พักไมค์ : ?เอิน? ได้งานศิลป์ขัดเกลาชีวิต เรียนรู้มุมมองใหม่ในวัยเรียน

พักไมค์ : เอิน ได้งานศิลป์ขัดเกลาชีวิต เรียนรู้มุมมองใหม่ในวัยเรียน

วางไมค์ทั้งเบื้องหน้ากับการเป็นนักร้อง พักไมค์เบื้องหลังกับงานดีเจอีเอฟเอ็มไปพักใหญ่ ๆ เกือบ 3 ปีเต็ม จนแฟน ๆ ถามถึงเธอเข้ามาไม่น้อย คงสงสัยว่า สาวเอิน-กัลยกร นาคสมภพ หายไปไหน ทำอะไรอยู่ ซึ่งเวลาทั้งหมดเธอทุ่มเทให้กับการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร กับคณะที่ใฝ่ฝันอยากเรียนมานานคณะมัณฑนศิลป์ ซึ่งค่อนข้างซีเรียสและหนักหนาอยู่เหมือนกัน ทำเอาสาวเอินต้องวางงานบันเทิงทุกแขนง เพื่อตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว เพื่อให้จบทันเพื่อน ๆ

เมื่อ สาวเอิน มาเยือนถึงถิ่นเลยขอ พักไมค์ ถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นออร์เดิร์ฟก่อนพบกับผลงานอัลบั้มชุดใหม่แบบเต็ม ๆ เห็นห่างงานเบื้องหน้าไปเสียนาน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร มุมมองชีวิตเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน หลายคนคงอยากทราบ

สาวเอินกล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดีว่า ที่หายไปก็ไปเรียนอย่างเดียวเลย แล้วในช่วงเวลานั้นก็จะหาเวลาเข้าแกรมมี่ เพื่อเตรียมงานเพลงและทำงานไปด้วยค่ะ อย่างที่ขอตัวไปเรียนอย่างเดียว เพราะเอินซีเรียส อยากเรียนให้เต็มที่ ซึ่งทีแรกที่เข้าไปคุณพ่อไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่ ฉะนั้นเอินเองต้องตั้งใจเรียนให้ทางที่บ้านเห็นว่าเราอยากเรียนในคณะมัณฑน ศิลป์จริง ๆ ค่ะ เป็นคณะที่เอินใฝ่ฝันอยากเรียนมานานแล้ว

แน่นอนว่าจากสาวหวานเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ เมื่อต้องย่างก้าวไปใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งมีแต่นักเรียนศิลปะ ชีวิตของเธอย่อมเปลี่ยนไปแน่นอน

ตอนที่เรียนอยู่เอินได้เรียนรู้อะไรมากมายเลยค่ะ ได้มุมมองใหม่ ๆ ชีวิตก็เปลี่ยนไปด้วย เอินสามารถใช้ความคิดที่กว้างขึ้น มองสิ่งรอบข้างแบบสบาย ๆ ยอมรับค่ะว่าศิลปะมีเครื่องขัดเกลาจิตใจเราได้ ทำให้ตัวเองไม่ต้องมานั่งซีเรียสกับอะไรหนัก ๆ สามารถปล่อยวางความคิดได้ด้วย ด้านการใช้ชีวิตทำให้เอินได้ขึ้นรถเมล์ไปเรียน นอนค้างที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำงานกับเพื่อน ๆ สนุกค่ะ อย่างเวลาเอินไปเรียนไกล ๆ ที่นครปฐม คุณพ่อก็จะขับรถไปส่ง ท่านเลยไม่ค่อยเป็นห่วงเราเท่าไหร่ อีกอย่างท่านก็ได้เห็นเราทำงานใช้ชีวิตที่นั่นอย่างไร คุณพ่อก็เข้าใจเรามากขึ้นด้วย


จากชีวิตที่คลุกคลีในวงการมายามาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ว่าจะที่บ้านที่คุณพ่อคุณแม่ล้วนเป็นคนวงการบันเทิง เมื่อวันหนึ่งชีวิตต้องไปเรียนในที่เรียนที่ค่อนข้างอิสระอย่างนี้ ความรู้สึกของเธอจะเป็นอย่างไรคงต้องมาฟังจากปากของเธอเอง

แรก ๆ ที่ไปเรียนทุกคนก็เกร็งไปหมดค่ะ ทั้งเพื่อน อาจารย์ คนรอบข้างที่เข้ามา แต่พอผ่านไปทุกคนก็ลืมหมดแล้วว่าเราเป็นนักร้อง ปกติเอินเองก็ใช้ชีวิตปกติไม่ได้ทำตัวว่าตัวเองเป็นศิลปินแต่อย่างใด ปล่อยตัวเองสบาย ๆ รู้สึกแฮปปี้มาก ๆ เลยที่เรียนที่นี่ค่ะ จนเอินรู้ตัวเองเลยว่าการปล่อยวางเป็นอย่างไร อย่างเมื่อก่อนถ้ามาคุยกับพี่ ๆ นักข่าว เอินจะเกร็ง ต้องตอบยังไง พูดยังไง แต่เดี๋ยวนี้เอินรู้สึกสบายมากเวลาคุย เราก็คือตัวเองมากที่สุดเท่านั้นพอค่ะ

จากเวลา 3 ปี ที่ห่างไป ก็อาศัยเวลาช่วงนั้นเพาะงานเพลงจนสำเร็จคลอดมาเป็นอัลบั้ม Nine Be One ฉันรักเธอ เรียกว่างานชุดนี้เธอภูมิใจนำเสนอมาก ๆ เนื่องจากเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนเสร็จออกมาเป็นผลงานชุดใหม่

