ฟ้าหลังฝนของ...แม่ม่ายป้ายแดงโบ ชญาดา

ภาพอดีตพิธีกรรายการตีสิบ"โบ" ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์ กับพระเอกหนุ่ม "ฟลุค" เกริกพล มัสยวาณิช ควงกันออกงานสังคมหวานจนทำให้หลายคนพากันอิจฉา อีกทั้งมีลูกชายหน้าตาน่ารัก "น้องอชิ" อชิรวัตติ์ เป็นโซ่ทองคล้องใจ กลายเป็นอดีตไปแล้ว เนื่องจากทั้งคู่ได้หย่าขาดอย่างเป็นทางการ สิ้นสุดความสัมพันธ์ฉันสามี-ภรรยาอย่างสมบูรณ์

มาถึงวันนี้สภาพจิตใจของแม่ม่ายคนล่าสุดของวงการบันเทิง "โบ" ชญาดา เป็นอย่างไรบ้าง "คม ชัด ลึก" ขอทำหน้าที่เป็นผู้บอกกล่าวผ่านปากคำของเธอ
  

สภาพจิตใจหลังหย่า 

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
 

แข็งแรงดี ทุกวันนี้ยังคงทำหน้าที่หลักๆ ที่ต้องทำอยู่เหมือนเดิม คือทำงาน เลี้ยงลูก แล้วก็เจอครอบครัว เจอเพื่อน ชีวิตก็ยังดำเนินตามปกติ ทุกวันมันก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น แต่โบก็ยังดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ มีหลายคนให้กำลังใจเยอะ บอกว่าสู้ๆ โบก็รู้สึกดี ที่หลายคนให้กำลังใจเรา
 

หลังจากหย่ากับ"ฟลุค" เกริกพล ชีวิตโบต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง
 

หลายๆ อย่างอาจจะเปลี่ยนไป แต่มันไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะเราจากกันด้วยดี ต่างคนต่างทำหน้าที่เหมือนเดิมอยู่ เราก็ยังคุยกันปรึกษาเรื่องลูก อย่างวันนี้(26 มี.ค.) วันเกิดลูกก็ไปกินข้าวเป็นครอบครัวใหญ่ ทั้งครอบครัวโบ ครอบครัวฟลุค โบว่าทุกคนยังทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่พ่อ แม่ หรือ ป้าๆ น้าๆ คุณปู่ คุณย่าของน้องอชิ ทุกคนก็ยังคุยกันเหมือนเดิม เพียงแต่สถานภาพมันเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง
 

ข่าวคราวต่างๆ ค่อนข้างออกมาเยอะมีผลกระทบกับสภาพจิตใจเรามากน้อยแค่ไหน
 

บางทีมันก็บั่นทอน เพราะข่าวเขียนกันไปเอง ทั้งที่ไม่ได้ออกมาจากปากเรา  มันทำให้เราบั่นทอน เพราะข้อมูลไม่เป็นความจริง เราก็เสียความรู้สึก แต่มาถึงจุดนี้แล้ว คงไม่ได้มานั่งเสียเวลา และคิดมากกับมัน 




ได้กำลังใจจากใครบ้าง
 

โบได้กำลังใจจากคนรอบข้างที่ได้เจอแต่กำลังใจจากตัวเอง ต้องมาจากการที่เราเห็นคุณค่าจากคนรอบข้างเหล่านั้น ตัวเองถึงจะมีกำลังใจ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ มันเหมือนน้ำมันที่ต้องเติมให้รถยนต์ เหมือนลมหายใจ เหมือนเลือดที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ เพราะทุกคนต้องการกำลังใจในการทำงาน
 

"น้องอชิ" ถือว่าเป็นกำลังใจสำคัญด้วยหรือเปล่า
 

น้องอชิให้ทั้งกำลังใจ และให้ทั้งความเหนื่อยในการเลี้ยงลูก(หัวเราะ) เขาให้ความสุขแก่เรา ที่ทำให้เรามีชีวิตอยากเป็นคุณแม่ที่ดีได้
 

