พลิกภาพนางเอก...เรียบร้อย สง่างาม แอฟ-ทักษอร

ชั่วโมงนี้ เอ่ยชื่อถึง...“โศรยา-ศันสนีย์” คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักเธอคนนี้แน่ ๆ เพราะละครเรื่อง “จำเลยรัก” ทางช่อง 3 กำลังโด่งดังฮิตไปทั้งเมือง ส่งผลให้นางเอกสาวหน้าหวาน ตากลมโตอย่าง แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ แจ้งเกิดไปเต็ม ๆ ทำให้ “ดาวต่างมุม” รีบคว้าตัวสาวสวยมากความสามารถผู้นี้มาโฟกัสแสงสว่างอันเจิดจรัสทันที
  
ที่สำคัญผลงานล่าสุดทำให้ภาพของนางเอกยุคนี้เปลี่ยนไป จาก “นางเอก” เน้นเซ็กซี่ ชูแต่โชว์เนื้อหนังมังสา มาเป็นแนว “นางเอกสาวมาดผู้ดี” ดูเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว บุคลิก ท่าทาง ซึ่งยังไม่รวมบทบาทบนหน้าจอโทรทัศน์ ก็โดนใจแฟนละครไปตาม ๆ กัน

นี่ ไม่ใช่ผลงานยุคแรก เพราะก่อนหน้านี้ สาวแอฟ ผ่านงานบันเทิงมาหลากหลาย ไหนลองเล่าเส้นทางตั้งแต่เข้าวงการฯ ใหม่ ๆ ให้ฟังหน่อยสิ ?

“แอฟเริ่มทำงานจากการถ่ายปกหนังสือ “พลอยแกมเพชร” ค่ะ ตอนนั้นรู้จักกับ ป้าชาลี ซึ่งเค้าเห็นเราแล้วชอบเลยเปิดโอกาสให้กับเด็กหน้าใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำอะไรเลยมาขึ้นปกค่ะ นั่นคืองานชิ้นแรกในชีวิต งานชิ้นแรกเนี่ยผ่านมาเกือบ ๆ สิบปีแล้วนะ ตอนนั้นจำได้ว่ายังไม่เข้ามหาวิทยาลัยเลย เรียน ม.4 อยู่เลยค่ะ หลังจากถ่ายปกไปก็มีงานโฆษณาและถ่ายแบบติดต่อเข้ามาบ้าง ก็ทำมาเรื่อย ๆ จนเข้ามหาวิทยาลัยปี 3-4 ได้มารู้จักกับ ป้าต้น-ลาวัณย์ (เจเอสแอล) เขามีแผนกเรียนการแสดง ป้าต้นกำลังจะทำเรื่อง  “มิตร ชัยบัญชา” เค้าถามสนใจมาเรียนแอ๊คติ้งก่อนไหม ตอนนั้นไม่กล้า เพราะเคยแต่ถ่ายแบบ การเล่นละครมันเป็นเรื่องน่ากลัวเกินไป ซึ่งแอฟไม่ได้เป็นเด็กกล้า ออกจะขี้อายด้วยซ้ำ ป้าต้นก็บอกว่าไม่ต้องกดดัน ป้าให้มาลองก่อนมาลองเรียน ถ้าเรียนแล้วโอเคก็เรียนต่อไป แล้วไม่ชอบก็ไม่บังคับ อย่างน้อยอย่าบอกว่า  ไม่ชอบ ขอให้มาลองก่อน ตรงนี้มากกว่าที่เป็นการเปิดโอกาสให้แอฟ ได้เข้ามาเล่นละครจุดนี้ค่ะ”

เคยคิดไหมว่าจะมีโอกาสได้เข้าวงการบันเทิง ?

“ไม่ได้คิดนะคะ เหมือนพองานชิ้นหนึ่งออกไปก่อนที่จะมาเจอป้าต้นก็มีละครติดต่อเข้ามาเยอะ แต่แอฟ ไม่กล้าเล่นเอง เพราะไม่รู้ว่าเราจะทำได้หรือเปล่า นึกแล้วก็กลัวและอายด้วยอยู่ ๆ เราจะไปเล่นละครต่อหน้าใครก็ ไม่รู้ แต่พอได้มาเรียน จบปุ๊บมาคิดอีกทีความจริงมันก็มีเสน่ห์อะไรบางอย่างนะ แต่อธิบายไม่ถูก เขินก็เขิน แต่พอทำไปแล้วมันเหมือนฮึด! ว่าเราต้องทำให้ได้ คิดว่าเริ่มไปแล้วมันต้องได้ซิ นี่แหละค่ะที่เป็นที่มา ตกลงแอฟเลยรับปากเล่น เรื่องแรกคือ “มิตร ชัยบัญชา” ช่อง 7 ค่ะ หลังจากนั้น อาจิ๋ม-มยุรฉัตร ก็เรียกเข้ามาว่าเล่นเรื่อง “ริษยา” เลยได้อยู่ช่อง 3 เรื่อยมาค่ะ ทุกวันนี้เซ็นสัญญากับช่อง 3 นะคะ แต่อยู่ในความดูแลของ อาจิ๋ม”

จะเรียกว่ามันเป็นพรหมลิขิตให้มาอยู่เส้นทางนี้ได้รึเปล่า ?
 
“ถ้าถามครอบครัวแอฟ ถามเพื่อนแอฟ ก็ไม่มีใครเชื่อนะคะ แค่แอฟเล่นละครก็แปลกแล้ว แอฟไม่ได้เป็นคนชอบแสดงออก ไม่ได้เป็นคนที่ชอบเปิดเผย หรือว่าไม่ชอบไปหน้าห้องหรืออะไรเลย จะพรีเซ็นต์เฉพาะเรื่องงานเท่าที่จำเป็น ถ้าให้ไปเป็นพิธีกรหรือออกไปร้องเพลงนี่ไม่กล้า เลยมีคนคิดว่าเรากล้ามาเล่นละครได้ยังไง”



เข้าวงการฯ มาแบบนี้ที่บ้านชอบรึเปล่า ?

“ที่บ้านจริง ๆ แล้วเขาก็ไม่สนับสนุน เขาก็แค่โอเคไม่อยากให้ทำ แต่ถ้าแอฟจะทำเขาก็ไม่ขัด แต่เขาอยากให้ทำงานอย่างอื่นมากกว่าค่ะ”

เพราะภาพคนส่วนใหญ่มองวงการบันเทิง คือ วงการมายารึเปล่า ?

“ช่วงแรกที่เข้ามาลอง คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ขัดค่ะ ก็คิดว่าอะไรที่เป็นโอกาสเข้ามาหาเราแล้วเราจะมีประสบการณ์ เพราะโอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีกันทุกคน เรื่องแรกก็ลอง เรื่องที่สองก็ลอง ซึ่งเขาไม่ได้ว่าอะไร เพื่อประสบการณ์เขาก็ตามใจ ลูกจะได้มีประสบการณ์ในชีวิตที่ดี พออยู่ไปนาน ๆ ตอนนี้มันเป็นอาชีพเราจริง ๆ คุณพ่อคุณแม่เลยเหมือนกับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ ที่เขามองว่าอาชีพตรงนี้ว่ามันไม่แน่นอน ถ้าเราแก่แล้ว เราจะทำตรงนี้คงไม่ได้แล้ว เขาอยากให้เรามีงานที่มั่นคง อยากให้ทำสิ่งที่เรียนมาอยากให้เรียนต่อค่ะ ก็รู้นะคะว่าเป็นงานไม่มั่นคง แต่ตอนนี้เรารักไปแล้ว (ยิ้ม)”

คุณพ่อคุณแม่คาดหวังกับแอฟเยอะมั้ย กับเรื่องอนาคต ?

“เขาไม่เคยสัมผัสด้านนี้มาก่อน ก็คิดว่ามีลูกคนหนึ่งที่เป็นเด็ก ไม่มีอะไร มีแต่เรื่องเรียนหนังสือมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องอื่นเลย เขาคงมองไว้ตามสเตป คือ เรียนจบปริญญาตรีเสร็จก็ต้องเรียนต่อโท เรียนโทจบ ทำงานแล้วก็แต่งงาน เขาคงมองไว้อย่างนั้น แต่ตอนนี้มันเริ่มออกนอกเส้นทางแล้ว”

แสดงว่าเขาเป็นห่วงแอฟมากเลยสิ ?

“เป็นห่วงค่ะ แต่ว่าไม่ได้หวง เขาเห็นเราทำงานมาสักช่วงระยะหนึ่งแล้ว คงรู้แล้วว่าด้วยเราอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่ที่เขาดูแลเราดีด้วยมาตลอด ทั้งทางช่องเองด้วยและอาจิ๋มด้วย เลยไม่ค่อยห่วงมากค่ะ คุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วงมากกว่า ไม่ได้หวงอะไรหรอกค่ะ ที่บ้านไม่มีคำว่าต้องโทรฯไปบอก เพราะเราคุยกันตลอดเวลา จริง ๆ แล้วอีกหน่อยถ้าแอฟมีลูกก็คงเลี้ยงแบบนี้แหละ คุยกันทุกเรื่องอัพเดทตลอดเวลา เปิดเผยกันตลอดเวลาเขาเลยไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงค่ะ”



เพราะว่าที่ผ่านมาแอฟไม่เคยมีข่าวที่เป็นผลกระทบ กับงานด้วยรึเปล่า?

