บิว-อนุรักษ์ แม่บ้านมีหนวด เปลี่ยนเพจเฟซบุ๊กเป็นแกลอรี่ภาพถ่าย


บิว-อนุรักษ์ แม่บ้านมีหนวด เปลี่ยนเพจเฟซบุ๊กเป็นแกลอรี่ภาพถ่าย

บิว-อนุรักษ์ "แม่บ้านมีหนวด" เปลี่ยนเพจเฟซบุ๊กเป็นแกลอรี่ภาพถ่าย

เพจเฟซบุ๊กที่มีเพียงภาพถ่าย ของคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้ชื่อเสียง ไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาหรือสวยงาม กลับมียอดคนถูกใจ 140,782 ภายในเวลาไม่กี่เดือน

ก้าวขึ้นเป็นผู้นำความแปลก ที่แฟนเพจบนโลกออนไลน์รู้จักกันดีในนาม "แม่บ้านมีหนวด" 

หญิงสาวในร่างชายหนุ่ม ผู้มีแนวทางเป็นของตัวเอง พรีเซ็นต์ตนเองออกมาในรูปแบบภาพถ่าย ที่มีแว่นดำเป็นเอกลักษณ์ ประสานกับการแต่งตัวที่หลุดโลก และการเลือกโลเกชั่นที่แปลกตา เช่น ท้ายรถขยะ ท้ายรถสองแถว บนป้ายรถเมล์ ในถังขยะ บนตึกร้าง ในห้องสุขา บนครัว บนกองขยะ ฯลฯ อย่างท้าทาย 

ด้วยมุมภาพที่สวย คอมโพสที่ใช่ ทำให้ภาพออกมาโดนใจนักเลงคีย์บอร์ดได้ไม่ยาก

"การเปิดเพจนำเสนอความเป็นตัวตน เป็นทางเลือกในการแสดงออกด้านความคิดที่ดีและเปิดกว้าง ทุกคนมีสิทธิเปิดเพจ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคนที่เข้ามาดูว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ถ้าเขาชอบก็มีสิทธิที่จะไปกดไลค์ เข้าไปดูรูปหรืออ่านข้อความ มันง่ายแค่คลิกเท่านั้นเอง 

เป็นคำอธิบายสั้นๆ จากเจ้าของเพจรูปภาพที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 เพียงไม่กี่เดือนก็กลายเป็นเพจยอดนิยมมีคนเข้ามาเยี่ยมชมและกดไลค์กว่าแสนคน




"แม่บ้านมีหนวด" หรือ "บิว-อนุรักษ์" อายุ 23 ปี เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2533 มีพี่สาว 1 คน เป็นคนจังหวัดสตูล จบชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านคลองขุด ก่อนจะศึกษาต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนสตูลวิทยา ความที่เป็นคนชอบภาพสวยๆ ตั้งแต่เด็ก เคยกระทั่งวาดรูปส่งประกวด ที่สุดตัดสินใจดั้นด้นเข้ากรุงเทพฯ มาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย จนสำเร็จปริญญาตรีสาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นสาขาที่เรียนทั้งด้านภาพวาดและภาพถ่ายที่ชื่นชอบ 

ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารการบันเทิงมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ กล้วยน้ำไท และรับงานอิสระ ด้านรายการบันเทิง

"เธอ" เล่าให้ฟังว่า เริ่มถ่ายภาพตอนอยู่มัธยม พอเข้ามหาวิทยาลัยจึงลงทุนซื้อกล้องถ่ายรูป และรู้สึกมีความสุขและสนุกกับการถ่ายภาพเก็บความรู้สึกในช่วงเวลานั้น "ไม่ได้มีแรงผลักดันอะไรมากมาย เราดำเนินชีวิตแบบนี้อยู่แล้ว เป็นคนเยอะ เป็นคนล้น เป็นคนเฮฮา สนุกกับเพื่อนฝูง มันเป็นชีวิตประจำวันที่ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพมากกว่า"
เธอเปิดการสนทนาโดยมี "ฉัตรพันธ์ ต้นรุ่งโรจน์" ช่างภาพคู่ใจ ที่บอกว่า "ว่าง" จึงตามมาด้วยมานั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ฟังเธอย้อนภาพอดีตอย่างตั้งใจ 

