มาช่า จังหวะรักลงล็อก

กลับมาแบบนิวลุคส์ เปรี้ยวจี๊ด! แรงทั้งภาพลักษณ์ เสื้อผ้า หน้าผม และแนวเพลง ที่ขยับจับอะไรเป็นต้องเรียกเสียงฮือฮาได้ทุกครั้ง

สำหรับนักร้องสาวทรงเสน่ห์ มาช่า วัฒนพานิช ล่าสุดพกความสวยเปรี้ยวซ่ากระชากวัย ออกมาพร้อมอัลบั้มชุดที่ 10 “Let’s have fun...tonight” แถมยังโชว์ฝีมือเป็น “โปรดิวเซอร์” เองเสียด้วย สมกับเป็นดาวที่เจิดจรัสมานาน ซึ่งยังคงแสงสว่างระยิบระยับ จน “ดาวต่างมุม” คว้าตัวมาขึ้นทำเนียบ “ดาวเด่น” อีกดวง มาโฟกัสดาวดวงนี้ชัด ๆ กันเลย....


*ทำไมช่วงนี้ช่าถึงมีงานออกมาต่อเนื่อง ต่างจากเมื่อก่อนเลยที่ค่อนข้างทิ้งช่วงงานห่าง ?

“มันอยู่ที่ช่าด้วยล่ะ พอจะมีไอเดียที่จะทำงานเนี่ย ช่าก็ทำงานต่อเนื่อง แต่บางช่วงที่ขาดหายไปเลย เพราะตัวเองไม่รู้ว่าจะทำอะไร มีช่วงหนึ่งอยากไปอยู่กับ กาย ที่ออสเตรเลีย ก็จะขาดการทำงานเพลงไปนานกว่าจะออกค่ะ”

ช่วงที่หายไปเนี่ย ไปชาร์จแบตรึเปล่า ?

“เป็นช่วงเปลี่ยนชีวิต บางทีเราต้องเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนชีวิตของเรา ช่าเป็นคนอยู่กับที่มาก ๆ ไม่ได้ ต้องเปลี่ยน อย่างทำอัลบั้มนี้ก็เหมือนกัน ต้องเปลี่ยน ไม่ให้ซ้ำ พอซ้ำมาก ๆ ช่าจะไม่ชอบ เลยพยายามหาอะไรที่จะทำและถามความรู้สึกในช่วงนั้น ๆ ว่าเราคิดอะไรอยู่ อยากเป็นอะไร งานแต่ละชุดจะเป็นช่าในช่วงนั้น ๆ ช่วงหนึ่ง ช่า ถามดาว ช่าก็จะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอถึง Let’s have fun...tonight เนี่ย ช่าก็รู้สึกสนุกค่ะ”



*กลับมาคราวนี้จู่ ๆ ลุกขึ้นมาเป็นโปรดิวเซอร์เองเลย เพราะอะไร ?

“จังหวะมาลงตัว มีข้อมูลเยอะ ไม่รู้จะให้ใครทำด้วย มันรู้สึกไม่มีความชัดเจนด้วย เลยมาคิดเองว่าเราทำงานมาตั้งนาน เราก็รู้เรื่อง สิ่งที่รู้เรื่องไปมากกว่านั้นคือ เรารู้ใจตัวเราเอง เลยพูดกับ พี่เล็ก หนูขอทำเอง เค้าก็บอกว่ามาถ้าทำเองมันต้องดูแลทุกอย่างนะ ดูแลโปรดักชั่นทั้งหมด ช่าเชื่อว่าช่าทำได้ ช่ารู้สึกว่าถ้าเราอยากจะทำจริง ๆ มันไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้หรอก แต่เหนื่อยแค่ไหนเนี่ย เดี๋ยวรู้กัน