“ปกติไม่ได้ทำอะไร เพราะว่าแอฟเป็นของเราอย่างนี้ 5-10 ปีก็เป็นอย่างนี้ค่ะ”

ถ้าให้อธิบายความเป็นตัวเองออกมาจริง ๆ เป็นคนนิสัยแบบไหน ?
  

“เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ อาจจะสนิทกับใครได้ช้าหน่อย คือ เป็นคนที่ถ้าไม่ได้สนิทก็จะยิ้มได้คุยได้ แต่เป็นในระดับหนึ่งเท่านั้น จะมีช่องว่างที่จะศึกษาคน ซึ่งจริง ๆ แอฟ คุยได้กับทุกคนนะคะ แต่อาจจะไม่ได้กล้ามากที่เข้าไปคุยกับใครก่อน”

คนภายนอกมองว่าแอฟเป็นนางเอกที่เรียบร้อย บางทีเขาก็คิดว่า แอฟมีภาพความเป็น “นางเอกไฮโซ” ตรงนี้รู้สึกอย่างไร ?

“ถ้าถามจริง ๆ แอฟไม่รู้สึกอะไรนะคะ มันคงไม่ขนาดนั้น เพราะแอฟก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยมีคนถามว่าวางอิมเมจตัวเองไว้เป็นอย่างนี้รึเปล่า แต่แอฟในสายตาเพื่อนไม่ว่าตอนนี้หรือที่ผ่านมา ตอนเด็ก ๆ ก็เป็นอย่างงี้นะคะ แต่ถ้าใครมองเราว่าเรียบร้อย ก็เฉย ๆ นะ คนอาจจะติดภาพว่าเราเรียบร้อยมาก จริง ๆ แอฟไม่อยากให้ติดภาพ แอฟ สามารถเล่นได้ทุกบทบาท โชคดีที่ผู้ใหญ่ทางช่องไว้ใจส่งบทหลากหลายมาให้ เลยมีโอกาสได้แสดงหลายแนวด้วยค่ะ ซึ่งมันอาจจะไมใช่บุคลิกจริง ๆ ของเรา แต่ว่าเขาเชื่อว่าแอฟจะทำให้เขาได้ อย่าง   บท “โศรยา” ก็ไม่ใช่บุคลิกแอฟ เสียงแอฟไม่เคย ทำเสียงอย่างนั้นมาก่อน ที่บ้านยังถามว่าใครสอนให้ ลูกกรี๊ดอย่างนี้เนี่ย ไปฝึกกรี๊ดตอนไหน เขาดูเขายังขำกันเลย”

สิ่งเหล่านี้มันทำให้ชีวิตความเป็นแอฟเปลี่ยนบ้างไหม ?

“มีโอกาสดี ๆ ในการทำงานมากขึ้น ไม่ได้จำกัดแต่ในละคร พอมีคนชอบผลงานเราเยอะ แอฟมีโอกาสทำงานอย่างอื่นมากขึ้นด้วย ถ่ายหนังสือมากขึ้น ทำงานอีเว้นท์มากขึ้น ทุกอย่างสำหรับแอฟไม่ได้มองที่เรื่องเงิน มันเชื่อมโยงกันมา ถ้าละครไม่ได้ออนแอร์ตอนนี้แอฟก็ไม่ได้ถ่ายแบบเยอะ งานถ่ายแบบเป็นอีกงานที่แอฟชอบ เพราะมันได้เปลี่ยนลุคส์ แล้วเปลี่ยนมาก ๆ เลย มันไม่ได้ยากนัก ซึ่งมันก็เป็นภาพนิ่งมันเปลี่ยนได้ง่ายกว่าค่ะ”

วงการนี้แน่นอนว่าสาว ๆ มักมีเรื่องข่าวเรื่องผู้ชาย แล้วแอฟมีกรอบเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ?

 
“ไม่กลัวนะ ไม่ต้องกลัวหรอก มีพี่ ๆ ที่ดูแลเราเป็นอย่างดี คงไม่มีใครเข้ามาจีบหรอกค่ะ แอฟว่าพอมาเป็นนักแสดงแล้ว ยิ่งมีมาจีบน้อยลงด้วยซ้ำ ถ้าเขามาคุยคนจะบอกเขาว่าเป็นคนบ้าดาราหรือเปล่า โดยส่วนตัวแล้วเหมือนมันเป็นกรอบให้เราได้เลยนะคะ”



จริง ๆ แอฟชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ ?  