บิว เป็นคนชอบแต่งตัว มักจะจัดเต็มตลอด ตั้งแต่จำความได้ กระทั่งภาพถ่ายตอนเด็กๆ แม่จะจัดเครื่องแต่งตัวให้ครบชุดตลอด ทั้งเสื้อเอี๊ยม กางเกงมีขนเฟอร์ เสื้อลายมีถุงมือ มีหมวกติดขนนิดๆ สายตาก็มองจิกกล้องตั้งแต่ตอนนั้น ขณะเดียวกัน ก็เข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนเสมอ ทั้งร้องเล่นเต้นรำไม่เคยขาด 

"ครั้งหนึ่งเคยเล่นฟุตบอลตั้งชื่อทีมว่า "พรางชมพู" เป็นสาวประเภทสองทั้งทีม การแต่งตัวก็สไตล์แม่บ้านแบบในเพจ สวมเครื่องแต่งตัวเต็มยศ ใส่เสื้อสีชมพูติดเบอร์รัดติ้ว คู่กับกางเกงว่ายน้ำ บนศีรษะติดดอกไม้ ถุงมือเจ้าสาว ถุงเท้าคนละสีใส่คู่กับผ้าใบสีสวยงามกันทุกคน" 

ถึงตอนนี้หลายคนคงอย่างรู้จักตัวตนของเขาที่อยู่เหนือภาพถ่ายกันบ้างแล้ว...ตามมาเลย

- ที่มาของเพจ "แม่บ้านมีหนวด"?
ตอนแรกถ่ายรูปแบบที่เห็นในเพจลงเฟซบุ๊กของตัวเองแล้วแท็กรูปภาพไปโพสต์ที่หน้าวอลล์ของเพื่อนๆ ในกลุ่มทุกคน ส่งไปทุกวัน วันละเยอะมากจนหน้าวอลล์ของเพื่อนไม่มีรูปของตัวเอง จนเพื่อนๆ รุมกันต่อว่า เพื่อนคนหนึ่งเลยแนะนำว่าถ้าจะแปะรูปเยอะขนาดนี้เปิดเพจเลยดีกว่า เลยตัดสินใจลองเปิดเพจดู 

- ทำไมถึงใช้ชื่อ "แม่บ้านมีหนวด"?
การเปิดเพจจะต้องใส่ชื่อ ไม่เช่นนั้นเปิดไม่ได้ คิดอยู่ 1-2 วันก็คิดไม่ออก วันหนึ่งกำลังทำงานอยู่ตรงระเบียงห้อง ทำงานไปก็ตะโกนคุยกับเพื่อนคนที่แนะนำให้เปิดเพจถึงชื่อที่จะตั้ง คิดถึงคาแร็กเตอร์นู่นนี่นั่น แล้วก็เลยนึกถึงชื่อ "แม่บ้านมีหนวด" เพราะเรากำลังทำงานบ้าน และเราก็มีหนวด เลยได้ชื่อนี้มา

- คาดหวังกับภาพที่ลงหรือเปล่า?
ช่วงแรกๆ ที่เปิดเพจแล้วมีคนกดไลค์ประมาณ 2,000 คนก็คาดหวังมากว่าจะมีคนชอบภาพที่ลง พออีกรูปหนึ่งมีคนไลค์พันกว่าคน เริ่มรู้สึกว่าทำไมคนไลค์ไม่เท่ากัน ถ้าจะทำรูปให้คนถูกใจสักแสนคน ก็ต้องถ่ายรูปแสนรูป แบบนี้ผิดวัตถุประสงค์ เราถ่ายรูปเพราะเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ไม่ใช่ทำแล้วต้องถามคนอื่นว่าเราสวยไหม ดูดีหรือโอเคหรือเปล่า

วันนี้ถือว่าผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่ต้องลุ้นว่าดีหรือไม่ดี มาถึงช่วงที่นั่งลุ้นว่าเขาจะคอมเมนต์อะไรกลับมา ส่วนใหญ่เป็นคอมเมนต์เชิงว่ากล่าวแบบไม่ซีเรียส ติดตลกมากกว่า

