ยิ้มละไม ใจดี ต้องคนนี้ “ปีเตอร์ คอร์ป”


เสาร์นี้เราได้แขกรับเชิญในคอลัมน์หนุ่มเนื้อหอมเป็นผู้ชายปากกว้าง เสียงห้าว แต่เรื่องหนาตานั้นรับรองว่าสาวกรี๊ดสนั่นกันแน่นอน เขาคนนั้นคือ “ปีเตอร์ คอรป์ ไดเรนดัล” วันนี้เขาจะมาเปิดใจกับเราทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องการตัดสินเดินออกจากค่ายใหญ่ และรวมทั้งเรื่องหัวใจที่สาวๆอยากรู้ ซึ่งตอนนี้เขายิ้มละไมรอคุยกับเราอยู่แล้ว เอ๊า...ไปคำถามแรกกับเขาเลยดีกว่า

ย้อนอดีตกันนิดหนึ่ง ตอนที่มาเมืองไทยครั้งแรกเลย คิดไหมว่าเราจะมาเป็นนักร้องดัง ?

“ คือมาเมืองไทยครั้งแรกก็มีคนเข้ามาชวนว่าทำเพลงไหม ผมก็คิดเลยว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ว่าที่บ้านเราตั้งแต่เด็กทุกคนมีดนตรีในหัวใจหมดเลย และผมเองก็เริ่มแต่งเพลงตั้งแต่เด็กๆเลย แต่ผมไม่ได้เรียนดนตรีแบบเป็นทางการมากขนาดไหน แต่มาเรียนจริงจังตอนที่เข้าแกรมมี่นั้นแหละครับ”



แล้วทำไมถึงออกจากค่ายเสียละ?

“คือผมมีไอเดียของผม อยากจะทำอะไร แต่การมีค่ายเนี้ยมันไม่มีอิสระภาพ ก็จะมีข้อจำกัดโดยปกติ ซึ่งผมอยากจะลองทำอะไรของผมเอง ผมออกมาไม่ได้ทะเลาะไม่ได้อะไร แต่ที่ออกมาเพราะว่าอยากจะลองทำโน้นทำนี้ของผม คือวงการเพลงบ้านเรา คือผมคิดเหมือนหลายๆคน แต่ว่าหลายคนเขาไม่ออกตัวเท่าไร คือถามว่าเพลงในวงการบ้านเรามันดีไหม มันก็ดีเหมือนเดิมนั้นแหละครับ แต่ว่าคำว่าศิลปะภายใต้คำว่าดนตรีมันหายไปเยอะครับ แต่ผมเข้าใจว่าภายในบริษัททุกค่ายไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็แล้วแต่มันต้องผสมคำว่าธุรกิจอยู่ในนั้นด้วย แล้วพอเป็นค่ายใหญ่บางครั้งส่วนผสมมันอาจจะมีคำนั้น คือยังไง เหมือนเราปรุงอาหารครับ คือคำว่าอร่อยของผมอาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง”

อย่างนี้เขาเรียกว่าพวกนอกกรอบหรือเปล่า?

“ คือผมเป็นคนที่ฟรีมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ผมก็ปล่อยให้เราเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก อยากทำอะไรก็ทำ แต่เขาจะดูแลเราห่างๆมีคำแนะนำ แต่เขาไมบังคับให้เราทำโน้นทำนี้ แต่ถ้าเขาอยากจะให้เราทำอะไร เขาจะมาแบบแนะนำให้ลองดู แต่ถ้าเราไม่ชอบเขาก็ไม่ว่าอะไร ให้เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำมากกว่า”



เป็น ปีเตอร์ คอรป์ ไดเรนดัล นี้มันยากไหม

“ ยากไหม ผมว่าจุดยืนตรงนี้มันก็ไม่ได้ง่ายอยู่แล้วง่ะครับ แต่มันอยู่ที่ว่าคนเราจะทำความเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน มันจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนหลายอย่าง แต่สำหรับ ผมเป็นคนที่ชอบมีเพื่อนเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาไปไหนมาไหน ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไรมาก โชคดีเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายพอสมควร แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูงเนี้ย ผมว่าถ้าเป็นคนอย่างนั้น อาจจะยุ่งยากประมาณหนึ่งเหมือนกัน เพราะว่าไปไหนมาไหนมแต่คนเข้าทัก ซึ่งผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ มีคนทักดีกว่าไม่มีคนทักนะ จริงๆมันมีวิธีแก้นะ ถ้าวันไหนเรารู้สึกว่าเราอารมย์ไม่ดี ไม่อยากเจอคนก็อยู่บ้านซะ แต่ผมโชคดีเป็นคนที่อารมย์ดีตลอดเวลา”

ถ้าไม่เป็นนักร้อง ปีเตอร์ อยากทำงานอะไร

“ คือตอนเด็กๆผมเรียนวิศวะเคมีมากเลย ตอนเด็กๆผมชอบที่แกะโน้นนี้นั้นดูตลอดว่าข้างในมันเป็นอย่างไร เชื่อไม่ครับว่าผมผสมดินระเบิดตั้งแต่อายุ สิบสี่ ทำปะทัดเอง สร้างระเบิดทำระเบิดเล็กๆ ผมคิดอะไรที่เราชอบจะทำให้เราขยันและทำให้เราเข้าใจง่าย ก็คิดว่าถ้าไม่ได้เป็นนักร้อง ผมก็คงจะทำงานด้านเคมีนี้แหละครับ”