 “ชอบคนที่มีหลาย ๆ ด้าน มีความเป็นผู้ใหญ่ มีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ สามารถช่วยเราตัดสินใจวางแผนชีวิตได้ เพราะ  แอฟเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรล่วงหน้า อีก 3 ปีจะทำอะไรถ้าคิดเพ้อ ๆ ก็ได้ แต่ถ้าให้ซีเรียสวางแผนจริง ๆ ก็จะไม่คิดไม่ชอบ เอาตอนนี้ปีนี้ได้ไหม ชอบคนที่เราปรึกษาได้ทุกเรื่อง เหมือนเป็นเพื่อนช่วยเราในการวางแผนชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีบางมุมที่สนุกสนานกับเราได้ เหมือนยังเป็นเด็กอยู่ ไม่ใช่ว่าซีเรียสเกินไป ไม่งั้นคงเบื่อ ไม่ไหวค่ะ”

แล้วหมวดอ๋อล่ะ ยังคบกันดีรึเปล่า คบกันด้วยความเข้าใจไม่ค่อยมีปัญหากันใช่มั้ย ?

“เป็นผู้กอง (ร.ต.อ.ยุทธวัน รัตนะพร) แล้วค่ะ ไม่ใช่ผู้หมวด ปัญหาของการคบกันก็มีบ้างประปรายค่ะ ค่อย ๆ แก้ไขกันไป”

แอฟยึดอะไรบ้างเวลาคบกัน ?

“มันก็ทุกอย่างค่ะ แต่สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่ว่าเรามีความสุขที่จะเจอกันไหม คุยกันไหม โดยที่ไม่ต้องสื่ออะไรกันมาก”

แสดงว่าตอนนี้ทุกอย่างราบรื่นดี แล้วเขาเป็นห่วงเรามากมั้ย เพราะแอฟต้องไปไหนมาไหนมากขึ้น ?

“ก็เป็นห่วงค่ะ แต่เขาไม่ได้เป็นห่วงมาก เพราะเขารู้ว่าครอบครัวเราดูแลดีอยู่แล้วค่ะ”



เส้นทางนี้อนาคตไม่รู้ว่าจะเจอข่าวอะไรบ้าง ทั้งดีและไม่ดี แอฟมีวิธีรับมือกับมันอย่างไร ?
  
“ไม่เคยเตรียมใจไว้นะคะ แต่พี่ ๆ ถ้ามีปัญหาคงต้องปรึกษาพี่ ๆและอาจิ๋มก่อนคะ อีกอย่างเราทำงานอย่างนี้ไม่ได้กลัวไม่เคยนั่งวิตกกังวล เพราะแอฟรู้ว่าถึงแม้ว่าแอฟจะทำตัวยังไง วางตัวอย่างไร ก็ไม่มีวันที่จะถูกใจใครทุกคนได้หรอกค่ะ แต่แอฟไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนใจและกาย ก็โอเคแล้ว”

อนาคตนอกเหนืองานวงการบันเทิงที่ใครดูว่ามันไม่ค่อยมั่นคง รวมถึงที่บ้านด้วยเนี่ย แอฟอยากทำธุรกิจอะไรเป็นของตัวเองรึเปล่า ?

“คงอยากลงทุนมีกิจการของตัวเอง ตอนนี้ที่คิดไว้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาว่ากันนะ แต่ว่ามีคนถามเยอะ มันก็ปฏิเสธไม่ได้เราต้องฝัน ฝันว่าอยากมีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่างหนึ่ง อยากมีรีสอร์ทของตัวเองเล็ก ๆ ทุกวันนี้คุณพ่อก็มีบริษัทสถาปนิก ซึ่งในส่วนนั้นเราช่วยเหลือท่านไม่ได้ เพราะไม่ได้เรียนมา แอฟก็อยากจะมีกิจการเป็นของครอบครัว อยากจะให้คุณพ่อมาช่วยออกแบบให้ เพราะว่าพ่อแอฟเก่งมากด้านออกแบบเป็นด้านโมเดิร์น อีกอย่างน้องแอฟก็เรียนการโรงแรมมา เลยอยากมีกิจกรรมที่ดึงสมาชิกในครอบครัวมาไว้ด้วยกัน แล้วแอฟจะได้มีมรดกหรืออะไรสักอย่างร่วมกับน้องสาวค่ะ”

สุดท้ายนี้ฝากผลงานอะไรหน่อยมั้ย?

“จากนี้แอฟจะมีละครต่ออีก 2 เรื่อง หนัง 1 เรื่อง คือ “โบตั๋นกลีบสุดท้าย” เล่นคู่กับ อั้ม-อธิชาติ ค่ะ และอีกเรื่อง “ใจร้าว” จะเปิดกล้องต้นเดือน ก.พ.นี้ แล้วก็ยังมี “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3” ค่ะ ยอมรับว่าหนักเหมือนกัน คิวละครพอดี 7 วัน แต่คิวก็ขอกันได้ค่ะ” 
  
แฟน ๆ ก็ต้องมาเอาใจช่วยนางเอกสาวคนนี้กันหน่อย เพราะนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในระดับหนึ่งเท่านั้น....



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์