อีกอย่างคิดว่าไม่มีภาพไหนที่ดีสำหรับทุกคน ตราบใดที่มันยังอยู่บนหน้าเรา (หัวเราะ) แต่เราไม่ได้ถ่ายแค่หน้าและชุด ยังมีการวางองค์ประกอบของภาพ มีเรื่องโลเกชั่น ซึ่งเรามองว่าเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เลยไม่ได้รู้สึกว่าไม่สวย ต่อให้เป็นหน้าเราก็รู้สึกว่าสวย รู้สึกดีกับตัวภาพ

- เห็นผลตอบรับในวันนี้?
อุ๊ย... ตกใจมากเพราะเราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ไม่หนักใจอะไรมากเพราะว่าเพจก็เกิดขึ้นมากมาย เพจเราไม่ได้เป็นเพจที่มีคนไลค์เยอะที่สุด เป็นแค่เพจกลางๆ แต่มีตัวบุคคลเลยทำให้คนจำหน้าได้มากกว่าเพจคำคมที่มีคนกดไลค์มากกว่า

- เริ่มเป็นที่รู้จัก?
เดี๋ยวนี้ก็เริ่มมีคนจำได้ เวลาไปถ่ายภาพที่ไหนมีคนรู้จักบ้างแล้ว อย่างเรื่องสถานที่เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนแทบไม่ต้องขอเลย ซึ่งปกติการขอสถานที่ก็แค่ไปบอกปากเปล่า เหมือนรถขยะ รถดูดส้วมที่จอดทิ้งไว้อยู่แล้ว เขาจะอนุญาตเต็มที่เลยหนู ข้างล่างก็ตะโกนเชียร์ไป เราก็ถ่ายรูปไป รถผ่านไปมาก็มองแต่เราไม่สนใจเพราะเลยความอายมานานแล้ว ไม่ใช่ไม่แคร์ แต่คิดว่าการแสดงความเป็นตัวตนไม่ใช่เรื่องน่าอาย 

  - รูปภาพทุกรูปใส่แว่นดำ?
ใช่ ใส่แว่นดำตลอด เพราะไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นหน้า 

 - การเตรียมตัวถ่ายภาพ? 
ปกติจะพกชุดใส่กระเป๋าติดตัวไว้อยู่แล้ว 2-3 ชุด จะพกไว้เกือบทุกแบบไว้เลือกถ่าย เจอสถานที่น่าสนใจจะได้แวะถ่ายรูปทันที การเตรียมถ่ายภาพแต่ละครั้งไม่ยาก ไม่ได้เตรียมอะไรมาก แต่ทุกคนมักจะคิดว่ายกกองไปถ่ายทำ แต่ความจริงทำงานคนเดียว มีเพื่อนที่เป็นตากล้องไปบ้างแล้วแต่ใครว่างไป ถ้าไม่มีช่างภาพก็ให้คนแถวนั้นทั้งที่รู้จักเราและไม่รู้จักช่วยถ่ายรูปให้ แสงก็เป็นแสงธรรมชาติ ใช้กล้องไอโฟนถ่าย แต่หลังๆ มีภาพจากกล้องดีเอสแอลอาร์ แล้วแต่ว่ากล้องไหนว่างก็ใช้กล้องนั้น
 
- ปัญหาและอุบัติเหตุที่เจอระหว่างถ่ายทำ?
ปัญหาที่เจอจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า เพราะเราเป็นคนตัวใหญ่หาชุดใส่ยาก บางตัวใส่แล้วปิดหลังไม่ได้ ชุดไหนที่ใส่ไม่ได้ก็ต้องเย็บใส่เอง 

ส่วนอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำไม่มี เคยแต่ขี่ม้าแล้วม้าพยศ ทำให้เราตกใจตอนนั้นก็ใส่กระโปรงส้นสูงเลยจิกเท้า แล้วม้าก็วิ่งคนก็จับ แต่ไม่เกิดอุบัติเหตุเสียทีเดียว