ช่วงที่พ่อแม่มีข่าวออกทีวี หนังสือพิมพ์บ่อยๆ "น้องอชิ" เคยถามไหม
 

น้องอชิคงชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่าตั้งแต่เขาเกิดที่โรงพยาบาล วันแรกจนถึงวันนี้ 5 ขวบเต็ม มีแต่แสงแฟลช มีแต่คนเยอะแยะ มีแต่ไมโครโฟนมาสัมภาษณ์ คิดว่าเขาคงเคยชินกับสภาพที่เกิดขึ้นกับการที่มีคนมาสัมภาษณ์คุณพ่อคุณแม่ และเขาตลอดเวลา แต่ความเคยชินเหล่านั้น โบต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าเป็นหน้าที่การงานของพ่อกับแม่ในการเป็นนักแสดง เป็นคนของประชาชน เป็นคนสาธารณะ เราก็เล่าให้ลูกฟัง สอนลูกว่าเมื่อคนมาสนใจเรา เราก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ลูกก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในเด็กวัยเดียวกัน ต้องพูดเพราะ ไม่ซนเกินไป
 

ข่าวคราวต่างๆส่งผลกระทบไปถึงตัว "น้องอชิ" หรือเปล่า
 

ไม่มีใครถามน้องอชิเลยไม่มีการพูดถึงอะไรทั้งสิ้น โบว่าคนไทยใจดีและน่ารัก เขาเอ็นดูน้องอชิ เหมือนลูกหลาน
 

จะเล่าเรื่องนี้ให้น้องอชิฟังเมื่อไร
 

โบพร้อมที่จะอธิบายให้น้องอชิฟังตลอดเวลา เพราะน้องอชิเป็นเด็กช่างถาม เราต้องหาเหตุผลที่ถูกต้องให้ลูกฟังตลอด ก็ต้องเล่าให้เขาฟังว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ก็ต้องสรุปให้เขาฟังว่าถึงพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ลูกก็เป็นลูกที่โชคดีคนหนึ่ง เพราะความรักที่เราให้น้องอชิมีมาก น้องอชิยังโชคดีกว่าเด็กหลายคนบางคนเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ ณตอนนี้เราก็เตรียมคำพูดไว้ ในการที่จะพูดให้น้องฟัง ถ้าวันหนึ่งน้องอชิถาม




ส่วนใหญ่กระแสสังคมสงสารและเห็นใจโบ
   

โบก็ได้รับกระแสสังคมในทางที่ดี แต่โบคิดว่าเราทุกคนในประเทศเห็นความสำคัญสถาบันครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง ความเป็นฟลุคโบ อชิ เป็นครอบครัว เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ตาม ทุกคนอยากเห็นครอบครัวเราไปตลอดรอดฝั่ง ดังนั้นก็ต้องมีบ้างที่มีคนไม่พอใจ มองอีกฝ่ายเป็นผู้ผิด แต่อย่างที่โบบอกหลายครั้งว่าไม่อยากเอาบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้องกัน ณ เรื่องตรงนี้ การที่ครอบครัวโบกับฟลุคไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เป็นเพราะเราสองคน ไม่เกี่ยวข้องกับใคร 

โบเชื่อในชะตาฟ้าลิขิต ที่กำหนดให้วันนี้ต้องมาเป็นแบบนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะล้มเหลว หรือว่าจะมีเรื่องร้ายแรง ย่ำแย่ มันอาจจะดีซะอีกถ้าเราคิดได้ เรียนรู้จากบทเรียนนี้ ในการที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์ แล้วเราก็คิดหาหนทางต่อไป ว่าทำยังไงให้น้องอชิ เป็นโซ่ทองคล้องใจ ที่เกิดมากับเราแล้วจะมีความสุข เติบโตเป็นเด็กมีคุณภาพ และมีความอบอุ่นในขณะที่มีเราสามคน
 