เป็นอัลบั้มที่เอินภูมิใจมากค่ะ เพราะตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผน แบ่งสัดส่วนการทำงาน ดีไซน์เสียงร้อง เขียนเพลงเอง เป็นต้น อย่างการเขียนเพลงก็เคยเขียนให้พี่ ๆ วงอื่น ๆ มาบ้าง เลยอยากเขียนเพลงให้ตัวเองบ้าง ปกติเอินเองเป็นคนชอบเขียนกลอน แล้วก็เป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวกับความรู้สึก เลยอยากสื่อสารออกมาเป็นเพลงบ้างค่ะ ฉะนั้นในอัลบั้มชุดนี้พี่ ๆ ทีมงานพยายามดึงความเป็นเอินออกมาให้มากที่สุด ทั้งลุคส์ดูห้าว แก่น ขำ ๆ ทั้งหมดคือตัวเราค่ะ ที่สำคัญเอินอยากแชร์ทุก อย่างกับแฟนเพลงด้วย ทำให้เขาเข้าถึงความเป็นตัวตนของเรามากขึ้นด้วย


อย่างไรก็ตามแม้ชีวิตจะมีความอิสระมากขึ้น ก็ต้องอยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่เหมือนเคย !

ที่บ้านให้อิสระมากขึ้น เข้าใจว่าเราเป็นคนแบบนี้ แต่ก็ห่วงเราในบางเรื่อง กลัวว่าเราจะไม่ทันคน หรือทำงานไม่ทันเพื่อน ด้วยความที่ระยะหลัง ๆ เอินดูเล่น ๆ สนุก ๆ ค่ะ

ส่วนแพลนในอนาคตนั้น เธอแทบจะไม่ได้คาดหวังกับงานวงการบันเทิง แต่อยากตั้งหน้าเรียนต่อเพื่อเป็นนักวิชาการในแขนงงานศิลปะอย่างจริงจัง

ตอนนี้เหลือทำวิทยานิพนธ์ของศิลปะส่งอาจารย์ค่ะ ก็ต้องแบ่งเวลาดี ๆ เพราะเป็นช่วงที่ตัวเองออกอัลบั้มใหม่ด้วย เพราะถ้าเรียนจบเอินก็อยากเรียนต่อปริญญาโทต่อไปเลยด้วย แต่ยังไม่สรุปว่าจะเรียนที่ไหน คงเป็นต่างประเทศ มีดู ๆ ไว้ก็ที่ฝรั่งเศส, อเมริกา หรือญี่ปุ่นค่ะ อยากเรียนด้านทฤษฎีงานศิลป์ แบบว่าอยากเป็นนักวิชาการมองอะไรกว้าง ๆ ช่วงนี้กำลังมีไฟก็อยากเรียนให้ถึงที่สุด ส่วนงานเพลงแค่ได้ทำก็แฮปปี้แล้ว ถ้าไม่อยู่เบื้องหน้า คงขออยู่เบื้องหลัง เขียนเพลงต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ

คราวนี้หันมาดูความรักของ สาวเอิน กันบ้าง เพราะภาพคนส่วนใหญ่ที่ผ่านมามองว่าที่บ้านค่อนข้างห่วง ไปไหนมาไหนมักมีคุณแม่มาคอยดูแลอยู่ไม่ห่างกาย ด้วยวัยขนาดนี้แล้วจะมีหนุ่มรู้ใจคอยมาแบ่งเบาภาระคุณแม่บ้างหรือยัง ? เป็นสาวสวยขนาดนี้ถ้าหัวบันไดแห้งย่อมไม่ใช่แน่ ๆ

อย่าเรียกว่าแฟนหรืออะไรเลยค่ะ ความรักก็ต้องมีบ้าง ก็มีคนคบอยู่ค่ะ แรก ๆ ที่เข้าไปเรียนก็มีหนุ่ม ๆ มาจีบเหมือนกัน แต่เอินกลัวค่ะ วิ่งหนีหมด เอินไม่ชอบให้คนมาจีบ คงมีอคติไม่ค่อยดี แบบว่าคนที่เข้ามาจีบเนี่ยคงไม่จริงใจกับเรา เพราะจริง ๆ เอินเป็นคนคบแบบจริงใจ ถ้าเขาเข้ามาแบบไม่จริงแล้วเราเชื่อและคบไป ก็อาจมาเสียใจทีหลังก็ได้ค่ะ เอินค่อนข้างระวังตัวเอง เอินอยากดูคนจากความเป็นเพื่อนมาก่อน ถ้าวันหนึ่งเกิดคลิกกันก็จะคบกัน ดู ๆ กันไปค่ะ ตอนนี้ก็มีแล้ว แต่ก็ไม่อยากพูดถึงมาก แล้วเอินก็ไม่ได้ปิดอะไร แต่ขอให้เป็นมุมส่วนตัวจะดีกว่า เพราะถ้าเราเปิดมากก็คงไม่ดี แค่ลำพังคนสองคนยังมีปัญหากันได้เลย ถ้ามีคนเข้ามารับรู้อีกคงมีปัญหาแบบหลาย ๆ คู่ที่เกิดขึ้นในวงการก็ได้ ในส่วนของที่บ้านก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรเรามาก ท่านรับรู้ตลอด แล้วรู้ว่าเรา เป็นคนอย่างไร เพราะเราเองไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีค่ะ เอินกล่าวอย่างเต็มปาก

อย่างนี้หนุ่ม ๆ ที่คิดขายขนมจีบตอนนี้ก็คงหมดสิทธิแล้วสินะ.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์