอกจากดารานำอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ และตุ๊กกี้ ชิงร้อยฯ และตัวอย่างหนังที่ดูเหมือนหนังรักวัยรุ่นธรรมดาๆ ทำให้คนดูแทบไม่ได้พกความหวังติดเข้าไปในโรงหนังด้วยเรื่องนี้ด้วย เมื่อเนื้อเรื่องว่าด้วยการก้าวผ่านวัยของเด็กหญิงมัธยมคนหนึ่ง ซึ่งตกหลุมรักรุ่นพี่โรงเรียนและใช้ความพยายามในทุกวิถีทางเพื่อพิชิตใจของเขา กลายเป็นปรากฏการณ์ทางภาพยนตร์ประจำปีนี้ ด้วยกระแสการบอกต่อปากต่อปากของคนดู และเนื้อเรื่องที่โดนใจ จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถฉายยืนโรงได้นานกว่า 2 เดือน
 

หนังตลกอีกเรื่องจากค่ายลักษ์ ซึ่งแตกต่างจาก สาระแน ห้าวเป้ง!! คือหนังเรื่องนี้มีบทหนังเป็นหนังทั่วไป ถือเป็นความพยายามที่ประสบผลของค่ายน้องใหม่ค่ายนี้ ซึ่งยังเกาะกระแสหนังผี และตลกแบบไทย ประกอบกับการโปรโมทผ่านสื่อต่างๆอย่างกว้างขวาง ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

ภาพยนตร์ที่"ตุ๊กกี้"แห่งชิงร้อยชิงล้าน ได้รับการผลักดันให้รับบทนำเป็นเรื่องแรก ด้วยบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนสนุกสนานและไม่ห่วงสวย จึงไม่น่าแปลกใจที่แฟนๆของเธอทางโทรทัศน์ จะติดตามดูผลงานเรื่องนี้ทางจอเงินอย่างเหนียวแน่น

5. โป๊ะแตก (สหมงคลฟิล์ม-เวิร์คพอยท์) 45 ล้านบาท

หนังอีกเรื่องโดยผู้กำกับหม่ำ จ๊กมก ที่นำเพื่อนพ้องดาวตลกชั้นนำจากทั่วฟ้าเมืองไทย อาทิ เทพ โพธิ์งาม, เท่ง เถิดเทิง, โหน่ง ชะชะช่า, เป็ด เชิญยิ้ม, โน้ต เชิญยิ้ม, ค่อม ชวนชื่น ฯลฯ มาร่วมสร้างเสียงหัวเราะ

6. องค์บาก 3 (สหมงคลฟิล์ม) 44 ล้านบาท

แม้ว่ากระแสความนิยมจะน้อยลงบ้าง แต่ชื่อของจา พนม หระเอกนักบู๊อันดับหนึ่งของเมืองไทย ก็กลายเป็นชื่อที่รับประกันได้ถึงความสนุกอย่างถึงเลือดถึงเนื้อได้เป็นอย่างดี และสามารถเรียกคนดูให้กลับมาดูหนังของเขาได้อยู่เสมอ

7. บ้านฉัน...ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)(GTH) 41.65 ล้านบาท

หนังแนว"ฟิลกู๊ด" อีกเรื่องจากค่ายจีทีเอช ที่ว่าด้วยลูกชายเจ้าของคณะตลกที่เล่นมุข"แป็ก"และเข้าใจว่าตนเองไม่มีใครรัก ซึ่งตกหลุมรักหมอรักษาสิวอย่างพอลล่า เทย์เลอร์ ซึ่งอาจจะเข้าฉายในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่เอื้ออำนวยเท่าใด ทำให้รายได้อาจไม่มากนัก

8. หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก (พระนครฟิล์ม) 38 ล้าน

แม้ว่าจะก้าวมาสู่ภาคที่ 3 แล้ว แต่หลวงพี่เท่งก็ยังคงเป็นชื่อที่สามารถขายได้อยู่เสมอ ในภาคนี้ได้น้อย วงพรู รับบทชายหนุ่มที่หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาแห่งพุทธศาสนาเพื่อกล่อมเกลาจิตใจที่ว้าวุ่น และหลีกหนีจากปัญหา โดยมีนิสัยเป็นคนขวางโลกนิดๆ แต่ก็มีความเข้าใจในหลักสัจธรรมหลายอย่าง

9. นาคปรก (สหมงคลฟิล์ม) 35 ล้านบาท

ภาพยนตร์ที่กล้าที่จะเปิดโปงให้เห็นด้านมืดและกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์วงการผ้าเหลืองอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ซึ่งต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ฉายในดรง นับตั้งแต่บ้านเรายังมีระบบเซ็นเซอร์ และเปลี่ยนแปลงมาเป็นระบบการจัดเรตติ้ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายที่จะถูกหลายฝ่ายตำหนิถึงภาพและเนื้อหาที่ส่อไปในทางรุนแรง จนกระทั่งต้องขึ้นคำเตือนในภาพยนตร์เป็นระยะๆ เพื่อแลกกับการฉายแบบไม่ถูกตัดตอน

10. ชั่วฟ้าดินสลาย (สหมงคลฟิล์ม) 35 ล้านบาท

หนังพีเรียดละเมียดละไม ถือเป็นการกลับมาที่สง่างามอย่างยิ่งของม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล หนังแฝงไว้ด้วยนัยยะทางการเมือง สังคม และชนชั้นไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งผ่านการตีความด้านเนื้อหาใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน จนกลายเป็นมากกว่าหนังพีเรียดเรียกน้ำตาที่หลายคนเข้าใจ

ขณะที่หนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องก็ไม่สามารถไปถึงดวงดาวได้สำเร็จ อาทิ “อินทรีแดง” ได้ไปเพียง 13 ล้านบาท “มายเบสท์บอดี้การ์ด” 8 ล้านบาท หรืออย่าง “บุญชู จะอยู่ในใจเสมอ” ได้เพียง 15 ล้านบาทเท่านั้น
   

10 อันดับหนังทำเงินต่ำสุด ประจำปี 2553

1. นางตะเคียน (แปซิฟิก ไอส์แลนด์ ฟิล์ม) 3.75 ล้านบาท

2. ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่ (สหมงคลฟิล์ม) 3.52 ล้านบาท

3. คนไททิ้งแผ่นดิน (กันตนาฟิล์ม) 2.83 ล้านบาท

4. หนูกันภัย ศึกมหายันต์ (โอมมหารวยฟิล์ม) 1.3 ล้านบาท

5. With Love...ด้วยรัก (96 ฟิล์ม) 9.7 แสนบาท

6. เงา (96 ฟิล์ม) 8.2 แสนบาท

7. อาฟเตอร์ สคูล วิ่งสู่ฝัน (อควา คอร์เปอเรชั่น) 6.7 แสนบาท

8. ดวงอันตราย (ที มูฟวี่ส์) 3.9 แสนบาท

9. สี่สิงห์คอนเฟิร์ม (ดิ แอ็คชั่น) 1.8 แสนบาท

10. สมาน-ฉัน (เอกเพชรฟิล์ม) 6 หมื่นบาท