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากแก้ไขอะไรบ้าง
 

โบคงแก้ไขคนอื่นไม่ได้ โบคงแก้ไขที่ตัวเองมากกว่า ครอบครัวโบดำเนินเร็วไปในหน้าที่การงาน  เป็นบริษัทที่ทำอะไรเองหมดเลย ทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย โบอาจจะดูแลทุกอย่างไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เราคาดหวังในตัวอีกฝ่ายหนึ่ง ในขณะที่เราทำงานมันก็เลยเกิดปัญหาในครอบครัว เกิดความไม่เข้าใจ สุดท้ายผลจึงออกมาในรูปแบบนี้ ดังนั้นถ้าอะไรไม่ดี เราต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง แล้วก็มองไปข้างหน้าว่าจากนี้เราจะวางแผนชีวิตยังไง โบว่าทำทุกวันให้ดีที่สุด
 

ประสบการณ์ครั้งนี้ยิ่งทำให้เราโตขึ้นไหม
 

โบว่าตั้งแต่มีน้องอชิ โบโตขึ้นทุกวัน การที่เราเป็นแม่คน ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ เพื่อลูก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนมันเป็นอุปสรรค ที่ทำให้เราต้องทุกข์ เศร้า เครียด ร้องไห้ เสียใจ การที่เปลี่ยนสถานะของผู้หญิงคนหนึ่ง มันค่อนข้างหนัก จากที่เราเคยเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ แล้วเราต้องมามีครอบครัวเองมาถึงวันนี้เราก็ต้องดูแลลูกให้ได้ ในขณะที่ก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้เช่นกัน
 

ถูกเรียกว่าเป็น"แม่ม่าย" ตั้งแต่อายุยังน้อย รู้สึกอย่างไรบ้าง
 

เมื่อก่อนกลัวกับคำนี้ ไม่มีใครอยากจะใช้เท่าไร กลัวกับการหย่าร้าง กลัวกับการเป็นม่ายมาก คิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย ร้ายแรง น่ากลัว ไม่อยากให้คนมาตีตราเราว่าเป็น "แม่ม่าย" แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ณ วันที่เราต้องไปจดทะเบียนหย่า หรือวันที่เราเป็นม่ายเต็มตัว เราก็รู้สึกเฉยๆ กับมัน รู้สึกว่ามันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง มันก็แค่สิ่งที่คนเรียกเราขึ้นมา แต่ตัวเราเองต่างหากที่อาจจะคิดไปเอง แต่โบรู้ตัวของเราว่าเราก็เป็นคนปกติ ยังเป็นผู้หญิงปกติคนหนึ่ง ที่ยังมีความเป็นเด็ก มีความเป็นผู้ใหญ่ ใครจะเรียกเรายังไงก็ได้ ไม่ได้สนใจเวลาใครเขียนลงหนังสือว่าเป็น"แม่ม่ายป้ายแดง"  "ม่ายสาว" ก็เลยรู้สึกเฉยๆ กับมัน อ่านแล้วก็ยิ้มๆ ก็ยอมรับว่าเป็นแม่ม่ายจริงๆ เคยแต่งงานมีลูก 5 ขวบแล้ว เคยหย่ามาแล้ว ก็เลยรู้สึกธรรมดาในชีวิตก็ต้องเจออะไร 




หลังจากนี้คิดว่าน่าจะเป็นฟ้าหลังฝนที่สดใสหรือเปล่า
 

ก็ไม่แน่นอนเสมอไป สำหรับโบคือตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่ เราคงต้องเจอทั้งฟ้าฝน พายุ แดด ลม หรืออากาศดีๆ ตามมา มันอยู่ที่เราเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ด้วย ต้องเข้มแข็ง เมื่อก่อนเรามีคุณพ่อคุณแม่ดูแล พอเรามีครอบครัวก็ต้องมีเพื่อนคู่คิด แต่มาตอนนี้เราต้องเป็นหลัก ให้ตัวเราเองก่อน เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก โบก็ยังรู้สึกโชคดี ที่ฟลุคเป็นพ่อที่น่ารัก เอาใจใส่ลูก ติดลูก รักลูกมาก โบก็เลยไม่รู้สึกว่าขาดอีกคนหนึ่งเท่าไร เพราะการที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาสมบูรณ์ได้ ต้องมีทั้งพ่อกับแม่ที่จะสอนเขาไปพร้อมๆ กัน ฟลุคก็ทำหน้าที่ได้ดี  เราเลยไม่เคยน้อยใจ หรือไม่สบายใจ แย่งกันเลี้ยงด้วยซ้ำ
 