อีกอย่างเพลงชุดนี้ช่าขอพูดแทนแฟนเพลงบ้าง

ช่ายอมรับว่าช่าจะทำเพลงตามอารมณ์ตัวเองน่ะเยอะแล้ว อย่างอัลบั้ม “Inlove” จะเอามุมมองของตัวเองมาพูด เราอยากเปลี่ยนเป็นเส้นทางแนวนี้ช่าก็เปลี่ยน ช่วงนั้นทุกอย่างลงตัวด้วย ประจวบกับมาคบ กฤษณ์ เขาเป็นคนแนะนำสิ่งดี ๆ หลายอย่างให้ช่า ทั้งเรื่องการออกกำลังกาย เขาบ้าตีแบดมินตัน ทีนี้ต่างคนต่างบ้าออกกำลังกายเลย”


*อย่างนี้ก็ตรงกับที่คนภายนอกมองว่า ตั้งแต่ ช่า คบกับ กฤษณ์ เนี่ย ช่าดูสดชื่นขึ้นเป็นคนละคนเลย อย่างนี้ต้องยกความดีให้เขารึเปล่า ?

  
“ยกให้ได้ค่ะ เพราะ กฤษณ์ เขาช่วยดูแลสุขภาพของช่าตลอดเวลา เขาบ้าเรื่องวิตามิน อาหาร ผัก ผลไม้ ทุกวันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เวลาเจออะไร   ดี ๆ ก็จะมาแนะนำเรา ยกความดีให้เขาเลยก็ได้ อีกอย่างขอยกความดีให้การเล่นโยคะด้วยนิดนึง โยคะเป็นศาสตร์หนึ่งที่ทำให้ช่ามีสมาธิมากขึ้นค่ะ”



*แปลว่าตอนนี้กับช่วงที่ผ่านมา ช่า ไม่นิ่งหรือไม่มีสมาธิงั้นเหรอ ?

“อันดับแรกช่าเป็นคนอย่างนั้น อดีตช่าอยากเรียนรู้ อยากใช้ชีวิตของเราแบบนี้ พอมันถึงจุดอิ่ม รู้มาหมดแล้ว ช่าถึงอยากเปลี่ยน ช่าเชื่อว่าก่อนที่คนเราจะเปลี่ยนเป็นอะไร ก็ต้องเข้าไปเรียนรู้มันอย่างเต็มที่ อ๋อ! ชีวิตช่วงนั้นเป็นอย่างนี้นะ พอเราเบื่อแล้ว ไม่เห็นได้อะไรจากตรงนี้เลย ก็ต้องคิดเปลี่ยน ช่าแฮปปี้ดี แล้วก็กำลังพยายามศึกษาอะไรต่อไปในอนาคต เกิดมาเป็นคนเนี่ย ทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่อยากเกิดแล้วตาย มันจะไร้สาระไปวัน ๆ”


*แสดงว่าตอนนี้ทุกอย่างลงตัว โลกของช่าดูสดใสขึ้นเยอะเลยนะ !

“ช่วงนี้ช่าติดหนังสือของ นพ.สม สุจีรา อยู่น่ะค่ะ รู้สึกอ่านแล้วได้อะไรอยู่ในนั้นเยอะมาก เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์กับศาสนา เกี่ยวกับการตายและพระพุทธเจ้า เค้าเขียนมาอีก กำลังสนุกและมีความสุขกับชีวิตแถวนี้อยู่ ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมะน่าเบื่อนะ ซึ่งมนุษย์เราคือพลังอย่างหนึ่ง ถ้าเรารู้จักตัวเราเองมากกว่านี้

ช่าเชื่อว่ามนุษย์จะฉลาด มนุษย์ไม่รู้ว่าตัวเองคืออะไร

บางคนเกิดจนตายยังไม่รู้เลยว่าตัวเองคืออะไร ช่าไม่อยากให้ความลุ่มหลงบนโลกนี้ หลอกช่าไปเรื่อย ๆ ไม่อยากติดกับกิเลสภายนอก สิ่งเร้าพวกนี้มันเกิดขึ้นทุกวัน แต่เราก็อยากฉลาด อยากจะรู้ทันมัน ก็ต้องกำลังศึกษา ช่าไม่อยากให้คนคิดว่าการเรียนรู้ธรรมะแล้วต้องแก่ เรื่องราวเกี่ยว  กับธรรมะจริง ๆ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเนี่ย มันเป็นสิ่งที่ฉลาดล้ำเลย เป็นสิ่งที่พวกเราควรจะรู้ตั้งแต่เด็ก ๆ เลยด้วยซ้ำ ถ้ารู้ตั้งแต่เด็ก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เนี่ยจะเก่งกว่านี้ ฉลาดกว่านี้ แล้วก็จะมีศีลธรรมกว่านี้ด้วย”

