พลิกแฟ้มศึกสายเลือดคนบันเทิงสุมกองเพลิงระอุทั่ววงการ

   ความรักในครอบครัว ดูเป็นรักที่บริสุทธิ์ และแน่นแฟ้นกว่าความรักอื่นๆ เสมอ แล้วถ้าเกิดผู้คนในครอบครัวดันมาแตกคอ ไม่กินเส้น มีเรื่องบาดหมางกันเองล่ะ

อะไรจะเกิดขึ้นได้ สกู๊ปบันเทิงวันนี้เราได้รวบรวมความบาดหมางระหว่างคนในครอบครัวของคนบันเทิงมาให้อ่านกัน

ประเดิมด้วยคู่พ่อลูก อย่างอดีตพระเอก "เจค-ศตวรรษ ดุลยวิจิตร" กับลูกชาย "ภีม-ภาคิม บวรศิริลักษณ์" ที่จู่ๆ อดีตภรรยาอย่าง "แอน- กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ" กระเตงภีมออกรายการดัง บอกเล่าเรื่องราวความยากลำบากสารพัด รวมถึงยังบอกต่อว่า ฝ่ายชายไม่ยอมรับลูกชายคนนี้เป็นลูก เพราะแอนคบผู้ชายหลายคน เรื่องราวดูจะลุกลามเป็นไฟลามทุ่ง เนื่องจากเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกไซเบอร์ ถึงความใจจืดใจดำของหนุ่มเจค ที่ไม่ยอมรับลูกชายคนนี้เป็นลูกของตัวเอง ซึ่งบรรดารายการทอล์กโชว์ ต่างก็พยายามส่งเทียบเชิญให้หนุ่มเจคออกรายการเพื่อที่จะชี้แจงเรื่องราวทุกอย่าง แต่อดีตพระเอกดังกลับปิดปากเงียบ

 จนกระทั่งในงานบวงสรวงละครของค่ายดีด้า เจคยอมเปิดใจเรื่องราวต่างๆ ในอดีต งานนี้ทุกอย่างเหมือนว่าจะคดีพลิก เมื่อฝ่ายชายออกมาพูดว่า สาเหตุที่ไม่สามารถจดทะเบียนรับรอง "ภีม" เป็นบุตรได้นั้น เป็นเพราะมีความจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด หนึ่งในเรื่องของกฎหมายจดทะเบียน เพราะอดีตภรรยามีสามีที่จดทะเบียนสมรสอยู่แล้ว ก่อนมาเจอเขา และที่สุดหนุ่มเจคยอมออกรายการของช่องเคเบิลบอกเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด ยิบ ซึ่งงานนี้ไม่ว่าบทส่งท้ายของเรื่องจะจบลงเช่นไร แต่ลึกๆ แล้วทุกฝ่ายก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเช่นกัน

          ขยับมาที่พ่อลูกนักบู๊ทะลวงไส้ "จา-พนม ยีรัมย์" กับ "ทองดี" ผู้เป็นบิดา ที่เรียกว่างานนี้รอยร้าวที่เกิดขึ้น คงไม่มีวันที่จะกลับมาประสานกันได้ง่ายๆ เพราะนับตั้งแต่ออกมาประกาศตามหา "จา-พนม" หลายเดือนก่อน เรื่องราวก็ดูเหมือนจะสงบลง แต่กลับเป็นสถานการณ์คลื่นใต้น้ำ เรื่องราวกลับไม่จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง เหมือนที่พระเอกนักบู๊ระดับอินเตอร์เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ แถมล่าสุดทุกอย่างเข้าขั้นวิกฤติ เมื่อมีข่าวออกมาว่า จาได้พบกับผู้เป็นพ่อ แถมยังมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น ซึ่งนายทองดียืดอกรับอย่างแมนๆ ว่า ดีดขาไปลักษณะออกมวยแบบที่เคยฝึกกันมาเท่านั้น เฮ้อ...ได้คำตอบแบบนี้ เลยไม่รู้ว่าจะหาบทสรุปอะไร เอาเป็นว่าขอเอาใจช่วยให้พ่อลูกกลับมาพูดคุยและปรับความเข้าใจกันโดยเร็ว