มีความคิดฟุ้งซ่านบ้างหรือเปล่า
 

อาจจะเป็นเพราะโบทำงาน เลี้ยงลูกด้วย การที่คนเรามีหน้าที่การงาน ไม่มีเวลาว่างมากนัก ในการอยู่ตัวคนเดียว มันเป็นตัวช่วยที่ดีมาก มันไม่ฟุ้งซ่าน กับเรื่องราวต่างๆ แถมเรายังมองอนาคตให้แก่น้องอชิด้วย ตอนนี้โบกลายเป็นผู้หญิงที่ทำงานเลี้ยงลูกได้เต็มๆ ถ้าเรามีปัญหา เราก็ปรึกษาเรื่องลูก เรื่องงาน กับฟลุคเขาทำธุรกิจก็โทรมาปรึกษา คือเราก็คงเป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกๆ เรื่อง
 

ก่อนหน้านี้โบเคยบอกว่าลบลาย"คาสโนวา" ของฟลุค แล้ว ณ วันนี้ล่ะ
  

การที่ลบลายเนี่ย มันก็คงไม่ทำให้ลายหมดไป (หัวเราะ) เราคงไปเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยโบรู้สึกว่า โบดีใจที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ มองโลกในความเป็นจริงออก เขาเห็นคุณค่าของผู้หญิงที่เขาคบ ไม่ว่าจะเป็นโบ หรือว่าใครที่เป็นแฟนเขา เพียงแต่การที่เขาจะอยู่กับคนคนหนึ่งได้นานแค่ไหน มันก็อยู่ที่ผู้หญิงอีกคนด้วย และตัวเขาด้วยว่าเข้าใจกันมั้ย อย่างไรก็ตามสิ่งที่โบเขียนไปในหนังสือ มันก็เป็นประโยชน์กับตัวฟลุคเองที่ได้เห็นตัวเอง หรือผู้หญิงผู้ชายที่ได้อ่านหนังสือ เขาก็นำไปปรับใช้ชีวิตคู่เขาได้ ก็ถือว่าการเขียนหนังสือเป็นวิทยาทานอย่างหนึ่ง ทำให้โบมีความสุข
 

เรื่องหัวใจของสาวโสด
 

ตอนนี้พร้อมเปิดใจให้ใครหรือยัง
 

ตอนนี้ยังไม่อยากเปิดใจยังไม่อยากมีแฟน หรือว่าเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่กับใคร แต่ไม่ได้รู้สึกกลัวกับความรัก แต่ ณ วันนี้ โบพอใจในจุดที่โบยืนอยู่ คือทำงานดูแลลูก มีเพื่อนฝูง มีญาติพี่น้อง เรายังอยากใช้เวลากับตรงนี้ให้มากๆ ก่อน 




หลายคนบอกว่า"แม่ม่าย" มักจะเนื้อหอม มีใครเข้ามาจีบหรือเปล่า
  

โบกลับกลัวเสียอีกโบมีลูกขวบ 5 ขวบแล้ว จะมีใครเข้ามาหรือเปล่า (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เขาก็คงไม่อยากได้ผู้หญิงที่มีลูกติด เขาคงไม่มาชอบแม่ม่าย คงกลัวคนที่มีพันธะ โบผ่านจุดที่เคยแต่งงานมาแล้ว แล้วโบก็รักผู้ชายคนนี้ (ฟลุค) มาก แล้ว ณ วันนี้ฟลุคก็ยังมีตัวตนอยู่ในฐานะพ่อของลูก ฉะนั้นเราก็ต้องดูให้ดี และต้องพร้อมก่อน โบถือว่าได้ของขวัญชิ้นพิเศษคือน้องอชิ จากฟลุค วันนี้โบก็ยังมีเพื่อนชีวิต เพื่อนชายของโบ ที่ยังต้องดูแลไปไหนมาไหนตลอดเวลาอยู่
 