*ในเมื่อเราเรียนสัจธรรมอย่างนี้ ในขณะที่ น้องกาย (นวพล ลำพูน) ก็กำลังโตเป็นวัยรุ่น ช่าได้นำคำสอนเหล่านี้บอกเขามั้ย ?

“ชัวร์ค่ะ อย่างช่าเพิ่งมารู้อะไรในวัยนี้ โตขึ้นมาแบบนี้ เราเพิ่งรู้สิ่งที่เราจะไม่พลาดคือการบอกกล่าวลูกบอกกล่าวคนอื่น อย่างพี่แอมเนี่ยเค้าโต เค้ารู้อะไรมาก่อนเราเค้าก็จะบอกเราช่าอย่างเอ็งไม่บอกไม่ได้ เราเป็นพี่น้องกันเหมือนเราได้รู้อะไรที่ดี ๆ จากเพื่อนรักแต่ส่วนเค้าจะนำไปปฏิบัติหรือไม่ก็ต้องเป็นสิทธิของเค้าแล้ว”



*โอเค เรื่องงานฉลุย ความรักแฮปปี้ ตอนนี้ก็ใช้เวลาศึกษากับ กฤษณ์ พอสมควรแล้ว ?

“นานแล้วเหรอ!”


*ถ้าอย่างนั้นขอถามตรง ๆ เลยว่า ช่า มีโอกาสแต่งงานรอบ 2 มั้ย เพราะมีคนรอลุ้นอยู่เยอะ ?

“ช่าไม่รู้เป็นเรื่องของอนาคต ช่ารู้สึกว่าอยู่อย่างงี้แฮปปี้ดี สมมุติว่าใช้ชีวิตไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า ต้องไปถามกันว่าเรายังรู้สึกเป็นยังไง ตอนนี้ถามว่ารู้สึกยังไง รู้สึกกำลังดี แล้วก็รักกันดี แฮปปี้ดี เลยไม่อยากไปเปลี่ยนอะไรมาก นึกออกมั้ยคะ บางทีเราไปเปลี่ยนสเต็ปกลายเป็นเรื่องมันเปลี่ยน กลายเป็นอะไรที่วุ่นวายไปกว่าเดิม รู้สึกตอนนี้กำลังชิลล์ดีแล้วค่ะ”


*หากวันหนึ่ง กฤษณ์ เขาอยากทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวล่ะ จนเขาเอ่ยปากขอแต่งงานขึ้นมาล่ะ ช่าจะทำอย่างไร ?

“คงต้องไปถามความรู้สึกตอนนั้นอีกทีมั้งคะ ไม่รู้สิ ตอนนี้ช่าตอบได้คำเดียวว่าช่าโอเคดีเลยล่ะ กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ช่าเลยไม่อยากเปลี่ยนอะไรให้มันวุ่นวาย งานเราก็กำลังดี ชีวิตรักก็กำลังดี เรื่องลูกเราก็กำลังดี พออะไรที่มันกำลังดีแล้ว อยากดูแลให้มันคงอยู่อย่างนั้น ให้มันอยู่นานที่สุด

