บุ๋ม-ปนัดดาแฉ นาทีเตียงหัก

หลังจากที่ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี อดีตนางสาวไทยปี 2543 ออกมายอมรับว่าได้สิ้นสุดชีวิตครอบครัวกับสามีนักธุรกิจ วี-วีระพงศ์ พิพิธสุขสันต์ มาได้หลายเดือนแล้ว


โดยหอบลูกสาวน้องอันดามันมาเลี้ยงดูเอง ต่อมาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ต.ค. ที่เอสซี สาทรแมนชั่น สาทรซอย 5 บุ๋ม-ปนัดดาได้เดินทางมาบันทึกเทปรายการ “บางกอกรามา” ซึ่งจะแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ เพื่อเปิดใจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเลิกรากับสามี วี โดยมีจิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว รับหน้าที่พิธีกรรับเชิญ เป็นผู้ถามคำถาม โดยบุ๋มยังนำลูกสาวน้องอันดามันมาร่วมออกรายการด้วย


ทันทีที่เปิดรายการมีการนำภาพในอดีตตอนความรักยังหวานฉ่ำมาฉาย


ทำให้บุ๋มถึงกับน้ำตาคลอเบ้าคิดถึงวันชื่นคืนสุขในอดีตกับสามี ก่อนจะเปิดเผยว่า ไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมานั่งพูดเรื่องนี้ เรื่องการแยกทางกับสามีนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ตนเป็นดาราต้องคิดหนัก คิดเยอะว่า หากข่าวพวกนี้ออกมาจะมีผลต่องานหรือไม่ ที่ผ่านมาตนโดนข่าวแรงๆ มาตลอด มาวันนี้ก็ต้องเจอข่าวแยกทางกับสามีอีก ยอมรับว่าเป็นการยากมากกว่าจะผ่านไปได้ สภาพจิตใจแม้จะดีขึ้นแล้ว เพราะเรื่องผ่านมา 3-4 เดือนแล้ว แต่ก็ยังเศร้า และยืนยันตรงนี้ว่าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น 


จากนั้นบุ๋มยังได้พูดถึงเหตุผลหลักในการเลิกราว่า

เป็นปัญหาของเรา 2 คนจะรู้กันมากที่สุด ไม่มีมือที่ 3 แน่นอน เราอยู่ในสายตาของประชาชน อย่างที่มีข่าวว่าวีไปรับสาว ตนก็เคยถามเขาเล่นๆ เขาก็บอกว่าไม่เคยไป คุณวีเดินไปไหนก็รู้ว่าคนนี้สามีบุ๋ม

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ  


“จริงๆ เป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์เราไม่เหมือนกัน พอมาใช้ชีวิตด้วยกันก็ไม่ได้ บุ๋มก็รักงานของบุ๋ม คุณวีก็รักงานของเขา ช่วงเวลามันสวนทางกัน ทำให้เราห่างกันเรื่อยมา” บุ๋มกล่าวพร้อมทั้งยืนยันว่า แม้ภาพที่ออกมา จะดูเป็นผู้หญิงที่แข็ง ดุ แรง และพูดตรงๆ แต่เอาเข้าจริงกับคนที่ตนรัก ครอบครัว จะยอมตลอด จนต้องมานั่งคิดว่า ทำไมเราเหนื่อยอย่างนี้ พอมีปัญหาเราก็คุยกันตลอด เขาก็อยู่ในจุดที่ทำอะไรมากไม่ได้



ความคาดหวังในชีวิตของเรามาชนกันไม่ได้ นี่คือประเด็นหลักมากกว่า ปัญหาอื่นๆ เช่น


ปัญหาว่าบุ๋มมีปัญหาครอบครัวสามีก็มีส่วนที่ทำให้เกิดการแยกทาง แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก และไม่ใช่ ว่ารักจืดจางลง แต่มีเรื่องของเหตุผล มีการมองอนาคตข้างหน้าเข้ามาเกี่ยว ก็มาคิดว่าถ้ารักทำให้เกิดทุกข์ เราก็ต้องมาคุยกัน  

“คือบุ๋มกับคุณวีรักกันนะ และเราก็รักกันเหมือนเดิม” บุ๋มกล่าวยืนยัน

และกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นออกงิ้วใส่กันนั้น ม่ายสาวหมาดๆ ยอมรับว่าจริง แต่ทะเลาะกันเรื่องเล็กมาก เราทะเลาะกันได้ 3 ชั่วโมง มันเป็นจุดที่ทำให้มานั่งคิดว่า ทำไมต้องทะเลาะกันขนาดนี้ การมีปากเสียงมันเริ่มเยอะขึ้น เขาใช้คำพูดก็เป็นของวีแบบนี้ เลยคุยกันยาก 


บุ๋มทำงานหนักมาก กลับบ้านเขาก็หลับแล้ว

ชีวิตความเป็นอยู่มันไม่ได้ อย่างเรื่องบุ๋มส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง บุ๋มอยากให้เขาเรียนที่นี่มาก แต่เขามองว่ามันไม่จำเป็น ไลฟ์สไตล์การเลี้ยงลูกเราก็ต่างกัน” อดีตนางสาวไทยกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็แบ่งรับแบ่งสู้กับกระแสข่าวที่ว่า เป็นเพราะเข้ากับครอบครัวฝ่ายชายไม่ได้



