นุ่นไม่สะทก ฉายาลูกเป็ดขี้เหร่

ขนานนามเป็น "ลูกเป็ดขี้เหร่" แต่นางเอกสาว "นุ่น"ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ก็ไม่ได้รู้สึกสะเทือน

เพราะ 3 ปีที่ผ่านมา เธอพิสูจน์ให้คนได้เห็นแล้วว่า รูปลักษณ์ภายนอกไม่ใช่เป็นเครื่องตัดสินในตัวเธอ แต่ผลงานต่างหากเป็นข้อบ่งชี้ที่ทำให้หลายคนยอมรับ

-วันแรกที่เข้ามาวงการบันเทิงกับวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

นุ่น - "ตอนนั้นได้ตำแหน่งดัชชี่ 2004 ใหม่ๆ ตื่นเต้นมาก งานทุกอย่างไม่รู้จักเลย ต้องทำงานกับคนเก่งๆ ก็จะเครียดและกดดันตัวเอง แต่สนุกตรงที่ได้เจอคนเยอะๆ แต่มาวันนี้อยู่ในสภาวะที่นิ่งขึ้นเยอะ ไม่ได้ตื่นกับเรื่องราวรอบข้าง รวมถึงข่าวต่างๆ รู้สึกนิ่งๆ จุดที่ทำให้รู้สึกนิ่งขึ้นคงเป็นเรื่องของเวลา จากเมื่อก่อนครั้งแรกที่โดนฟีดแบ็กต่อว่าในทางลบ นุ่นร้องไห้และไม่ออกจากบ้านเลย เป็นเหมือนคนวิตกจริต แต่ตอนนี้เฉยๆ ค่ะ"


-ถามจริง "นุ่น-ศิรพันธ์" เป็นคนอย่างไร?

นุ่น - "เป็นคนเฉยๆ ชอบอยู่นิ่งๆ และเผอิญว่าหน้านุ่นเวลานิ่งๆ จะดูไม่ค่อยรับแขก(หัวเราะ) จะเริงร่ากับคนที่เรารู้สึกดีๆ ด้วยและถูกชะตา นุ่นไม่ชอบอะไรที่เหมือนผู้หญิงมากๆ ไม่ชอบใส่กระโปรง ไม่ใส่ส้นสูง ไม่ชอบแต่งตัวแต่งหน้า ไม่ชอบช็อปปิ้ง ชอบไปไหนคนเดียว"

จากเด็กต่างจังหวัดมาทำงานในกรุงเทพฯ ต้องปรับตัวเยอะหรือเปล่า?

นุ่น - "ก็ไม่เยอะค่ะ เพราะคุณพ่อเป็นคนกรุงเทพฯและนุ่นก็มากรุงเทพฯทุกปีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดเท่านั้นเอง นุ่นมากรุงเทพฯทุกปิดเทอม มาอยู่ 1-2 เดือนแล้วก็กลับเชียงใหม่ตอนเปิดเทอม นุ่นเคยเอ็นทรานซ์ติดคณะเทคนิคการแพทย์ ที่จุฬาฯ เรียนได้แค่ 1 ปี ซึ่งนุ่นไม่ชอบการขึ้นรถเมล์แบบปลากระป๋อง นุ่นว่าการไปเรียนที่เชียงใหม่สนุกกว่า นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนไปเรียนหนังสือ อยู่กับคุณยาย เสาร์อาทิตย์ไปเยี่ยมพ่อแม่และน้องชายอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา รู้สึกว่าดีออก นุ่นจึงตัดสินใจเอ็นทรานซ์เข้าคณะวิศวกรรม ศาสตร์ ม.เชียงใหม่ค่ะ"


-แต่นุ่นก็เลือกทำงานในกรุงเทพฯ?

นุ่น - "มันเป็นสิ่งที่นุ่นต้องทำเพราะเรารักการแสดง รักมาก อยากทำเท่าที่ตัวเองจะมีโอกาสได้ทำ และตอนนี้ครอบครัวนุ่นย้ายมาอยู่กรุงเทพฯแล้วค่ะ เพราะด้วยหน้าที่การงาน"

-ณ วันนี้มองการแสดงของตัวเองเป็นอย่างไร?

นุ่น - "ยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ต้องปรับปรุงและพัฒนาอีกเพียบ อยากร่วมงานกับคนเก่งๆ ซึ่งมันจะทำให้เราเรียนรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้เขาทำและรับมืออย่างไร คนที่นุ่นชมบ่อยๆ คือ โฬม (พัชฏะ นามปาน) เขาเป็นรุ่นน้องนุ่น ซึ่งทำให้นุ่นนึกถึงตัวเองตอนแรกๆ ที่เข้าวงการ ขยัน มีไฟ กระตือรือร้น อยากมากองถ่าย แต่พอผ่านมา 3 ปี มันมีท้อบ้าง อย่างบางเรื่องเราตั้งใจทำแต่คนส่วนมากไม่ได้ตัดสินคนจากงาน แต่ตัดสินคนจากภายนอก อย่างเรื่องความสวยหรือไม่สวย บางครั้งก็นึกท้อ"


"แต่พอมาร่วมงานกับโฬมเขาทำให้นุ่นมีประกาย

ทำให้รู้สึกว่าบางครั้งไม่ต้องใส่ใจเรื่องรอบข้าง มาใสๆ อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น เดี๋ยวคนก็ซึมซับเอง เขาทำให้นุ่นมีพลังอีกครั้ง อย่างเวลาเขามากองถ่าย ด้วยความที่เขาเป็นคนอีสาน มาถึงก็จะเว้าอีสานกับพี่ช่างไฟ ตากล้อง ช่วงเบรกก็ไปเตะบอลกับแก๊งเขา โฬมมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เขามาด้วยอารมณ์ใสๆ ทุกคนรักเขา เขาปรับการใช้ชีวิตได้ดี เรารู้สึกว่าการที่เราคิดในด้านบวกไม่ต้องใส่ใจกับสิ่งรอบข้าง สุขภาพจิตของเราจะดีและงานเราก็จะดีค่ะ"

-ที่บอกว่ามีคำพูดว่านุ่นไม่สวย ตรงนี้บั่นทอนมากมั้ย?

นุ่น - "มีบ้าง แต่มันแก้ไขและกำหนดอะไรไม่ได้ ถ้านุ่นรู้อนาคตว่าจะมาเป็นนางเอก นุ่นคงดลบันดาลให้แม่หาแฟนหล่อๆ เพราะคุณพ่อนุ่นเป็นแบบนี้ นุ่นก็เป็นแบบนี้ นุ่นเหมือนพ่อ นุ่นเป็นลูกพ่อและพ่อนุ่นไม่ใช่ผู้ชายที่น่าเกลียด พ่อเป็นชายไทยผิวเข้ม เป็นชายชาติทหาร มีสง่าราศีของทหารที่เยี่ยมยอดมาก"

"มาวันนี้เรามีโอกาสที่ดี ผู้ใหญ่ให้โอกาสให้ทำงานที่เราชอบ นุ่นก็เต็มที่กับสิ่งที่นุ่นควบคุมได้ คือเรื่องฝึกฝีมือการแสดง นุ่นคิดมาตลอดว่าถ้าเรามีฝีมือการแสดงที่ดีมันจะกลบข้อด้อยเรื่องหน้าตา และเพิ่งมีละคร "ยุทธการหักคานทอง" กับ "นางสาวผ้าขี้ริ้ว" ที่ทำให้เราเกิดกำลังใจ รู้สึกว่านี่ล่ะคือผลตอบแทนของความพยายามมา 3 ปี วันนี้คนเริ่มมองนุ่นในมุมอื่น การตั้งใจทำงานมันเอาชนะในสิ่งที่เราเลือกเกิดไม่ได้"


-รู้สึกอย่างไรกับฉายา "ลูกเป็ดขี้เหร่"?

นุ่น - "นุ่นว่าดีออก ไม่ได้ซีเรียสกับคำว่าขี้เหร่ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกตั้งจากภายนอก แต่ภายในเราต้องไม่กระเทือน เราต้องไม่รู้สึกว่าเข้มแข็งเพื่อมาสู้กับภายนอก แค่รู้สึกว่าภายในเรารู้ดีว่าเรามีคุณค่าพอและเราดีพอ ความงามเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถ้าใครรู้สึกว่าถูกชื่นชมที่ภายนอกแล้วยึดติด นุ่นว่าแบบนี้ลำบาก ตัวเองจะทุกข์ทรมานเอง"

-3 ปีในวงการบันเทิงคุ้มค่ามั้ย?

นุ่น - "คุ้มค่ะ ไม่ว่าจะมีเรื่องดีหรือร้าย นุ่นโตขึ้นและคิดว่า 3 ปีมันเร็วดี เทียบกับคนอื่นอาจจะต้องเรียนรู้ทั้งชีวิต 10-20 ปี เพื่อที่จะรู้ว่าชีวิตเป็นอย่างไร แต่ 3 ปีนุ่นนิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ"

-อนาคตวางไว้อย่างไร?

นุ่น - "อนาคตนุ่นอยากทำงานที่เรารักให้ดีที่สุด เรามองการทำงานของพี่นก (สินจัย เปล่งพานิช) กับพี่แหม่ม (จินตหรา สุขพัฒน์) เป็นไอดอล เวลาคนที่ทำงานในสิ่งที่เขารักมันจะฉายออกมาทุกอย่าง มันจะเห็นจากงานว่าเขารักงานแสดงและเขาเต็มที่และเขาตั้งใจงานจะออกมาดี สุดท้ายคนจะยอมรับด้วยงานค่ะ"

ไม่ว่าจะเป็นหงส์หรือลูกเป็ดขี้เหร่ ล้วนเป็นรูปลักษณ์ภายนอก ที่สำคัญอยูที่จิตใจภายในต่างหาก


"รัก"เริ่มชัดเจน

"ความรักตอนนี้ดีครับ ดีในทุกๆ ด้าน" "ท็อป"พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร หนุ่มคนรู้ใจของสาว "นุ่น-ศิรพันธ์" เปิดใจเรื่องรัก และกล่าวอีกว่า "ตอนนี้เวลาที่ท็อปเหนื่อยหรือท้อ สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นคือท็อปได้เจอนุ่น ได้มีคนที่เป็นห่วงและคอยดูแลเรา"

เห็น "นุ่น" บอกว่าการได้รู้จัก "ท็อป" ทำให้เขาผ่อนคลาย มองอะไรกว้างขึ้น ท็อปถ่อมตัว "ต้องบอกว่าเราช่วยกัน ไม่ใช่ท็อปฝ่ายเดียว เราได้คุยได้ปรึกษากัน มันคงเกิดจากการที่เราได้คุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากกว่า"

ถามว่าประทับใจ "นุ่น" ตรงไหน?

ท็อปกล่าวว่า "เนื่องจากนุ่นเป็นคนมีระเบียบมากๆ ในชีวิต มีความตั้งใจ บางครั้งผมเห็นเขาแล้วก็เป็นแรงผลักให้ตัวเราด้วยเหมือนกัน เราเห็นเขาตั้งใจทำงานตื่นเช้ามาก กลับดึกมาก ทำงานหนักก็รู้สึกดี และรู้สึกดีเข้าไปอีกคือเขาทำแล้วก็ยังดูแลและนึกถึงครอบครัว เขารักพ่อแม่ มันเป็นความรักที่เราเห็นได้ชัด"

ได้เจอพ่อแม่นุ่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

"คุณพ่อคุณแม่น่ารักครับ คุณพ่อนุ่นเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ ผมคุยกับท่านจะได้ความรู้เยอะมาก ท่านจะมีข้อคิดและคำสอนที่เรานำไปปรับใช้ได้ ตอนแรกยอมรับว่าเกรงและเกร็ง ตอนนี้ดีขึ้นเยอะ"


คุณพ่อคุณแม่ท็อปก็ค่อนข้างโอเคกับ "นุ่น" ด้วย "ครับ

อย่างแม่ผมกับนุ่นแอบเซอร์ ไพรส์วันเกิดผมที่ผ่านมา ไปซื้อของขวัญมาให้ แม่ผมชอบนุ่นครับ ซึ่งผมก็เพิ่งเคยเห็น ดูเขาน่ารักกันดีครับ (หัวเราะ)"

มองอนาคตหรือยัง?

"ตอนนี้พยายามทำทุกอย่างให้ดีๆ มีแพลนในชีวิตเป็นระยะสั้น กลาง ยาว แต่ถามว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรมันก็ต้องขึ้นอยู่กับตอนนี้ ตอนนี้ผมพยายามทำทุกอย่างให้ลงตัว"

ถามว่าถึงวันนี้คิดว่า "นุ่น" ใช่ตัวจริงหรือยัง นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า

"ขอตอบว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีมากๆ ส่วนใช่ตัวจริงหรือเปล่านั้น ต้องอยู่ที่อนาคตยาวๆ ข้างหน้า"


"ท็อป"เปิดใจถึง"นุ่น"

เพราะคุยถูกคอ พบเห็นแล้วถูกชะตา ดาราสาว "นุ่น-ศิรพันธ์" เลยยกให้ตี๋ "ท็อป"พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร เป็นเพื่อนสนิทคนพิเศษ โดยต้นตอความสัมพันธ์นี้ นุ่นเล่าว่า "ต้องขอบคุณโอปอลล์ที่แนะนำให้รู้จัก เขาเคยร่วมงานละครกัน พอได้รับการแนะนำ เราก็เริ่มจากความเป็นเพื่อน ชอบคุยในหัวข้อคล้ายๆ กัน สนใจในสิ่งใกล้เคียงกันและค่อยๆ ซึมซับ เหมือนโอปอลล์เป็นแม่สื่อเป็นกามเทพค่ะ(หัวเราะ)"

ดูว่าความรักครั้งนี้จะเปิดเผยกว่าที่ผ่านมา นุ่นแจง

"เราโตขึ้นและตอนนี้นุ่นชัดเจน ไม่ใช่ว่าโดนกดดันจากคนรอบข้างถึงต้องพูด แต่นุ่นโตขึ้นมีวุฒิภาวะมากพอ และที่บ้านไม่เคยปิดกั้น"

ท็อปมีไม้เด็ดอะไรที่ผ่านคุณพ่อได้?

"คุณพ่อยังนิ่งๆ อยู่ค่ะ ไม่ว่านุ่นจะมีเพื่อนคนไหนพ่อไม่เคยพูด คนที่มีแอ๊กชั่นก็คือแม่คนเดียว ถ้านุ่นจะคบใครไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในฐานะไหนก็จะพามาที่บ้าน แรกๆ ท็อปก็เกร็งคุณพ่อ แต่โชคดีที่เขาเป็นคนน่ารัก ยิ้มง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ มีความคิดที่ดี โตเป็นผู้ใหญ่ มองอะไรที่เป็นเหตุและผลเยอะพอค่ะ"

แล้วนุ่นล่ะ เจอพ่อแม่ท็อปหรือยัง

"นุ่นได้เจอปะป๊าม่าม้าของท็อปแล้ว ท่านเห็นนุ่นเป็นเพื่อนของลูก เพียงแต่ที่นุ่นพูดว่าท็อปเป็นคนพิเศษเพราะให้เกียรติเขา สิ่งที่เขาทำมันชัดเจนและให้เกียรติเรามากพอค่ะ อายุเราห่างกัน 2 ปี แต่ดูใกล้ๆ กัน อาจจะเป็นเพราะเขาทำตัวเด็กลงมาหรือว่านุ่นทำตัวแก่ (หัวเราะ) คบกับท็อปแล้วสบายใจค่ะ"


ท็อปโรแมนติกมั้ย?

