บันเทิงข่าวสด คำต่อคำ ′ธัญญ่า&พิ้งกี้′


           ปีที่ผ่านมามีหลายเรื่องของวงการบันเทิงไทยที่เป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ หนึ่งในนั้นไม่พ้นเรื่อง "รักสามเส้า" ระหว่างดาราสาว ′ธัญญ่า′ธัญญาเรศ เองตระกูล กับนางเอกสาวรุ่นน้อง ′พิ้งกี้′สาวิกา ไชยเดช ที่ ′ธัญญ่า′ ในฐานะภรรยาของ ′เป๊ก-สัณชัย′ ออกมาเปิดโปงว่าหนูพิ้งกี้ไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสามีตัวเอง แต่ดาราสาวออกมาปฏิเสธหัวชนฝา จนกลายเป็นข่าวใหญ่ติดต่อกันหลายเดือน

แม้ฝ่ายที่ตั้งข้อหาจะหอบลูกบินไปอยู่อเมริกา และฝ่ายที่ถูกกล่าวหาจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างไทย-อินเดีย แต่ข่าวนี้ก็ยังคงอยู่ในใจคน

วันนี้มีโอกาสได้ถามคำต่อคำจากปากของทั้งคู่ ว่าที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นและได้บทเรียนอะไรบ้าง มาฟังกัน

มองชีวิตตัวเองที่ผ่านมาว่าเป็นในด้านบวกหรือด้านลบมากกว่ากัน?

พิ้งกี้ - "ก็มีทั้งด้านบวกและด้านลบค่ะ ในด้านบวกอาจจะเป็นเรื่องที่ได้ไปเล่นหนังอินเดีย ซึ่งประสบการณ์จะหนักหน่วงมาก ซึ่งอาจจะยังไม่เห็นภาพในตอนนี้ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เราทุ่มเทมันต้องออกมาดี ส่วนด้านดีเรื่องอื่นๆ ก็มี อย่างไปเล่นคอนเสิร์ตกับพี่เบิร์ด-ธงไชยที่อเมริกา และก็มีเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องค่ะ

ส่วนด้านลบก็อย่างข่าวที่เกิดขึ้น แต่กับเราอาจจะเยอะเหมือนสึนามิที่มันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิด กับข่าวที่เกิดขึ้นมันหนักค่ะ สำหรับเราที่เป็นขวัญใจของประชาชน ข่าวนี้คนที่ไม่เข้าใจและซ้ำเติมก็มีเยอะ เรื่องนิดหนึ่งแต่พอบานปลายไปข่าวก็เริ่มไม่มีที่สิ้นสุด บางทีก็เป็นข่าวจากความเห็นของใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้รู้จริงก็เกิดเป็นข่าว"

ธัญญ่า - "คงตอบยากว่าบวกหรือลบ เพราะมันผสมกันไป ปีที่ผ่านมามีความสุขกับการที่อยู่กับลียา ลูกสาวมันเป็นสิ่งที่วิเศษสุด ถ้าใครไม่มีจะไม่รู้หรอก ถึงแม้ว่าญ่าไม่ได้ท้องเขาเองแต่สัมผัสได้ถึงความรักและความบริสุทธิ์ของความรักที่แม่ลูกมีต่อกัน คือห่วงเขาทุกๆ เรื่อง ที่ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยห่วงใครได้มากขนาดนี้ แม้กระทั่งพ่อแม่เราเองก็ตาม ทำให้เรารักแม่มากขึ้นอย่างที่เขาพูดกัน

ส่วนเรื่องลบๆ (หัวเราะ) ก็คงเป็นปัญหาที่ใครๆ ก็รู้ เราก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นกับเรา เราเคยได้ยินแต่เรื่องคนอื่นแล้วเป็นศิราณีให้เขา แต่พอมาเจอกับตัวเอง สิ่งที่เราเคยบอกกับคนอื่นไว้มันยากที่จะมาใช้กับตัวเอง"

ตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร?