แล้วไมสนใจจะเล่นละครอย่างจริงจังกับเขาบ้างหรือ

“ ละครก็เป็นอีกหนึ่งที่สนุกดีครับ ก็ถ่ายละครกับพี่ช่า (มาช่า วัฒนพาณิช )ไปเรื่องหนึ่งนานมาแล้วครับ เรื่อง “ สายลมกับแสงดาว” ตอนนั้นจริงๆผมเองไม่ค่อยอยากจะเล่นครับ แต่พอคุยไปคุยมาองค์ประกอบอะไรหลายอย่างมันน่าสนใจมาก ก็เลยตอบตกลง พอได้เล่นแล้วก็โอเคเลยครับ สนุกมาก ผมก็ได้ประการณ์ที่ดีกลับมานะ ตอนนี้ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่า ถ้าผมไม่ได้ทำเพลง ผมก็อยากจะลองเล่นละครอีกสักเรื่อง แต่ที่อยากจะลองมากกว่าก็คือหนังใหญ่ครับ เท่าที่ได้ยินมามันเป็นงานที่ละเอียดกว่า คือผมเป็นคนที่ชอบทำอะไรที่มันท้าทาย และทำอะไรให้มันสุดๆ”

ของถามเรื่องความรักบ้าง ปีเตอร์ เป็นคนเจ้าชู้เปล่า

“ คนไทยเรียกผมเจ้าชู้ครับ แต่ฝรั่งเรียกผมว่าเป็นคนปกติ คือตรงนี้ผมขออธิบายนิดหนึ่ง ผมก็ประพฤติตัวตามสิ่งที่เคยทำมาตั้งแต่เด็ก อย่างเดนมาร์คเนี้ยเวลามีแฟนก็มีทีละคน แต่ว่าถ้าเราเข้ากันไม่ได้ อาจจะเป็นแฟนกันแค่สามเดือนก็เลิกกัน แล้วก็กลับมาโสดอีกครั้งเราก็มีแฟนใหม่ได้ แต่บังเอิญผมเป็นคนที่ไม่ปิดบัง มีแฟนผมก็เปิดเผยตลอด เพราะผมคิดว่าการที่เรามีแฟนถ้าเราหลบๆซ่อนๆความสุขของเราจะลดลงไปเยอะ มันก็เลยกลายเป็นว่า สิบกว่าปีที่ผมย้ายมาอยู่เมืองไทย เท่าที่ผมมีแฟนแค่ สี่ถึงห้า คนเท่านั้นเองนะ”

กับ โอชา ปีเตอร์ดูจริงจังมากที่สุดเท่าที่ผ่านมานะ?

“ ก็เท่าที่คบกันมา ผมว่าโอชากับผมอาจจะเหมือนกันตรงที่ว่าเราเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน มันเลยทำให้เรามีความผสมที่ใกล้เคียงกันมาก เลยทำให้เราเข้ากันได้มาก คุยอะไรก็โอเคเข้าใจ ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก”

มีโครงการแต่งงานไหม?

“ คือตอนนี้เหมือนเราอยู่ในช่วงที่ต้องทำงานครับ และตัวโอชาเองเขาก็ต้องเดินทางเยอะมาก และผมก็รู้ว่าอายุเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เรา สามสิบสองแล้ว ผมรู้ว่าถ้าเราแต่งแล้วเราก็ต้องมองไปถึงมีลูก และเราก็ต้องดูแลเขาอย่างนี้ และถ้าไปถึงตรงนั้นแล้วหลายอย่างที่ผมอยากจะทำมันก็ต้องหยุด ซึ่งตอนนี้ผมเองมีโปรเจคหลายอย่างที่อยากจะทำ ผมขอทำงานตรงนี้ก่อน ขอทำอะไรบางอย่างให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก่อน”



ข่าวว่า จะขึ้นคอนเสิร์ต Acoustic Winter Fest ที่เขาใหญ่ ?

“ ครับคอนเสิร์ตครั้งนี้เราตื้นเต้นกันมากครับ เพราะว่าผมมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวงด้วย และตอนนี้เราก็รื้องานที่ทำมาใหม่หมด และคิดว่าเพลงของเราจะได้ถ่ายทอดออกในคอนเสิร์ตครั้งนี้ และค่อยข้างตื้นเต้นจริงๆเพราะว่าจะเล่นเพลงสากลหลายเพลงเหมือนกัน และคิดว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็น่าจะดีมาก เพราะว่าเล่นในหุบเขา ถ้าว่างก็ไปชมกันนะครับ วันที่ 6 ธันวาคม นี้ ที่เขาใหญ่ครับ ”

คำถามสุดท้าย คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมไหม ?

“ วันไหนที่อาบน้ำก็คิดว่าตัวเองเนื้อหอมพอได้ครับ ( หัวเราะ )”

ต้องยอมรับจริงๆว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรๆดีๆในตัวเองเยอะเสียจนเราเองก็คิดไม่ถึง แต่นิยามที่ฟังแล้วชอบใจที่สุดคือ ถ้าลองอยากจะทำอะไรแล้ว เขาคนนี้จะทุ่มเทสุดใจ สุดตัว ซึ่งทัศนคติอันนี้เราว่าน้องๆที่ชอบผู้ชายคนนี้ จะลองทำตามแนวคิดของเขาดูก็ไม่ว่ากัน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์