"ไม่ค่ะ เราคบกันเหมือนเพื่อน แต่เขาพิเศษจากเพื่อนปกติเท่านั้นเอง ไม่ต้องทำอะไรเซอร์ ไพรส์ อย่างวาเลน ไทน์ก็ไปกินข้าวแกงกัน เหมือนเป็นวันธรรมดา ใช้ชีวิตปกติ"

มุมมองความรักครั้งนี้เป็นอย่างไร?

"สบายๆ ค่ะ ไม่ได้กดดัน ไม่ได้คาดหวัง และไม่ได้วาง แผน เราไม่อยากใช้คำว่าคบไปเรื่อยๆ เป็นแบบนี้ดีแล้ว เป็นตัวเราเอง มีบางเรื่องที่ต้องปรับ บางครั้งนุ่นเคยไปกดดันคนรอบข้างแล้วมันอึดอัด นุ่นไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ก็เลยว่าเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว"

"นุ่นยอมรับว่าที่ผ่อนคลายตัวเองได้เป็นเพราะท็อปส่วนหนึ่ง เขามองโลกในแง่ดี นุ่นซึมซับอารมณ์ดีๆ ของเขามาเยอะ เขาเป็นเด็กอาร์ต มีเหตุมีผลอารมณ์เย็นเยอะกว่านุ่นที่เรียนวิศวะ จะจริงจังต้องได้คำตอบเป๊ะๆ เขาจะบอกนุ่นว่าบางครั้งไม่ต้องไปสติ๊กกับชีวิตขนาดนี้ก็ได้ ชีวิตมันไปได้หลายทิศทาง"

มองเรื่องแต่งงานไว้หรือยัง

"ไม่มีค่ะ ยังไม่มีแผน ยังไม่ได้คิด ตอนนี้คือทำให้ดีที่สุดกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง คุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย น้องชาย นุ่นไม่อยากเสียใจว่านุ่นพลาดอะไรไป เพราะวันหนึ่งถ้าคนรอบข้างที่นุ่นรักไม่อยู่ จะได้ไม่ต้องเสียใจว่าทำไมเราไม่ทำให้ดีกว่านี้"

ฉะนั้น สาว "นุ่น" จึงทำวันนี้ให้ดีที่สุด


งานชิ้นโบแดง

หนังเรื่อง "เปนชู้กับผี"
- "ชอบที่ตัวเองมุ่งมั่นตั้งใจและรอบข้างดีอยู่แล้ว พี่วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับฯเก่ง ทีมงานทุกคนมืออาชีพ เราโชคดีที่เขาเลือกเราเล่นค่ะ

ละครเรื่อง "ยุทธการหักคานทอง" - "การมาเล่นละครเรื่องนี้มันมีความกดดันหลายๆ เรื่องสูงมาก แต่นุ่นสามารถเอาชนะตัวเอง ฟีตแบ็กคือคนเห็นค่าของเราจากผลงานที่ออกมา"

ละคร "นางสาวผ้าขี้ริ้ว" - "เรื่องนี้นุ่นรักผู้กำกับฯคือพี่เชาว์ (ชวลิต พงศ์ไชยยง) รักเขาตรงที่เป็นแฟมิลี่แมน รักครอบครัว ชอบอยู่ใกล้ๆ คนแบบนี้แล้วซึมซับสิ่งดีๆ ที่เขาพูดออกมา ทีมงานทุกคนวัยใกล้ๆ กันทัศนคติคล้ายๆ กันก็เลยชอบค่ะ"


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์