         ส่วนพ่อลูกคู่นี้ก็มีความร้อนแรงไม่แพ้สองคู่แรก "กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล" กับ "ฉัตรฏรัฐ" ซึ่ง เรื่องราวไม่ได้เกิดจากความรู้สึกบาดหมางกันระหว่างพ่อและลูก แต่ดันมีตัวละครอื่นเข้ามาเอี่ยว นั่นก็คือ "เคลลี่ ธนพัฒน์" แฟนหนุ่มของนักแสดงสาว เมื่อจู่ๆ พ่อของนางเอกสาวร่อนจดหมายไปยังช่อง 7 ห้ามไม่ให้นักแสดงรุ่นใหญ่คบหากับลูกสาวของเขา ซึ่งมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของหนุ่มเคลลี่ งานนี้เคลลี่ถึงกับยัวะ เล่นควงคู่สาวกรีนและทนาย แจ้งเจตจำนงฟ้องพ่อแฟน ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท
 
          งานนี้พ่อของสาวกรีนใช่ว่าจะอยู่เฉย เลยขอจัดถ่ายคลิปบอกเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดยิบแบบไม่กั๊ก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่คนที่บาดเจ็บกับเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นสาวกรีน เพราะถูกสังคมตราหน้าว่า เห็นผู้ชายดีกว่าพ่อ ...เฮ้อ ... ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ เคลลี่ขอแสดงสปิริตถอนฟ้องพ่อของสาว พร้อมทั้งเปิดใจว่า ทุกอย่างคลี่คลายแล้วด้วยการพูดคุยและปรับความเข้าใจ ทว่า มหากาพย์ครั้งนี้ยังไม่จบลงอย่างที่คิด เนื่องจากพ่อของนางเอกสาวขอมีภาคต่อ ออกมาชี้แจงว่า นักแสดงหนุ่มไม่เคารพกติกา และอยากให้ฝ่ายชายจัดการทุกอย่างให้เข้าตามตรอกออกตามประตู อัยยะ!! แถมยังบอกด้วยว่าให้หมั้นก่อนแต่ง แต่ฝ่ายชายกลับลังเล ดูท่าเรื่องวุ่นๆ คงหาบทสรุปลงยาก
 

          มาถึงคู่ของ "โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม" หรือ "วลัชณัฏฐ ก้องภพฐิตารีย์" เปิดศึกกับ "ณัฐกนก วันเพ็ญ" แม่บังเกิดเกล้า ด้วย เรื่องเกิดขึ้น เมื่อมีหญิงชราวัย 70 ปี ออกมาร้องความยุติธรรมผ่านสื่อว่าโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม ดาราตลกชื่อดัง ลูกชายไล่ออกจากบ้าน ต้องมาอาศัยวัดพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา เป็นที่พักอาศัย แถมลากไส้เรื่องในบ้านของออกมาสับจนละเอียด กล่าวหาว่าลูกสะใภ้วางแผนฆ่าตัวเองบ้างล่ะ หาว่าทั้งลูกชาย ลูกสะใภ้และหลายๆ คน หมางเมินแบบไม่ไยดี ร้อนถึงโป๊งเหน่งต้องจัดงานแถลงข่าวแบบหย่อมๆ ว่าทุกอย่างเกิดจากความเข้าใจผิด และต่างฝ่ายต่างมีแผลกลัดหนองอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจลึกๆ ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเป็นแม่ก็ไม่สามารถตัดขาดหรือทอดทิ้งได้ ในที่สุดโป๊งเหน่งพร้อมภรรยากราบขอขมาในเรื่องที่ผ่านมา  พร้อมรับตัวมารดากลับไปอยู่บ้านด้วยกันเหมือนดั่งเดิม
 
 อย่างไรซะ เลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำเสมอ