ผู้กำกับหม่ำ การันตี ´แหยม ยโสธร´ แซบอีหลี

ผู้กำกับหม่ำ การันตี ´แหยม ยโสธร´ แซบอีหลี

ใกล้จะได้ฤกษ์ออกฉายกันในวันที่ 8 กันยายนนี้แล้ว สำหรับผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของตลกชื่อดัง เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ หม่ำ จ๊กมก กับ "แหยม ยโสธร"

คราวนี้ไม่ใช่บู๊แอ็คชั่นคอมเมดี้ เหมือนกับเมื่อครั้ง "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" แต่จะมาในแนวรักเฮฮากวนประสาทฉบับอีสาน ที่ใครได้ดูเป็นต้องหัวเราะหงายท้องกันเป็นแถบ เพราะผู้กำกับหม่ำเขารับประกันมาเอง

หนังเรื่องนี้ มีเสน่ห์อย่างไรบ้าง

เรื่องของมุกตลกเรื่องนี้ผมเป็นคนคิดเองตลอดทั้งเรื่องเลย ทั้งภาษาอีสานที่ตัวละครเว่ากันก็มันเด็ดดวงแล้ว สีสันของฉาก โลเกชั่น เสื้อผ้าของบรรดานักแสดงก็ยังสดจนแสบตากันไปหมดทั้งกองถ่าย แม้กระทั่งควายที่ต้องเข้าฉากร่วมด้วยยังงงเลย ไม่รู้ว่าจะขวิดหรือจะเล่นด้วยดี (หัวเราะ)

ทำไมถึงเลือกเสื้อผ้าสีสดขนาดนี้

(หัวเราะ) ตอนเด็กๆ ผมดูหนังสมัยก่อน ที่มีสีแบบนี้แล้วมันประทับใจ หนังแบบบ้านนาบ้านนอกสีแจ๊ดๆ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานานแล้ว อีกอย่างคือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ย้อนยุค เราก็ต้องไปหาข้อมูลมาดู ว่าสมัยก่อนเสื้อผ้าชาวบ้านชาวช่องเขาเป็นยังไง เราก็เพิ่มความเว่อร์มันเข้าไป มันเลยออกมาแสบตาอย่างที่เห็น ลำพังเราเล่นกันเองมันก็ไม่เท่าไรหรอก แต่มีอยู่หลายฉากเลยล่ะที่ต้องมีควายมาเข้าฉากด้วย

บรรดานักแสดงไม่กลัวกันแย่หรือ

กลัวสิ เพราะเขาใส่เสื้อผ้าสีแสดบ้าง สีแดงบ้าง ต่างคนก็ต่างกลัวกันหมด ว่าควายมันจะเข้ามาขวิดไหม ไม่มีใครกล้าจะเข้าใกล้ควายเลย

แล้วควายล่ะ มีปฏิกิริยาอย่างไร

มันก็ทำท่าทำทางน่ากลัว มันมองเราด้วยสายตาแปลกๆ มันก็คงงงๆ อยู่เหมือนกันนะ ว่าไอ้พวกนี้มันเป็นตัวอะไร ทำไมมันถึงได้มีสีแดง สีเขียว สีส้มขนาดนี้ คือต่างคนก็ต่างกลัว แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก นานๆ เข้าก็เริ่มชินกันไปเอง ทั้งคนทั้งควาย

เห็นว่าสีของหนังก็ค่อนข้างจัดด้วย

คือแค่เสื้อผ้าหน้าผมที่มันอาจจะดูเหมือนว่าสุดๆ แล้ว แต่ผมก็ยังไม่สะใจ เอาให้มันสุดๆ ขึ้นไปอีก ด้วยการเพิ่มเทคนิคในเรื่องของการทำสีของหนังเพิ่มขึ้น ให้มันสีจัดขึ้น

เรียกเทคนิคนี้ว่าอะไร

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเทคนิคพวกนี้มันเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าชอบแบบนี้ อยากได้แบบนี้ ก็เลยอธิบายให้ทีมงานเข้าใจ สีสันของเรื่องนี้มันก็เลยออกมาแสบทรวงอย่างที่เห็น รับรองเลยว่าแสบแน่นอน ทั้งมุกตลก และโปรดักชั่น

แหม...แค่ได้ยินที่ผู้กำกับที่ฮาที่สุดในประเทศไทยพูดมาขนาดนี้ ก็เชื่อว่าคงจะเรียกน้ำย่อยของบรรดาคอหนังตลกได้ไม่น้อยแล้ว

ส่วนจะสนุกจริงสมกับที่คุยหรือไม่ และจะสามารถกวาดรายได้ทัดเทียมกับเรื่องแรกหรือเปล่านั้น ก็ต้องคอยลุ้นกัน อีกไม่นานเกินรอนี้แหละจ้า