ฉะนั้นพูดตรง ๆ ช่าเลยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร

การแต่งงาน ถ้าเราทำไม่ถูกเวล่ำเวลา มันไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลดีก็ได้ ถามตัวช่าเอง ช่าไม่ได้นึกถึงเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสูงสุด แบบจุดพีคสูงสุดของชีวิต จะทำให้ชั้นต้องรักกันนิรันดร มันมีปัจจัยอื่น ๆ เยอะแยะไปหมดเลย ฉะนั้นถ้าจะทำอะไรก็ต้องคิดกันดี ๆ ตอนนี้เราสองคนยังไม่รู้สึกว่าเราจะต้องแต่งอะไรอย่างนี้ เรื่องแต่งงานมันอาจเป็นวันข้างหน้าก็ได้ แต่ตอนนี้ตอบได้เลยยังไม่รู้สึกที่จะต้องแต่งงาน ช่าว่าอาจให้เวลากฤษณ์เค้าดูช่า ช่าได้ดูกฤษณ์มากกว่านี้อีกหน่อยก็ดี ช่วงนี้ช่าก็กำลังขยันทำงานมาก รู้สึกสเต็ปการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไปเปลี่ยนมันมาก เดี๋ยวช่าก็หยุด แล้วงง ๆ ชีวิตไปซะเลย”



แจงประเด็นความรักจนเคลียร์ คราวนี้มาเข้าเรื่องลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกันบ้าง...


* มุทำงานเยอะขนาดนี้ ด้าน น้องกาย ก็ไปร่ำเรียนอยู่เมืองนอก ช่ามีโอกาสทำหน้าที่แม่ยังไงบ้าง ?

“เวลาช่าไปส่งเค้าที่เมล เบิร์น ออสเตรเลีย ช่าก็จะดูว่าเค้าอยู่ยังไง ทำอะไร จ่ายค่าเล่าเรียนอย่างทุกเทอมที่เคยเป็นมา ดูแลสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ตั้งแต่เล็กมา เป็นเรื่องปกติที่ทำอยู่แล้ว

อีกมุมก็จะพิจารณาดูว่าเค้าต้องการอะไรในตัวเราบ้าง

 เวลาเค้าเป็นเด็ก เค้าจะต้องการในความเป็นแม่สูง พอเวลาโตเป็นหนุ่มเนี่ย บางทีเราจะเข้าไปแค่บางจุดพอ ถ้าเข้าไปเยอะเกินไป เด็กเค้าจะไม่ชอบ ไม่สะดวก ช่วงนี้เค้ากำลังรู้สึกอยากมีเพื่อน อยากมีแฟน อยากมีสังคมของเค้า เราต้องเข้าไปแค่บางจุดเท่านั้น เหมือนเป็นอีกโซนหนึ่งของเค้า ไม่ใช่จะมาป้อนข้าวป้อนน้ำ มันไม่ใช่แล้ว ช่าจะถามว่าไปทำอะไรมา ตังค์พอใช้รึเปล่า สอบถามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา อยากให้แม่บินไปหารึเปล่า ส่วนใหญ่เราจะใช้โทรศัพท์ถามไถ่กันค่ะ แม่คิดถึงกายนะ กายคิดถึงแม่มั้ย ทำนองนี้ค่ะ แล้วจะบอกเรียนให้จบอีก 3 ปี ได้กลับมาเมืองไทย กลับมาทำงานกันนะ”


* มีอยู่ช่วงหนึ่ง กาย กลับมาอยู่กับช่า สักพักก็กลับไปเรียนต่ออีก อย่างนี้ลูกต้องปรับตัวเยอะมั้ย ?

“กลับไปเที่ยวนี้เค้าดีหน่อย เพราะอยู่ที่นั่นมานานจนรู้แล้ว เมืองที่เค้าไปอยู่ไม่ใช่เมืองแปลกสำหรับเค้าแล้ว กลับไปเที่ยวนี้ต้องดูแลตัวเอง เข้ามหาวิทยาลัย ต้องอยู่บ้านของตัวเอง สมัยก่อนจะอยู่โรงเรียนประจำ เค้าก็จะอึดอัด ปิดไฟกี่โมง นอนกี่โมง แต่ไปคราวนี้เค้าต้องดูแลตัวเอง จะสบายขึ้น”

*รู้สึกเป็นห่วงเขามากขึ้นรึเปล่า ?

