ผู้ชายคนนี้ แอนดริว เกร็กสัน เขาเลือกทำในสิ่งที่รัก


"แอนดริว เกร็กสัน” ผู้ชายคนนี้ เราเชื่อแน่ว่าเขาคือดาราคนโปรดของใครต่อใครหลายคน เพราะด้วยเนื้องานและความสามารถ บวกกับหน้าตาที่ถูกใจสาว ๆ เขาคือพระเอกหมายเลขหนึ่ง ที่ผู้จัดหลาย ๆ คนหมายมั่นที่ให้เขาเป็นพระเอก แต่ล่าสุดอย่างที่เรารู้กัน แอนดริว กลับลำขึ้นมาเป็นผู้จัดเสียเอง และล่าสุดกับงานซิทคอมเรื่อง “เกมส์ลุ้นรัก” ที่เจ้าตัวบอกว่า ทำเรื่องนี้ด้วยความรัก ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในภาวะที่ไม่สบายตัวอย่างที่เคย และวันนี้แอนดริว จะมาพูดคุยกับเรา ถึงการทำงานครั้งนี้ และคำว่าอาร์ติสต์ที่ใคร ๆ ก็มอบให้เขา แต่สำหรับเขามันมีความหมายว่าอย่างไร ไปหาคำตอบกันได้กับหนุ่มคนนี้ “แอนดริว เกร็กสัน”
 
“กับงานละครเรื่อง เกมส์ลุ้นรัก ละครสนุกขึ้นครับ แต่ถ่ายล่วงหน้ามากไม่ได้ครับ เพราะต้องขายโฆษณาไปด้วย แล้วเศรษฐกิจในปีนี้ไม่ดี มันไม่เหมือนปีก่อน ๆ ที่บางคนเขาขายล่วงหน้าไว้ยาว ๆ แต่ปีนี้ไม่ได้เลย ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ มันกระทบไปกันหมด”

ท้อไหม ?
 
“ก่อนที่จะทำนายเขาเตือนก่อนแล้ว ว่าชะลอก่อนไหม ดูสถานการณ์ก่อนไหม เพราะตอนนี้แย่นะ เข้าไปลำบากนะ เขาเตือนแล้ว แต่เราแบบสู้ครับ เอาตอนนี้แหละครับ ก็คือรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะเจอแบบนี้”
 
แล้วกำไรไหม ?
 
“ธรรมดาครับ ทำตั้งแต่แรกไม่ได้คิดเรื่องกำไรเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว กำไรก็ดี ไม่กำไรก็ควักตังค์ตัวเองก็ไม่เป็นไร หมดก็หมดเมื่อไรก็เมื่อนั้น”
 
เป็นคนไม่ซีเรียสกับชีวิตเหรอ ?
 
“ผมยังไม่มีครอบครัว อยากจะทำงานมากกว่า อยากมีทีมงานทำงานมากกว่า คือจริง ๆ เราต้องระวังตัวมากขึ้น ก็คิดว่าจะเอาไหม ถ้าเอาก็ทำเลิกคิดเลยว่าจะกำไรหรือขาดทุน มันอยู่แค่ทำกับไม่ทำเท่านั้นเอง”



วางไว้ว่าละครของเราเองจะอยู่สักกี่ตอน ?
 
“ก็วางไว้คร่าว ๆ ครับ ก็พักใหญ่ ๆ แต่ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ เศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป ซึ่งเวลาที่ผมได้เป็นวันเสาร์ตอนบ่าย และเวลามันครึ่งชั่วโมง เป็นอุปสรรคอย่างเดียวที่คนเขาบ่นมา เขาบอกว่ามันสั้น แต่ที่พูดนี้ไม่ได้มาบ่นออกสื่อนะครับ ผมก็กลัวเจ้านายเข้าใจผิดเหมือนกัน ผมไม่อยากจะให้เจ้านายคิดอย่างนั้น เพราะเรารู้แต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งผมคิดว่ามันคือโจทย์อันหนึ่งที่เราต้องคิด และที่ผ่านมาใน  3 สัปดาห์ ดีขึ้นเพราะทำไปออกอากาศไป ทำให้เรารู้และเช็กว่าคนดูชอบแบบไหน ก็ปรับกันทุกอาทิตย์ครับ”
 
เหนื่อยไหม ?
 
“เหนื่อยครับ ตอบเต็มปากเต็มคำเลย ทำละครหลังข่าวก็เหนื่อย แต่อันนี้ก็เหนื่อยไปอีกแบบ เพราะว่าโจทย์มันไม่เหมือนกัน ถึงลักษณะงานจะคล้าย ๆ กัน และอันนี้ผมต้องออกไปขายโฆษณาเอง และมันมีตัวแปรอย่างอื่นด้วยคือเวลา และรูปแบบของงาน มีบางคนถามว่าออกมาครั้งนี้ทำไมไม่ดังเลย ซึ่งผมไม่อยากจะให้คิดอย่างนั้น และเราเอามาวัดกันไม่ได้ เมื่อก่อนผมเล่นละครหลังข่าวอย่างเดียว แต่ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้มันเปรียบกันไม่ได้”

อย่างนี้จะกลับมารับงานมากขึ้นไหม เพื่อที่จะหาทุนมาหมุนกับงานของตัวเอง ?
 
“(หัวเราะ ) คือก่อนที่จะทำผมก็พูดกับเจ้านายนะ ว่าถ้าเงินไม่พอเบิกล่วงหน้าก่อนได้ไหมครับ (หัวเราะ) เจ้านายเขาก็บอกว่าได้มีอะไรให้บอก ซึ่งเจ้านายเขารู้ว่าผมไม่เคยขายโฆษณาเอง และเขาเตือนแล้วว่า ถ้าขายไม่ได้เงินมันจะไปเร็ว มาก ถ้าไม่เตรียมให้ดี ๆ และ  อย่าอายถ้าไม่มีให้บอกล่วงหน้าเขาจะได้เตรียมอะไร กันทัน นั่นคือสิ่งที่เขาเตือน     ตอนแรก ๆ แต่มันยังไม่ได้  ขนาดนั้น”
 
ถึงตอนนี้ถ้าจะให้แอนดริว เลือกระหว่างการเป็นผู้จัดและนักแสดง ให้เลือกออกมาอย่างเดียว แอนดริวเลือกจะทำอะไร ?
 
“ให้เลือกตามใจตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าให้เลือก ณ เวลานี้ที่มันจำเป็นจริง ๆ อะไรจำเป็นกว่าเราก็จะเลือกอันนั้น ผมว่าเป็นนักแสดงก็เหนื่อยนะสำหรับผม มันเหนื่อยกันคนละแบบ แต่การเป็นผู้จัดมันได้ทำทุกอย่างเลย เหนื่อยสุด ๆ เลยครับ มันส์กว่าครับ”
 
ทำงานมาพอสมควรแล้ว แอนดริวคิดว่าวงการนี้เปลี่ยนไปเยอะไหม ?
 
“เยอะครับ โดยแกนมันเหมือนเดิม แต่วงการกว้างขึ้น สื่อเยอะขึ้น และบางส่วนตามตะวันตกอะไรมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนอยากจะอินเตอร์กันหมด วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากขึ้นซึ่งมันมีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี ผมคิดว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเอเชียหรือว่ายุโรป ผมว่ามันทันกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจในงานไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือว่าเบื้องหลัง แต่ความเจริญมันก็มาพร้อมกับความเสื่อม ส่วนใหญ่เวลาพัฒนาแล้วจิตใจไม่พัฒนาตาม”



เคยคิดแผนสำรองเอาไว้บ้างไหม ?
 
“ไม่เคยคิดว่าจะต้องมีแผนสำรองอะไร ก็คิดว่าจะทำงานวงการนี้ไป ถึงคนจะมองว่าวงการนี้มันไม่มั่นคงอะไร แต่ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น อาจจะด้วยที่ผมนับถือศาสนาคริสต์มั้งครับ เลยไม่ได้กลัวเรื่องอดเรื่องอะไร และอีกอย่างผมไม่มีครอบครัว พ่อแม่ เขาก็อยู่ของเขา ผมมีผมก็ให้เขา ไม่มีก็บอกเขา ก็เลยอยู่อย่างที่ไม่ต้องดูแลอะไรใคร เลยไม่ต้องมีความกังวลอะไร ก็มีลูกน้องที่จะต้องดูแลบ้าง”
 
แล้วไม่คิดถึงเรื่องครอบครัวบ้างเหรอ ?

 
“มีแล้วครับ พ่อ แม่ ลูกก็มีแล้ว สุนัข แมว ปลา อะไรก็เลี้ยงอยู่ (หัวเราะ)”
 
ด้วยวัยน่าจะมองบ้างนะ ?
 
“มันก็มีบางทีแบบว่าอารมณ์อยากจะมีใครบ้าง แต่มีแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือว่าไม่มีเวลาบ้างอะไรอย่างนี้ และด้วยความที่อยู่คนเดียว เป็นโสดมานานมันก็ชิน แล้วเกิดแบบว่ามีใครขึ้นมา ก็มองอีกมุมหนึ่งว่าเขาจะรับความงี่เง่าของเราได้ไหม แล้วถ้ามองในอีกมุมเราจะรับความงี่เง่าของเขาได้ไหม ถ้าจะฉาบฉวยง่าย แต่ถ้าจะแต่งงานมันต้องใช้เวลานานนะผมว่า ผมเอาหัวไปคิดเรื่องงานหมดตอนนี้”

ปิดตัวเองหรือเปล่า ?
 
“ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มองเลยนะ ก็มองก็มีแบบว่าลอง ๆ คุยดู แต่ว่าไม่ได้สานต่อ ก็บอกแล้วว่าช่วงนี้ในหัวผมเอาไปลงงานหมด”
 
ติสต์หรือเปล่า มีคนบอกหรือเปล่าว่าเราติสต์ ?
 
“ผมว่าคำว่าติตส์ มันมองได้หลายอย่างนะ คำว่าติสต์เนี่ยบางคนก็ใช้แทนคำว่าหมั่นไส้เล็ก ๆ แต่บางคนก็ใช้ในทางที่ดี บางคนพยายามแต่งตัว    แล้วเรียกร้องบอกว่าตัวเองเป็นอาร์ติสต์แต่ผมว่าอาร์ติสต์จริง ๆ เขาไม่ได้ คิดว่าตัวเองเป็น บางครั้งเราเห็นชาวนาเขาใช้ชีวิตเขา แล้วเขาไม่ยึดติด ผมรู้สึกว่านี้แหละอาร์ติสต์ เขาไม่ยึดติดอะไรมาก เขาสร้างงานเขา บางครั้งศิลปะอาจจะเป็นการใช้ชีวิตก็ได้ บางคนก็มีศิลปะในการพูด ผมว่านั่นมันศิลปะในการใช้ชีวิตมากกว่า”
 
คำถามสุดท้าย คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมหรือเปล่า ?
 
“(หัวเราะ) อันนี้ผมไม่ทราบครับ คงต้องไปถามคนอื่นครับ แต่วันนี้อาบน้ำถูสบู่มา (ทำท่าดมตัวเอง) ผมว่าก็ใช้ได้อยู่ครับ (หัวเราะ)”
 
จริง ๆ แล้วเราอยากจะบอกว่าผู้ชายคนนี้ อารมณ์ดีกว่าที่เราคิด และถึงแม้งานที่ทำยังไม่เป็นที่พอใจของใครหรือว่าตัวแอนดริวเท่าไรนัก แต่เราเชื่อว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น คำพังเพยคำนี้ยังใช้ได้อยู่นะแอนดริว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์