พิ้งกี้ - "ยอมรับว่าเวลาทำงานเราอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจที่เจอข่าวแบบนี้ เหนื่อยไม่มีแรงทำงาน ด้านจิตใจก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น มันเหมือนภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วระเบิดอีก ดีว่ามีแม่อยู่ข้างๆ ที่คอยให้พลังให้กำลังใจ
 


แม่บอกเสมอว่าอะไรจะเกิดก็เกิด ต้องคอยตั้งรับให้ดีๆ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังมีครอบครัว มีเกราะป้องกันที่เข้มแข็ง ไม่ใช่อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำคนเดียว เราล้ม เราเสียใจก็ช่วยกันพยุงให้ลุกขึ้นมา

กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมาก เรื่องร้องไห้ผ่านมาหมด ไม่ใช่เฉพาะเรา พ่อแม่ก็ร้อง พอเราเข้มแข็ง ยิ้มและออกมาพูดบ้าง คนก็หาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์เรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นจริงเท็จอย่างไร ที่ผ่านมาแล้วก็ไม่อยากเอามาพูดแล้วล่ะ สิ่งที่ต‰องพูดถึงและมุ่งหน้าต่อไปคือ ปัจจุบัน"

ธัญญ่า - "ตอนแรกก็คว่ำหัวทิ่มเหมือนกัน พอปัญหานี้มันเกิดขึ้นงานก็ต้องทำ ต้องมานั่งทำแฮปปี้ทั้งๆ ที่ชีวิตจริงเราไม่ใช่แบบนั้น ต้องตอบคำถาม ธัญญ่าไม่อยากโกหก แต่จะมาพูดความจริงทั้งหมดก็ไม่ได้

สิ่งสำคัญที่สุดตอนนั้นคือ สติ แต่ที่ผ่านมาก็ขาดสติไปหลายครั้งเหมือนกัน ต้องมานั่งทบทวนทุกครั้งว่าเรามีลูกที่ต้องดูแล ต้องเข้มแข็งเพื่อเขา เขาสำคัญที่สุดในชีวิต เขาทำให้เรามีความสุข เป็นความรู้สึกที่มีค่ามากๆ

ที่ผ่านมาเวลาเครียดมากๆ หาทางออกไม่ได้ก็ร้องไห้คนเดียว กับเพื่อน กับครอบครัว กับลูก บางทีก็กลั้นไม่ได้ เพราะยิ่งอยู่กับลูกก็ยิ่งเซน ซิทีฟ สงสารเขา"

ได้อะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง?

พิ้งกี้ - "ที่ผ่านมาถือว่าหนักมากๆ เครียดมากๆ เพราะถ่ายหนังไปพร้อมๆ กับที่มีข่าวไปด้วย ประเดประดังเข้ามา มันไม่มีบาลานซ์เลย เหนื่อยทั้งสองอย่างเลย ที่เราได้เลยเห็นๆ ก็คือ ฝึกการใช้อารมณ์ การควบคุมมัน ไม่อย่างนั้นมันผ่านไปไม่ได้แน่นอนค่ะ"

ธัญญ่า - "ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่คิดว่าเราจะต้องเจอ ได้เรียนรู้ความอดทน ความเข้มแข็ง การแก้ปัญหา และได้เรียนรู้คนที่เข้ามาในชีวิตว่าใครรู้สึกกับเราอย่างไร"



 

คิดว่าเสียอะไรไปบ้าง?

พิ้งกี้ - "ผลกระทบเยอะแยะทั้งจิตใจและงาน คนที่ไม่รู้ว่าจะประสงค์ดีหรือร้าย เหมือนว่าอยากให้เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น เพื่อความสบายใจของเขา เราต้องสปิริตขอลาออกจากช่อง 3 ถ้าไม่ทำอย่างนั้นต้องมีคำถามมากมาย คือยอมเสียทุกอย่างไปเพื่อความสบายใจของคนที่ต้องการ อยากให้ปัญหายุติก็อุตส่าห์ทำแล้วทุกอย่าง ถ้ามองแง่ดีโอเคได้พักผ่อนได้ทำอะไรที่อยากทำ"

ธัญญ่า - "มันก็เสียความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้ ความเชื่อใจ ไว้ใจ เสียครอบครัวที่อบอุ่น เราไม่เคยคิดว่าเราต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา เราโตที่เมืองไทย ทำงานที่เมืองไทย แต่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้เราเครียดมากจนเราตัดสินใจว่าขอมาอยู่ที่อเมริกาก่อน อยู่นานเท่าไรก็ไม่รู้ บางทีก็เหงา วันๆ ก็อยู่กับลูก อยู่ที่อเมริกาเป็นชีวิตอีกแบบ เป็นแม่บ้าน ทำกับข้าว ดูแลลูกไม่มีพี่เลี้ยงมาช่วย"
 


 ได้กำลังใจจากตรงไหนที่ทำให้ต่อสู้ต่อไป?

