บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับปี 2556 ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมาวงการบันเทิงไทยก็มีเรื่องราวมากมายให้ตื่นเต้นตลอดเวลา 

งานนี้  เลยไม่พลาดประมวลเรื่องราวเด็ด ๆ มาฝากแฟน ๆ กัน แต่จะแซบแค่ไหน ต้องรีบไปดูกัน    

ประเดิมต้นปีด้วยข่าวใหญ่สะเทือนวงการจอแก้ว เมื่อ “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ละครดังทางช่อง 3 ค่าย “เมตตามหานิยม” ที่มี นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช เป็นผู้จัดฯ นั้น อยู่ ๆ ก็ถูกสั่งถอดตอนอวสานกลางอากาศ ชนิดช็อกทุกคน โดยทางช่องให้เหตุผลว่ามีเนื้อหาบางตอนที่ไม่เหมาะสม ท่ามกลางข้อกังขาของแฟน ๆ ละคร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าการแบนครั้งนี้น่าจะมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

 ซึ่งมีกระแสออกมาว่าเป็นคำขอจาก “คนทางไกล” ซึ่งไม่พอใจละครเรื่องนี้ที่มีการสร้างตัวละครตัวหนึ่งให้มีลักษณะเป็นนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับธุรกิจดาวเทียม และตัวละครดังกล่าวเป็นตัวร้าย ทำให้ถูกมองว่าสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาเพื่อจงใจให้พ้องกับนักการเมืองชื่อดังของประเทศไทย 

แม้ทางตัวแทนของทางพรรค “เพื่อไทย” และนาย พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่หลายคนเชื่อว่าเป็น “คนทางไกล” จะออกมาชี้แจงว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบนดังกล่าวแล้ว แต่ก็มิอาจจะห้ามความคิดของประชาชนที่เชื่อว่าต้องมีการแทรกแซงได้ รวมทั้งยังมีการเรียกร้องให้นำตอนจบของละครกลับมาฉายด้วย

 อย่างไรก็ดีจากการแบนดังกล่าวได้ส่งผลให้ทาง กสทช. เรียกผู้บริหารของสถานีเข้าไปชี้แจงถึงเหตุผล แต่ท้ายที่สุดทางช่องก็ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการฉายตอนจบและไม่มีการเข้าไปชี้แจงใด ๆ กับทาง กสทช...เรียกว่าจนถึงวันนี้ 

ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าฉากไหนใน “เหนือเมฆ 2” ที่ไม่เหมาะสม และทางช่องมีเจตนาอื่นแอบแฝงในการแบนละครดังกล่าวหรือไม่ 


บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


ด้านวิก 7 สีก็ไม่น้อยหน้า เพราะละครฟอร์มยักษ์อย่าง “ฟ้าจรดทราย” ค่าย “ดาราวิดีโอ” ก็ถูกชาวมุสลิมลุกขึ้นมาโวยถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหาที่มีฉากกอดจูบและพลอดรักของพระนาง ที่ตามเรื่องยังไม่ได้สมรสกัน ซึ่งถือว่าเป็นการบิดเบือนหลักของศาสนา แต่ท้ายที่สุดเรื่องก็จบลงได้สวย เมื่อทาง หลุยส์-สยาม สังวริบุตร ผู้กำกับนั้น ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการปรับแก้บทที่เหลืออีก 8 ตอน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากทาง “จุฬาราชมนตรี”มาร่วมดูแลให้ถูกต้องตามหลักศาสนา เรื่องนี้จึงฉายได้จนถึงตอนจบ

มาต่อด้วยเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญไปทั้งวงการเมื่อดาราเลือดร้อน พี-ปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์ ยิงเจาะกะโหลก นาย นพปฎล อธิบาย หรือ “เอ” หุ้นส่วนร้าน “มิวส์” เสียชีวิต เนื่องจากฉุนที่ผู้ตายเข้ามาห้ามตัวเองระหว่างที่ทะเลาะกับแฟนสาว น.ส.สุธาสิณี งิ้วงาม หรือ “น้องปุ๊ก” ลูกสาวเซียนพระชื่อดัง “ป๋อง สุพรรณ” แรกเริ่มนั้นนักแสดงดังกล่าวได้บอกว่าตนทำปืนลั่นและได้ใช้เงินสดจำนวน 2 แสนบาทประกันตัวออกไป แต่เมื่อได้เห็นภาพวงจรปิดที่มีลักษณะเหมือนจ่อยิงแล้ว ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งหลังจากที่ตำรวจตรวจสอบพยานหลักฐานครบแล้ว ก็มั่นใจว่าไม่ได้เป็นการทำปืนลั่นแน่นอน

 ต่อมานักแสดงหนุ่มก็มอบตัวและได้ยอมรับว่าตั้งใจยิงจริงเนื่องจากความโมโห ท้ายที่สุดทางเจ้าหน้าที่จึงได้ฟ้องดาราหนุ่ม 4 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, มีอาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันใด และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ซึ่งด้านดาราหนุ่มก็มิได้โต้แย้งใด ๆ 

รวมทั้งมีแพลนบวชเพื่อขออโหสิและอุทิศกุศลให้ผู้ตายด้วย... ทำผิดก็ต้องรับกรรมตามที่ทำกันไป


บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


บุคคลที่มีเรื่องเข้าโรงพักและขึ้นหน้าหนึ่งมาตลอด หนีไม่พ้นนักแสดง-นายแบบจอมฉาวเลือดไต้หวัน ฮาเวิร์ด หวัง ที่ปีนี้ก็มีข่าวค(ร)าวแสบ ๆ มาฝากเหมือนเช่นเคย เมื่อแฟนสาว น.ส.อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์ หรือ “เอ็มมี่ แม็กซิม” โร่แจ้งความข้อหาบุก  รุก กรณีที่ฮาเวิร์ดปีนกำแพงขึ้นไปที่ระเบียงห้องนอนของเอ็มมี่ ใช้ข้อศอกกระแทกกระจกแตก และใช้เลือดตัวเองเขียนข้อความที่ราวกั้นระเบียงไว้ว่า “ไอ เลิฟ ยู บัท ยู ด้อนท์” งานนี้มิสแม็กซิมเปิดใจว่าตนเคยคบหากับนักแสดงจอมฉาว แต่ตอนหลังนั้นขอเลิกกันไป ซึ่งเอ็มมี่ไม่ได้มีเจตนาจะแจ้งความเอาผิดแค่อยากให้ลงบันทึกประจำวันเท่านั้น แต่เรื่องราวกลับบานปลายขึ้น 

เมื่อจากการตรวจสอบทำให้ความแตกว่า ฮาเวิร์ดนั้นถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เนื่องจากพัวพันหลายคดี ทั้งทำร้ายร่างกายและยาเสพติด แต่เจ้าตัวก็เปลี่ยนชื่อเป็น “หวัง ลี จิง” แล้วแอบลักลอบเข้ามาในประเทศ ร้อนถึงตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ต้องไปนำตัวมาควบคุมที่เรือนจำพิเศษ หลังจากนั้นทางอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 จึงได้มีคำสั่งขอให้ปล่อยตัวในคดีบุกรุก 

และส่งตัวฮาเวิร์ดไปที่สถานที่ควบคุมผู้ต้องขังต่างด้าวที่ สตม. เพื่อรอผลักดันออกนอกประเทศต่อไป อย่างไรก็ตามหนุ่มฮาเวิร์ดได้ยื่นขอประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าจะขอจัดการเรื่องข้าวของและบวชในประเทศไทย จากนั้นฮาเวิร์ดได้ตัดสินใจบวชเพื่อทดแทนคุณมารดา 

หลังที่เคยตั้งใจจะบวชมาถึง 2 ปี... ก็หวังว่าปีหน้าฟ้าใหม่เขาจะไม่มีชื่อติดในข่าวฉาวอีกนะ!!

ส่วนนักแสดงสาวดาวรุ่งจากซีรีส์ดัง “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น” น้อง ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ วัย 16 ปี ก็ทำเอาแฟน ๆ ถึงกับช็อก ที่อยู่ ๆ มีภาพหลุดเจ้าตัวกำลังเสพยาไอซ์ออกมา โดยงานนี้คุณพ่อนักแสดงสาว นายสุรศักดิ์ เป็นคนเปิดปากเองว่าลูกสาวได้ทดลองเสพยาไอซ์จริง แต่ทำไปเพราะยังเด็กและขาดประสบการณ์ชีวิต ส่งผลให้มีการพักงานในวงการบันเทิงของปันปันไปช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ดีผลจากการตรวจปัสสาวะปันปันออกมาว่าไม่พบสารเสพติดใด ๆ คดีจึงยุติเพียงเท่านี้ 

แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ แม้ว่าพ่อของปันปันจะออกมายอมรับว่าลูกสาวเสพยาจริง แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศพส. กลับมาแปลก บอกว่าปันปันไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด งานนี้เลยเหมือนจะลามไปถึงการเมือง เมื่อเกิดเสียงเมาท์สนั่นโลกออนไลน์ว่าที่เรื่องปันปันสิ้นสุดเร็ว เพราะเธอสนิทสนมกับหลานของนักการเมือง ร้อนถึงมารดาของปันปันจึงได้ออกมาโต้ว่านักแสดงสาวแทบจะไม่รู้จักใครเลยด้วยซ้ำ 

...ผิดแล้ว ก็ต้องจำไว้เป็นบทเรียน


บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


มาที่ข่าวดีในวงการกันบ้าง กับการจดทะเบียนสมรสที่เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ของนางเอกสาวฉายา “แบ๊วฉกทะเบียน” เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ กับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังเมืองปากน้ำ เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตสามีของนักร้องเสียงคุณภาพ ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย ซึ่งเรื่องนี้มาความแตกเมื่อมีภาพของนางเอกคนดังถ่ายรูปร่วมกับพี่เอ๋และนาย วัฒนา อัศวเหม อดีตนักการเมืองที่กำลังหลบหนีหมายจับคดีทุจริตอยู่ในขณะนี้ ทำเอาคนยิ่งสงสัยในสถานะที่ไม่น่าธรรมดา นอกจากนี้เหล่านักสืบโลกไซเบอร์ยังขุดคุ้ยรูปที่สาวเจนี่โพสต์ในไอจีส่วนตัว

 จนสามารถเชื่อมโยงได้ถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งคู่ภายใต้แฮชแท็คคำว่า “#MBHJA” (#เอ็มบีเอชเจเอ) และเมื่อทนต่อกระแสสังคมไม่ไหว ในที่สุดทั้งคู่จึงจูงมือกันออกมาแถลงว่าได้คบหากันจริง 5 เดือนแล้ว แถมยังจดทะเบียนสมรสแบบสายฟ้าแลบในช่วงเช้าของวันแถลงข่าวด้วย รวมทั้งเพื่อการันตีว่าฝ่ายหญิงไม่ได้ป่องก่อนแต่ง ในวันนั้นจึงได้พ่วงใบตรวจการตั้งครรภ์มาโชว์ แถมยังเผยอีกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับ ตู่-นันทิดา มานานกว่า 10 ปีแล้ว และส่วนตัวก็ไม่ได้จดทะเบียนกับอดีตภรรยาด้วย

 ซึ่งหลังจากที่ข่าวนี้ออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างถล่มทลาย ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความเห็นใจสาวตู่เป็นอย่างมาก

 รวมไปถึงมีคนเข้าไปคอมเมนต์ในทางลบบนไอจีของนางเอกสาวมากมาย จนทำให้เธอต้องปิดไอจีกันเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานด้านคุณสามีเอ๋ก็ออกมาประกาศว่าให้ติดตามเรื่องราวของเจนี่ได้ในไอจีตัวเอง 

แถมยังหมั่นโชว์รูปคู่หวานอวดแฟน ๆ ให้อิจฉาเล่นอยู่เสมอ...เรียกว่าขึ้นแท่นเป็นมาดามเจนี่ไปอีกคน

บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!



ส่วนที่ช็อกไม่แพ้กัน ก็คือคู่หวานขนาดตายแทนกันได้อย่าง หนุ่มฉายา “ค้นฟ้าคว้าเมีย” โตโน่ เดอะ สตาร์ หรือ ภาคิน คําวิลัยศักดิ์ และนางเอกสาวที่คิดว่าตัวเองเป็น “คนตรง” แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ เจ้าของฉายา “ฝีปากไร้ตะกร้อ” ที่ตั้งแต่คบหากันมาก็มีข่าวในแง่ลบอยู่เสมอ เหตุเพราะฝ่ายหญิงมักพูดจาที่รุนแรง ประกอบกับฝ่ายชายเองที่ดังมาจากเวที “เดอะ สตาร์” เลยมีแฟนคลับเหนียวแน่นคนหนึ่ง อย่างไรก็ดีทั้งคู่ได้ทำให้หลายคนถึงกับตกใจไปตาม ๆ กัน เมื่อพวกเขาตัดสินใจเข้าพิธีหมั้นแบบคริสต์อย่างสายฟ้าฟาด ในงานก็มีเพียงแค่ญาติสนิท และคนที่สาวแตงโมคิดว่ารักและรู้จักทั้งคู่อย่างแท้จริงเท่านั้นมาเป็นสักขีพยาน

 ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็หนีไม่พ้นเสียงวิจารณ์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นในเชิงลบ ซึ่งทุกครั้งที่มีเสียงวิจารณ์ในแง่ไม่ดี ฝ่ายหญิงก็จะตอบโต้อย่างรุนแรงทันที นอกจากนี้เพราะการแต่งงานกะทันหัน เลยมีเสียงเมาท์สนั่นว่าสาวแตงโมอาจจะเบนโลด้วย แต่ไม่ว่ากระแสสังคมจะเป็นเช่นไร ทั้งแตงโมและโตโน่ก็ยังเดินหน้าโชว์ความหวานด้วยการโพสต์รูปในงานหมั้นลงไอจีส่วนตัวของทั้งคู่ให้แฟน ๆ เข้ามาแสดงความยินดีกัน

 ...ก็ยินดีกับทั้งคู่และขอให้ฝ่าฝันมรสุมไปตลอดรอดฝั่งกับเส้นทางชีวิตที่เลือกก้าวไปด้วยกันนะ 

ส่วนคู่นี้ต้องบอกว่าฮือฮามาตั้งแต่ปีที่แล้ว และในที่สุดก็ได้ฤกษ์ฉลองงานวิวาห์ในปีนี้ สำหรับซินเดอเรลลาเมืองไทย ตั๊ก-บงกช คงมาลัย กับเจ้าสัวหมื่นล้าน “พี่ใหญ่” หรือ บุญชัย เบญจรงคกุล โดยพ่วงข่าวดีว่าสาวตั๊กนั้นตั้งท้องเรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งในงานฉลองแต่งนั้นก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน ส่วนสินสอดก็ไม่น้อยหน้าใคร เพราะแว่วว่ามีแหวนแต่งงานรวมมูลค่าล้านกว่าบาท นอก จากนี้ยังมีเช็ค 100 ล้านบาทด้วย ซึ่งหลังจากแต่งงานได้ 6 เดือนพี่ใหญ่ก็ได้เฮเมื่อภรรยาสาวได้คลอดลูกชายตั้งชื่อว่า ชีวกิตติ์ ชื่อเล่นว่า “ข้าวหอม”

เรื่องนี้จัดว่าเด็ดเพราะเป็นคดีที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน เมื่อพระเอกคนดังวิก 7 สี อย่าง เคลลี่ ธนะพัฒน์ ได้ยื่นฟ้องว่าที่พ่อตา นายฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล บิดาของแฟนสาว กรีน-อัษฎาพร ในคดีหมิ่นประมาท เนื่องจากไม่พอใจที่ว่าที่พ่อตาส่งจดหมายข่มขู่ให้ตัวเองเลิกคบกับแฟนสาวไปให้ทางช่อง เพราะเห็นว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน พระเอกหนุ่มเลยต้องยื่นฟ้องเพื่อปกป้องศักดิ์

ศรีของตัวเอง ซึ่งงานนี้เรียกเสียงวิจารณ์กระหึ่มอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว โดยเฉพาะสาว กรีนที่ดูจะน่าเห็นใจมากที่สุด เพราะเธอเป็นคนกลาง และหนีไม่พ้นถูกมองว่าเป็นลูกอกตัญญู เนื่องจากเธอเหมือนจะยืนข้างแฟนหนุ่ม แต่ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี ซึ่งหลังจากการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันแล้ว ด้านเคลลี่ก็ขอเป็นฝ่ายถอยยอมถอนฟ้อง พร้อมก้มลงกราบขอขมาว่าที่พ่อตา โดยอ้างว่าที่ผ่านมาเป็นเรื่องเข้าใจกันผิด ...

โอ้มายก็อด! พิลึกกว่านี้มีอีกมั้ย ว่าแต่แต่งงานกันไปพ่อตากับลูกเขยจะตีกันมั้ยเนี่ย



บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!

