พระเอกคิวทองอั้มอธิชาติ ชุมนานนท์

ยากเพราะเรื่องนี้เล่นเป็นคนที่สภาพจิตใจไม่ปกติ ได้รับการกดดันจากการสูญเสีย จากคนที่มีชีวิตการทำงานที่ดี มีครอบครัวที่ดี แต่อยู่ๆ ลูกเมียตาย ตัวเองตกเหว หน้าเสียโฉมไปข้างหนึ่ง เพราะตัวนางเอกทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สภาพจิตใจของตัวละครเลยแย่ เหมือนคนไม่มีอะไรเหลือแล้วชีวิตนี้ ต้องเข้าสถานบำบัดจิต เป็นอะไรที่หักมุมมากในชีวิต พอเจอนางเอก เลยแก้แค้น ที่นางเอกทำชีวิตพัง ตอนหลังมาเห็นใจนางเอก เพราะรู้ความจริง จนสภาพจิตดีขึ้น แล้วก็แย่ลงใหม่ นางเอกก็ต้องมาดูแลเรา
 

อืมหลังๆ เริ่มไม่ค่อยมีคนส่งบทคนจิตใจปกติมาแล้วเนี่ย ถ้าไม่เป็นบ้าแบบละครเรื่อง ลมหวน ก็ต้องเป็นแนวซาดิสม์แบบจำเลยรัก ก็ดี ตอนนี้ให้เล่นเป็นคนปกติก็ยากแล้ว (หัวเราะ) มันก็ดี ทำให้มีไฟในการทำงาน ต้องไปศึกษาข้อมูลคนที่เขาเป็นโรคจิตแบบนี้อาการเป็นยังไง คลุ้มคลั่งเป็นยังไง อะไรเป็นสาเหตุทำให้สภาพจิตใจเขาเปลี่ยนเป็นแบบนั้น ก็ต้องไปทำการบ้านค่อนข้างเยอะ ในเรื่องนี้อ่านบทเป็นแนวค่อนข้างใหม่สำหรับละคร พระเอก-นางเอกไม่ปกติตั้งแต่ต้น แต่ไม่ใช่เป็นคนบ้ามาเล่นกันทั้งสองคน แต่มีส่วนที่ทำให้เห็น ว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ แล้วมันก็มีส่วนของการแก้แค้นกัน มีส่วนที่พระเอกโกรธนางเอกจนไม่ฟังอะไรเลย กระชากลากถู กระทำชำเรากันก็มี ก็ค่อนข้างยาก

โรคจิตซาดิสม์ วิปริต อย่างนี้เหรอ (หัวเราะ) ก็ดี ยินดีไม่มีปัญหา
 

กำลังจะมีงานละครของพี่ปิ่น(ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์) เรื่อง "โบตั๋นกลีบสุดท้าย" เป็นแนวดราม่า ลูกครอบครัวคนจีน มีผมกับน้องแอฟ (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) ตุ้ย (เกียรติกมล ล่าทา) กับ น้องพลอย (เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์) เรื่องนี้เล่นเป็นคนปกติ ถามว่าหนักไหม ก็หนักทุกเรื่อง เป็นอารมณ์ของคนที่อยู่ในครอบครัวใหญ่ พ่อไม่รัก แต่มันก็ท้าทาย ทำให้เราตื่นตัวตลอด ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง และมีไฟในการทำงาน
 

ก็ต้องขอบคุณผู้จัดที่ให้ความไว้ใจเพราะว่าผมถือว่าผมเป็นนักแสดง ถ้าได้รับบทที่ได้ใช้ความสามารถ หรือได้ใช้อะไรต่างๆ ที่เราจะต้องไปหาจากภายนอก มันก็เป็นพลังให้เรามีไฟในการทำงานเยอะขึ้น

ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคอมเมดี้ก็มีนะ มีคุยกับค่ายอาจิ๋ม (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) อาจิ๋มบอกว่าจะมีให้ได้ปลดปล่อยเต็มที่ ก็คุยกันแล้ว
 

จริงๆผมก็นานๆ ทำงานนะ แต่อยู่ที่ประสบการณ์ อยู่ที่ความเข้าใจการทำงานมากกว่า นักแสดงของช่องทุกคนงานก็เต็มกันหมด ละครเปิดเยอะ แต่นักแสดงก็ไม่พอ ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเบอร์ 1 อย่างที่บอกผมเป็นนักแสดง รักในงานของผม แต่ส่วนอื่นจะเป็นยังไง ผมไม่ทราบ ไม่ได้คิดเอาไว้ งานก็ไม่ได้จ่อออกอากาศตลอดนะ บาดาลใจ ก็ถ่ายยังไม่เสร็จ กว่าจะออกอากาศก็น่าจะเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน ก็เว้นช่วงเวลาเหมือนกัน
 

อุ้ยจริงๆ ผมออกงานกับน้องน้อยมากนะ 3 งานเอง คนอื่นเขารับกันไปตั้งเท่าไร
 

ถ้าว่างมีโอกาสก็เจอกัน

อันนี้ไม่ทราบจริงๆว่าปกติเป็นยังไง แล้วมากขึ้นกว่าเดิมเป็นยังไง แต่ผมลูกผู้ชาย ทำอะไรรู้จักใคร ก็ต้องให้เกียรติผู้หญิง รับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ เราพูด ผมรู้จักใครสักคนก็เต็มที่อยู่แล้ว ไม่ใช่มาเสแสร้งปิดบัง เราต้องให้เกียรติต่อคนที่รู้จัก อะไรที่ทำได้ก็ทำ ผมเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด
 

จริงๆก็ยังไม่ชินนะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบคือการรายงานคนละแบบ หรือแตกประเด็นให้ได้ข่าวในทางที่แปลก หรือไม่ดี ให้คนมาทะเลาะกัน ซึ่งผมไม่แฮปปี้ เช่นว่าเขียนข่าวว่าเราจับคู่กันเพื่อให้ได้งาน เพื่อโปรโมท หรือทำอะไรสร้างกระแส หรือหวังในสิ่งอื่นหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ ไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัวเลย จริงๆ เลือกมองมุมปกติก็ได้ การที่เราจะรู้จักใครสักคน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ เราไม่ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวเพื่อหาประโยชน์ในการทำงานด้านอื่น