- บรรยากาศการถ่ายทำ
โอ้... ขำกันทุกรอบ คนที่มาดูการถ่ายทำก็จะ ขำ เฮฮา แต่เราหวาดเสียว อย่างล่าสุดที่ปีนไปบนรถสูงมาก หวาดเสียวสุดสุด คนอื่นคงไม่รู้สึก เพราะเอาแต่ขำกันอย่างเดียว

- ภาพที่ถ่ายยากที่สุด?
ส่วนมากเป็นภาพที่ต้องเล่นกับสัตว์ เพราะเดาอารมณ์ของสัตว์ไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเชื่องจะเล่นขนาดไหน ยากมาก คอนโทรลไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็มีภาพถ่ายกับเสือ ม้า ช้าง ฯลฯ

- ส่วนใหญ่ชอบเล่นกับผ้า กระโปรงพลิ้ว?
ภาพส่วนใหญ่จะเล่นกับผ้า แต่จริงๆ ผ้าเป็นแค่ชุดที่อยู่บนเรือนร่าง หลักๆ ที่เราเล่นก็คือคอนทราสต์ เป็นลักษณะตัดกันเป็นการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสองสิ่งที่อยู่ในลักษณะตรงกันข้าม ผ้าเป็นส่วนหนึ่งในคอนทราสต์ ชุด รูปแบบ สถานที่ หรือแม้แต่หน้าเราก็เป็นคอนทราสต์ มันเป็นเหมือนภาพที่อยู่ในนิตยสาร ลองแยกชิ้น แยกหน้า แยกตัว แยกชุดออกมาก็จะเป็นภาพธรรมดา พอรวมกันมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้ากันสักอย่างในรูปหนึ่งรูป

- รูปภาพเมื่อก่อนกับปัจจุบันมีพัฒนาการแตกต่างกันชัดเจน?

ใช่ เราโตขึ้น จากใช้ไอโฟนถ่ายมีความละเอียดไม่มาก ก็มีหลายคนแนะนำให้เก็บงานไว้ หลังๆ ก็เริ่มใช้กล้องดีเอสแอลอาร์บ้างแล้ว ส่วนภาพที่ดูแรงขึ้น เป็นเพราะกระแส รู้สึกว่าทำแบบนี้ไปแล้วก็จะทำเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่จะเพิ่มอะไรตรงไหน ต้องอาศัยจังหวะและโอกาส 


บิว-อนุรักษ์ แม่บ้านมีหนวด เปลี่ยนเพจเฟซบุ๊กเป็นแกลอรี่ภาพถ่าย


- ภาพที่ลงผ่านการเลือกอย่างไร?
ทุกรูปที่ถ่ายจะมีการคิดมาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีรูปไหนที่คิดว่าไม่เหมาะสม ไม่ควรจะลง อย่างรูปปฏิทินที่ลงไป เป็นรูปค่อนข้างโป๊ (นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ สวมเพียงรองเท้าส้นสูง) แต่จริงๆ มันไม่ได้โป๊ แค่เลียนแบบปฏิทินรุ่นเก่า แล้วเขียนคำว่า "แม่โขลง" ใช้ดาวมาติด ทำให้คนจินตนาการว่ามันโป๊ แต่ความจริงเราใส่กางเกงอยู่และเป็นแค่มุมกล้อง ซึ่งเราก็ตั้งใจให้เขาคิดไปในทางนั้น มันก็ได้ผลคนก็เชื่อ ทั้งที่เราไม่ได้บอก

เพราะการลงภาพไม่เหมาะสม อาจจะโดนแบนได้ มีอยู่ช่วงหนึ่งเป็นช่วงแรกที่เปิดมีคนมาป่วนเพจ เอาพวกคลิปโป๊มาแปะบนไทม์ไลน์ เราก็ต้องรีบไปบล็อก เพราะว่าถ้าถูกส่งเข้าไปในระบบเฟซบุ๊กแล้วเพจจะถูกบล็อกโดยอัตโนมัติ เราก็กลัว ถ้าโดนบล็อกด้วยภาพของเราเอง ไม่ซีเรียสเท่าโดนบล็อกด้วยเหตุผลแบบนี้ 