พิ้งกี้ - "จากแม่ ครอบครัว และยังมีประชาชนที่ให้กำลังใจเรา อย่างแฟนคลับและหลายๆ คนค่ะ เวลาเราไปต่างจังหวัดก็มีคนเข้ามาถามว่าเมื่อไรจะเล่นละคร และให้กำลังใจเรื่องข่าวคˆะ"

ธัญญ่า - "เยอะมาก เพื่อนๆ จะคอยอยู่ข้างเราตลอด แฟนละคร ครอบครัว โดยเฉพาะแม่เป็นคนที่เข้มแข็ง คอยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจ จากครอบครัวพี่เป๊กเอง แต่ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ลียา

ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่กับลูก ทำให้ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น พาลูกไปสวนสาธารณะ ทำกิจกรรมกับหลานๆ วันๆ เจอแต่กับเด็กๆ เป็นกิจกรรมที่บริสุทธิ์ทำให้สบายใจขึ้น

อีกอย่างอยู่ที่อเมริกาเราอยู่ใกล้แม่ ไปไหนก็ไปกันสามคน เป็นชีวิตที่เรียบๆ แต่มีความสุข อีกกิจกรรมที่ได้ทำคือไปเข้าทั้งวัดไทย วัดลาว ไปโบสถ์ ไปหมด ทั้งที่เป็นคริสต์ ไปทำบุญ ถวายสังฆทาน ตักบาตร ยิ่งช่วงมีเรื่องเข้าวัดมากขึ้น เหมือนคนมีปัญหาแต่ไม่รู้จะพึ่งทางไหนก็เข้าวัด และพอเจอคนไทย เขาก็เข้ามาทัก ให้กำลังใจ เป็นส่วนที่ช่วยเราอีกทาง"

 ตอนนี้สบายใจขึ้นหรือยัง?

พิ้งกี้ - "สบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ถือว่าตอนนี้เราไปชาร์จแบตฯ เราไปทำอะไรของเรามาเต็มที่แล้ว ตอนนี้ถือว่าเราอิสระ จะทำอะไรก็ได้แล้ว ไม่มีข้อจำกัดค่ะ"

ธัญญ่า - "สบายใจขึ้นเยอะมาก จากที่เมืองไทยทุกข์มาก 1 ปีเต็มๆ น้ำหนักลด 5-6 กิโลฯ เครียด หาทางแก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะมันไม่จบสักที แต่พอมาอยู่ที่นี่เหมือนตัดขาดจากปัญหา ทำใจได้เยอะขึ้น และคิดว่าถ้าอยู่กับเราแล้วไม่มีความสุขไม่เป็นไร เราอยู่กับลูกได้ ที่คิดได้แบบนี้อาจเพราะความห่าง ไม่ต้องไปรับรู้ ไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์"


อยากบอกอะไรบ้างที่อยู่ในใจที่ไม่ได้พูดหรือไม่กล้าพูดออกมา?

พิ้งกี้ - "อยากพูดเยอะ แต่พูดไม่ได้ ที่ผ่านมาเราว่าทำดีที่สุดแล้ว เรื่องของกี้ไม่อยากให้ทุกคนต้องมากังวลใจ ทุกข์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะทางใจทางกายที่ต้องเสียหายอะไรก็ให้อภัยกันและกัน ใครผิดใครถูกให้ยกโทษให้กันไปดีกว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายเสียหาย ไม่มีใครที่มีชื่อในเหตุการณ์แล้วมีความสุข ไม่ว่าเขา ไม่ว่าเรา"

ธัญญ่า - "(หัวเราะ) เอาเป็นว่าเราอยากจะขอบคุณบุคคลที่เข้ามาในครอบครัวแล้วทำให้เราเจอปัญหานี้ ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นกับชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นในแง่ที่ทำให้เราเศร้าก็ตาม แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าได้มองเห็นชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะได้เจอ เราก็คิดว่าจากนี้ไปไม่ว่าปัญหาอะไรที่เข้ามาก็พร้อมที่จะตั้งรับแล้ว

แต่ก็มีเรื่องอยากจะขอโทษที่เรื่องนี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อหลายๆ คนที่ทำให้ใครต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ก็อย่างที่ธัญญ่าพูด คือไม่อยากจะพูดโกหก แต่จะพูดในสิ่งที่พูดได้ เราทำไปเพื่อปกป้องตัวเราเอง ซึ่งมันก็เป็นบทเรียนสำหรับเราด้วย"

คำจำกัดความของคำว่า ความรัก สำหรับตัวเองเป็นอย่างไร?

พิ้งกี้ - "ความเข้าใจกันและกันสำคัญที่สุดค่ะ เหมือนกับว่าถ้าเรารู้ว่าเขารู้สึกอย่างนี้เราก็ไม่เข้าไปเข้าใกล้เขา เหมือนรู้อกรู้ใจกัน รูปร่างหน้าตาไม่มีส่วน อยู่ที่พระเจ้ากำหนดแล้วล่ะ พอเข้าใจปุ๊บ ความรักก็จะตามมาเอง"

ธัญญ่า - "ธัญญ่าก็ยังมองความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ถ้าความรักในเชิงชู้สาวมันต้องให้ถูกที่ถูกเวลา ไม่อย่างนั้นก็กลับมาทำร้ายตัวเอง อย่างที่เห็นตามข่าวที่มีเรื่องหึงหวงกัน สาดน้ำกรด เมียหลวงฆ่าเมียน้อย สามีฆ่าภรรยา มันเป็นเรื่องที่อันตราย ใครที่กำลังทำเรื่องนี้อยู่ก็อยากเตือนในฐานะที่เคยเจอประสบการณ์มาว่า มันไม่คุ้มกับการที่เราจะไปเสี่ยงชีวิต"

สเป๊กผู้ชายของตัวเองเป็นแบบไหน?

พิ้งกี้ - "เป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำ รักครอบครัวเราเพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียว และอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ครอบครัวก็จะต้องมีส่วนต้องตัดสินใจร่วมด้วยอยู่แล้ว ต่อมาคือ ผจญภัยกับกี้ได้ทุกที่ ไปไหนก็ได้ ไม่บ่นเก่งไม่พูดมาก และค่อนข้างจะบ้านๆ หน่อยไม่ต้องหรูมากมาย ขยันทำมาหากิน แต่ถ้ารวยนั่นก็เป็นคุณสมบัติที่พ่วงมาด้วยก็โอเค ซึ่งไม่รู้ว่าสเป๊กแบบนี้จะมีหรือเปล่า หายากจะตาย"

ธัญญ่า - "ถ้าก่อนแต่งจะมองผู้ชายใจดี ใจเย็น รักครอบครัว เรื่องรูปร่างหน้าตามีอยู่แล้ว แต่ ณ ตอนนี้แค่ขอเจอคนที่จริงใจและรักเราจริงๆ เรื่องนอกใจ เรื่องต่างๆ นานา ขอไม่เจอดีกว่า บอกตรงๆ อย่างพี่เป๊กไม่ใช่สเป๊กเลย หน้าตายิ่งไม่ใช่ พี่เป๊กเป็นคนใจร้อน แต่เขาจิตใจดี รักครอบครัว รักเพื่อนพ้อง แต่ ณ ตอนนั้นเรารับรู้ได้ถึงความจริงใจที่เขามีให้ เขาเป็นผู้ชายปากร้ายแต่ใจดี ขี้สงสารคน รู้จักกันมาแต่งงานกันรวม 7 ปี ความผูกพัน ความรักมีให้กันก็เยอะ แต่พอมีปัญหาทำให้เราย้อนกลับไปมองว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ตอนนี้มีคำตอบกับตัวเองอยู่ แต่อยากรอให้ตัวเอง 100% ก่อนแล้วค่อยบอกทีเดียว"

( จาก บันเทิง ข่าวสด )



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์