โดยบุ๋มกล่าวว่า ต่างคนต่างมีชีวิต


บุ๋มเป็นเด็กนอก สามีมาจากครอบครัวจีน พออยู่เป็นครอบครัวก็ค่อนข้างยาก ส่วนคำถามที่ว่า จะมีโอกาสกลับมาคืนดีแค่ไหน ม่ายลูกหนึ่งกล่าวว่า ก็อยากกลับมาอยู่พร้อมหน้า 3 คน พ่อแม่ลูกเหมือนกัน แต่วันนี้อยู่ที่คน 2 คน ต้องเคลียร์กันก่อน วีเองก็ต้องเคลียร์จุดยืนเขาก่อน ไม่งั้นปัญหาก็ยังอยู่ในใจ ภาระของครอบครัวเขาทำธุรกิจแบบกงสี แต่บุ๋มมีภาระที่ไม่สามารถทำงานกงสีได้


จากนั้นบุ๋มได้เล่าถึงวันที่ตัดสินใจแยกทางกันเดินว่า

พอมีปัญหาถึงวันที่ตัดสินใจเลิกกันจริงๆ ก็คืนแหวนหมั้นแก่กัน โดยวียื่นมือมาให้บุ๋มถอดเอง ถอดแล้วใจหาย วันนั้นเป็นความรู้สึกที่หาทางออกไม่ได้ คิดไว้แค่ว่าถอด ณ วันนั้นไปเผื่อจะมีอะไรดีขึ้น


ส่วนเรื่องการเลี้ยงดูน้องอันดามัน ลูกสาวบุ๋ม กล่าวว่า

เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน สิทธิการเลี้ยงดูลูกจึงเป็นของแม่ ซึ่งตนจะทำหนังสือการขอเลี้ยงดูบุตรเป็นการตกลงไว้ด้วย ซึ่งได้บอกตั้งแต่ตอนท้องแล้วว่าไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ลูกต้องอยู่กับตน ซึ่งลูกสาวติดแม่มาก ส่วนค่าเลี้ยงดู คงแล้วแต่คุณวีจะให้ ส่วนตัวเองเลี้ยงลูกไหว แต่ที่ให้คุณวีดูแลด้วยเพราะอยากผูกเขาไว้ด้วยสายสัมพันธ์พ่อลูก ขอว่าส่งเสียลูกจนอายุ 20 ปีได้มั้ย คือถ้าสักวันหนึ่งวีมีภรรยาใหม่ ก็อยากให้รู้สึกว่าอันดามันเป็นลูกเขาอยู่  

พร้อมกันนี้ บุ๋มยังปฏิเสธข่าวที่ว่า ครอบครัวของฝ่ายชายไม่อยากได้หลานคนนี้

เพราะเป็นหลานผู้หญิง นั้นไม่เกี่ยวเลย เพราะที่บ้านมีหลานชายเยอะแล้ว กรณีที่มีหมอดูฟันธงว่าต้องเลิกกันไม่เกิน 2 ปีนั้น บุ๋มตอบในเรื่องนี้ว่า ไม่ว่าจะมีข่าวดีหรือไม่ดี คนที่ไม่หวังดีก็คิด ขนาดวันที่จะแต่งงานยังมายืนแช่งให้เลิกกัน ถ้ามัวแต่มาแคร์คนที่ยืนแช่งเรา สู้เอาเวลาที่เหลืออยู่เอามาให้ครอบครัว แฟนคลับ คนที่รู้จักบุ๋มดีกว่า เขาทายว่า 2 ปีเลิก แต่เราก็อยู่กันมาเกือบ 3 ปีนะ แต่ยอมรับว่าสภาพจิตใจแย่เหมือนกัน เวลาที่คิดถึงคืนวันเก่าๆ ขนาดไปทำงานพิธีกรที่โรงแรมดุสิตธานี ยังรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้เราเคยจัดงานแต่งงาน 


จากนั้นบุ๋มได้กล่าวด้วยว่า การออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ ไม่ใช่ต้องการสร้างภาพ

จะไปเหลือภาพอะไรให้สร้าง บุ๋มเป็นคนเปิดเผยมีแฟน แต่งงาน ท้อง เลิกกับสามีก็บอกตลอด ถ้าสร้างภาพคงไม่มานั่งบอกข่าวแบบนี้ บุ๋มอยากพูดเพราะลูก เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้กระแสข่าวออกไปเองจะดึงกลับมาไม่ได้ บุ๋มคิดว่าพูดให้ลูกเข้าใจได้เมื่อวันที่เขาพอจะรับรู้ ว่าทำไมพ่อแม่ถึงแยกทางกัน แต่เราก็ยังเป็นพ่อและแม่ของลูกกันอยู่” ม่ายสาวยังสวยกล่าว



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์