- ปกติมีคนมาป่วนเพจบ่อยไหม?
ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะเจอเป็นโรคจิต ส่งข้อความมา แต่เราโรคจิตกว่าเขาก็จะหายไปเอง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ช่วงแรกๆ หลังๆ ไม่ค่อยมี เพราะส่วนใหญ่คนที่เข้ามาดูภาพในเพจค่อนข้างเป็นคนที่มีวุฒิภาวะทางด้านความคิด หมายถึงคนที่คิดอะไรได้แล้วไม่ใช่เด็กๆ

- ครอบครัวเห็นเพจไหม สนับสนุนหรือเปล่า?
ไม่เชิงว่าสนับสนุนแต่ก็เฉย ที่บ้านเป็นสังคมต่างจังหวัดที่จะเป็นอีกสังคมหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ตามดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนัก แต่เคยเอาไปให้แม่ดู เขาก็ขำๆ บอกไม่จริงจังนักว่า "เปลี่ยนไปถ่ายอย่างอื่นไม่ได้เหรอ ทำไมต้องถ่ายอย่างนี้" ส่วนตัวก็โอเคนะ

- ได้อะไรจากการทำเพจ?
นอกได้ความสุข สนุก ส่วนตัวแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ในที่ที่เราไป บางครั้งไปเจอคนที่ตามกดไลค์เพจของเรามาขอถ่ายรูป ก็รู้สึกว่า เฮ้ย เขาชอบเรา เราไม่ใช่ดารานะ ไม่ใช่คนดัง ที่ไปไหนจะต้องมีคนตามกรี๊ด เราเป็นแค่บุคคลธรรมดา บางที่ได้รู้จักได้เพื่อนใหม่กลับมา 2-3 คน ซึ่งเราก็รู้สึกดี

หลายครั้งได้อ่านคอมเมนต์ว่าวันนี้เครียดมากได้ดูรูปคุณแล้วช่วยได้เยอะเลย จะรู้สึกดี เราทำภาพธรรมดา ไม่ได้คาดหวังกับจุดนั้น แต่ผลพลอยได้คือทำให้คนที่อารมณ์ไม่ดีรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ เริ่มมีแฟนคลับ หลายคนขอที่อยู่แล้วส่งของมาให้ หรือเวลาไปถ่ายรูปที่นิตยสารก็จะมีพี่เอาของมาให้ แรกๆ คิดบ้างว่าจะเป็นการฝากโฆษณาสินค้า แต่ส่วนใหญ่ของที่เอามาให้เป็นของกิน และของใช้อย่างพวก สบู่ โฟมล้างหน้าเราก็ใช้ คิดว่าเขาคงรับสภาพหน้าเราไม่ได้มากกว่า (หัวเราะ)

- สิ่งที่จะสานต่อจากเพจแม่บ้านมีหนวด?
ตอนนี้ก็ทำรายการแม่บ้านมีหนวดออกเรือน เป็นภาพเคลื่อนไหว เริ่มลงไปบ้างแล้ว ผลตอบรับดี แต่เรายังไม่ว่างจะทำต่อ (หัวเราะ) เป็นการตามติดชีวิตแม่บ้านมีหนวดใน 1 วัน แต่ก็จะใส่แว่นตลอดเวลาเหมือนเดิม

- อนาคตของแม่บ้านมีหนวด?
วันนี้ก็คงจะทำไปได้เรื่อยๆ ใช้เป็นที่เก็บรูปของเรา เป็นที่บันทึกความรู้สึกดีๆ ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งถ้าหากอิ่มตัวมันคงจะปิดตัวลง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันนั้น แต่ตอนนี้ ณ จุดนี้เราโอเคกับมันอยู่

บิว-อนุรักษ์ แม่บ้านมีหนวด เปลี่ยนเพจเฟซบุ๊กเป็นแกลอรี่ภาพถ่าย


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด


แม่บ้านมีหนวดแม่บ้านมีหนวด

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์