“กายเป็นเด็กผู้ชายนะ ช่ารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องเลี้ยงลูกให้ติ๋มมากนะคะ ต้องให้เค้าเผชิญบ้าง ชีวิตมันต้องต่อสู้ ต้องเผชิญบ้าง แต่สิ่งที่เราแนะนำ เราก็จะบอก กายระวังนะระวังนั่นนี่ แต่ถ้าเราอยากให้ลูกเราเก่งเราต้องปล่อยให้ลูกเราออกไปเผชิญลูกเราจะเก่งภาคทฤษฎีมันไม่ได้ มันต้องภาคปฏิบัติในโลกนี้มันต้องผ่านการร้องไห้การเสียใจผ่านคนทำอะไรดี ๆ ให้มันถึงรวมออกมาเป็นชีวิตของเค้า

* ถ้าเขามีปัญหาขึ้นมาล่ะ เขากล้ามาปรึกษาช่ามั้ย ?

“ปรึกษาค่ะตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพราะช่ารู้สึกว่าเค้าค่อนข้างจะสนิทกับช่ามากเหมือนกันอาจกลัวบ้างนิดหน่อยช่าก็มีมุมต้องดุแต่ไม่ถึงกับจะไม่กล้าพูดนะ”

*วางแผนชีวิตลูกอย่างไรบ้าง มีโอกาสเข้าวงการบันเทิงหรือไม่ ?

“รอให้เค้าเรียนจบแล้ว ช่วงซัมเมอร์กลับมาอาจหาที่ให้เค้าไปลองฝึกงาน เพราะเค้าเรียนด้านฟิล์มมา อยากให้ทำเกี่ยวกับหนังโฆษณา อาจส่งไปดูเบื้องหลังที่ต่าง ๆ พาไปดูของจริงว่าเวลาเรียนกับการทำงานจริง ๆ มันต่างกันอย่างไร

ส่วนเข้าวงการฯนั้นช่ายังไงก็ได้ เอาที่ตัวเองแฮปปี้แล้วกัน

เอาที่ตัวเองอยากทำ บอกตรง ๆ ช่าไม่ใช่แม่ที่แบบว่านั่นนี่ก็ไม่ได้ ช่ายึดความรู้สึกของลูกเป็นตัวตั้ง เชื่อว่าคนเราทำอะไรด้วยใจรักจริง ๆ มันจะออกมาสวยงาม สิ่งหนึ่งที่เราพูดได้ คือ เอาประสบการณ์ของตัวเอง ที่ไม่อยากให้เป็น หรือที่เคยรับรู้มา มาบอกลูกเรา แต่บางทีช่าบอกไปบางอย่างก็เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เรารักลูกมากแค่ไหน เค้าจะต้องเผชิญชีวิตของเค้าเอง ฉะนั้นอะไรที่ช่าจะช่วยได้มากที่สุด ดูแลมากที่สุด ช่าก็จะทำ ส่วนกายต้องไปใช้ชีวิตของเค้าเองด้วย ต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะหน้าที่การงานของเค้า หรือที่เค้าเลือกอาชีพอะไร  ใช้ชีวิตตัวเองแนวไหน เค้าต้องทำของเค้าเอง ช่าไม่มีกรอบให้ลูกนะ ให้เค้าสบาย ๆ แต่อย่าทำอะไรให้แย่ก็แล้วกัน”

* แล้วอะไรที่ช่าห่วงเขามากที่สุด ?

“ช่าจะบอกว่าทำอะไรให้ระวังตัว เพราะในโลกนี้อาจมีคนหวังไม่ดีอีกเยอะ มันจะมีมุมหนึ่งที่เราดูเหมือนจะดี แต่มันไม่ดี บางทีกายจะชอบเผลอ ๆ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ดี ช่าจะบอกว่ามันไม่ได้ดีไปหมดนะ อันนี้ต้องระวัง แล้วอยู่ต่างแดนเราไม่ค่อยรู้ว่าคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง สอนเค้าเรื่องนี้ แล้วจะบอกเสมอว่าเรียน ๆ ให้มันจบ ๆ ก่อน”
 
ความรักก็รุ่ง ลูกก็เป็นเด็กดี ชีวิตของ มาช่า เลยเป็นจังหวะรักที่ลงล็อกจริง ๆ....



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์