เพื่อนชีวิตเพื่อนชาย ที่ยังต้องดูแลไปไหนมาไหนตลอดคือใคร
 

ก็อชินั่นแหละ(หัวเราะ)
 

หน้าตา"น้องอชิ" เหมือนฟลุคมาก ทำให้เรารู้สึกว่าฟลุคยังอยู่กับเราตลอดไหม
 

อชิเตือนโบให้โบนึกถึงฟลุคหลายครั้งด้วยท่าทางกิริยา การพูด น้องอชิก็เป็นตัวแทนที่ทำให้เราเห็นฟลุคตลอดเวลา
 

เข็ดกับคนในวงการไหม
 

ยังไม่เคยนึกว่าเข็ดหรือไม่เข็ดเพราะความรักมันเกิดขึ้นกับใครก็ได้
 

ถ้าวันหนึ่งเจอคนที่ใช่ต้องผ่านน้องอชิด้วยไหม
 

แน่นอน...น้องอชิเป็นเพื่อนคู่คิดของโบในทุกเรื่องตอนนี้(หัวเราะ) เรื่องสำคัญถ้าเราจะอยู่กับใคร เราก็ต้องบอกเขา แล้วเขาก็ต้องมีความสุขด้วย เราก็ต้องเลือกให้ดี คือครอบครัวก็ต้องยอมรับด้วย ไม่อยากให้ครอบครัวมีความทุกข์อีกครั้ง
 

ความรู้สึกกับฟลุคณ ตอนนี้
 

ความรู้สึกก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากแต่มันเป็นความสบายใจมากขึ้น เขาเป็นคนแฮปปี้ มองโลกในแง่ดี การที่เราคุยกันนั้น ก็คุยกันได้ทุกเรื่อง คือการเป็นเพื่อนกัน บางทีมันดีตรงที่ว่าเราให้มิตรภาพกันโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน นั่นคือมิตรภาพของเพื่อน ณ วันนี้โบกับฟลุคเป็นแบบนั้น เขาก็ต้องเดินไปตามทางของเขา โบก็ต้องเดินไปตามทางของโบ
 

"ฟลุค" มีรักครั้งใหม่แล้ว ทำให้โบต้องทิ้งระยะห่างกับเขาหรือเปล่า
 

จริงๆเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราไม่เตะ ไม่ล้ำเส้น  ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุข อยากให้เขาโชคดี มีความสุขกับคนที่เขารัก แล้วก็ตั้งใจจริง
 

ณวันนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปเยอะไหม
 

เปลี่ยนไปตรงที่เรามีสติมากขึ้น คือเมื่อก่อนโบเป็นคนช่างฝัน อ่อนไหวง่าย ใครพูดจาหวานๆ ก็โอเคแล้ว มันทำให้เรามองมุมที่ดีเสมอ ตอนนี้ใครเข้ามาก็มีสติมากขึ้น เพราะตอนนี้โบไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ที่จะมารักๆ เลิกๆ บ่อย 

เชื่อว่าคำพูดของเธอ..."โบ" ชญาดา คงเป็นประโยชน์แก่ชีวิตคู่อีกหลายๆคู่ นะจ๊ะ
 

ชญาดาลิ่วเฉลิมวงศ์ 

ชื่อเล่นโบ

เกิดวันที่20 มิถุนายน 2518

ปัจจุบันอายุ33 ปี

ผลงานที่มีชื่อเสียงพิธีกรรายการ "ตีสิบ" ทางช่อง 3 

ปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการ"แฟ้บทีวี"

เรื่อง...เพ็ญนภาดำเล็ก


ภาพ...อุทร



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์