มาถึงนักร้องสาว “สั้นเสียเหลี่ยม” ใบเตย อาร์สยาม ที่ครั้งนี้เธอแน่นอกมาก เลยอยากเล่าบรรยากาศการไปครวญเพลงพร้อมนั่งทานข้าวชิลชิล กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยไป 2 ครั้งฟาดค่าตัว 1 ล้านบาท แถมยังได้กระเป๋าแบรนเนมสุดหรู พ่วงสิทธิพิเศษส่วนลดบ้านใหม่ที่หมู่บ้านบลูเลอวาร์ดด้วย งานนี้เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งเมืองเลยทีเดียว และหลังจากที่ข่าวนี้ออกไปก็เรียกเสียงวิจารณ์อย่างล้นหลาม ทำเอานักร้องเสมอหูที่เป็นคนตรง ๆ ถึงกับเครียดจัดและเก็บตัวเงียบ ร้อนถึงทางต้นสังกัดต้องออกมาชี้แจง ...

สาวใบเตยเลยได้รับบทเรียนว่า แม้จะเป็นคนตรงแต่ก็ต้องคิดก่อนพูด อย่างไรก็ดีเรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะอยู่ ๆ ก็มีภาพอดีตนายกฯทักษิณเดินจูงมือสาวนิรนาม ที่ดูแล้วหน้าละม้ายสาวใบเตยหลุดออกมา งานนี้ใบเตยเลยต้องโร่ออกมาแจงว่าไม่ใช่ตัวเองแบบน้ำตานองหน้า พร้อมบอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อการเมือง อย่างไรก็ตามเหล่าบรรดาสาวกสาวใบเตยได้พยายามงัดหลักฐานมาสู้ ด้วยการโพสต์ภาพที่ตกเป็นข่าวกับภาพของ เอม พินทองทา ลูกสาวอดีตนายกฯ ในชุดที่เหมือนสาวในรูปมาเปรียบเทียบกัน พร้อมสรุปว่าหญิงสาวในรูปอาจจะเป็นเอมก็ได้

ด้านพระเอก “เกรียนมึนโฮ” บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ปีนี้     ก็ฮอตไม่แพ้ใคร เมื่อถูกสาวนิรนามเอาภาพออกมาแฉว่า ได้ฟีเจอร์ริ่งกินตับคนที่หน้าคล้ายบอยที่เกาหลีใต้ถึง 4 ยก ทำเอาพระเอกเครางามถึงกับคอตก ออกมายอมรับทั้งน้ำตานองหน้า ว่าเป็นตัวเองจริง ๆ ซึ่งในวันแถลงข่าวก็มีแฟนคลับเดินทางมาให้กำลังใจหนุ่มบอยถึงตึกมาลีนนท์ พร้อมส่งเสียงเชียร์อย่างท่วมท้น ทำเอาเจ้าตัวถึงกับปล่อยโฮอีกรอบ แถมกระแสในโลกโซเชียล ส่วนใหญ่ยังเห็นใจพระเอกคนดังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นก็เกิดปฏิบัติการตามล่าผู้หญิงกินตับบอย 

ที่ว่ากันว่าสาวคนนั้นคือ “กระต่าย-แม็กซิม” บ้าง บางคนก็บอกว่าเป็นเหยี่ยวข่าวสาวสวยจากสื่อบันเทิงหนึ่งบ้าง ซ้ำร้ายยังมีคนแคปภาพจากคลิปลักษณะชายหญิง 2 คนกำลังเปลือยกายอยู่บนที่นอนด้วยท่าทางต่าง ๆ แล้วนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์พร้อมระบุว่าเป็นบอยกับสาวที่ตกเป็นข่าวที่ประเทศเกาหลีอีก 

งานนี้หนุ่มบอยเลยของัดไม้ตาย หากใครยังโพสต์รูปหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง

 เจ้าตัวก็จะนำเรื่องเข้าแจ้งความเตรียมฟ้องร้องต่อไป


ส่วนปีหน้าจะมีข่าวดี ข่าวเด็ด หรือข่าวดับอะไรออกมาอีก ต้องติดตามอย่ากะพริบตา!!!.

บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!


บันเทิงปีงูเล็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหนือ การคาดเดา!

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์