นก-อุษณีย์ รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป

กำลังตกเป็นข่าวประเด็นร้อนแรงเลยทีเดียว

สำหรับนางร้าย  หน้าหวาน นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ ที่เพิ่งจะเลิกราแยกทาง    กับพระเอกหนุ่มสุดฮอตอย่าง วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ มาหมาด ๆ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยดึงสาวนกมานั่งเปิดอกถึง “รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป” ทั้ง ๆ ที่ “แผลรัก” ยังสด ๆ อยู่ เอ้า! ไปฟังเรื่องราวจากปากของเธอกันเลยดีกว่าว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง



เข้ามาวงการได้อย่างไร
 
-นกเข้ามาประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ตอนปี 2548 ได้ตำแหน่ง “มิสป๊อปปูลาร์” ก็เป็นเหมือนใบเบิกทางในการทำงานในวงการบันเทิงของนก เราได้เซ็นสัญญากับทางช่อง 7 โดยอัตโนมัติ พอประกวดเสร็จได้อาทิตย์หนึ่งก็ได้เล่นละคร “เกิดแต่ตม” ตอนนั้นนกดีใจมาก เพราะมันเป็นความฝันและความตั้งใจของเราอยู่แล้วที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ 

แต่ภายนอกดูเป็นคนขี้อาย
 
-นิสัยส่วนตัวจะเป็นคนนิ่ง ๆ แต่ถ้าสนิทแล้วก็จะรู้ว่านกเป็นคนสนุก บ้า ๆ นกจะเป็นคนขี้อายในบางเรื่อง แต่ถ้าขึ้นเวทีหรือไฟส่องหน้าเมื่อไหร่ เราก็จะเปลี่ยนบุคลิกไปเลย

กับเรื่องงานตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
 
-ตั้งแต่เข้าวงการมา 3 ปี นกมีงานตลอด โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส ถามว่าเหนื่อยมั้ย มันเหนื่อยเป็นบางช่วงมากกว่า เวลามีงานปุ๊บก็จะมีงานเข้ามาตลอด แต่พอมีเวลาว่างนกก็จะเริ่มฟุ้งซ่านแล้ว นกเลยอยากทำงานมากกว่า ถึงเหนื่อยแต่เราก็สนุก พอทำงานได้เงินเราก็จะหายเหนื่อยไปเอง

ช่วงหลังรับบทร้ายตลอด
 
-มันสลับกันมากกว่า แต่บังเอิญว่าช่วงหลังนกเล่นร้าย 3 เรื่องติด แต่หลังจากนี้ก็จะเล่นเป็นคนดีอีก 2 เรื่องติด ค่อนข้างชอบนะที่ได้เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่โดยส่วนตัวนกชอบเล่นร้ายมากกว่า เราได้ทำอะไรที่ชีวิตจริงเราทำไม่ได้ เช่น เวลาเราโกรธใครในสังคมจริง ๆ เราคงไม่สามารถอยู่ดี ๆ เดินไปด่าหรือตบคน ๆ นั้นแบบในละครได้ ต้องคิดถึงเรื่องกฎหมายและความถูกต้อง เล่นบทร้าย ๆ มันได้ปลดปล่อยดี ขณะเดียวกันนกก็รู้สึกว่าการเล่นเป็นคนดีมันยากสำหรับนกนะ ส่วนมากบทคนดีมักจะอ่อนแอ ร้องไห้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตัวนกเองค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ เรารู้สึกว่ากับเรื่องแค่นี้เราคงไม่เสียใจ กว่าจะเรียกน้ำตาได้แทบเหงื่อตกกันเลย



3 ปีที่ทำงานละคร คิดว่าฝีมือเราพัฒนาไปถึงไหน
 
-เราพยายามทำให้มันพัฒนา นกพยายามดูผลงานของตัวเอง เพื่อ เช็กแอ๊คติ้ง เสื้อผ้า หน้าและผม ค่อย ๆ พัฒนาทุก ๆ ด้าน แต่นกจะพยายาม เล่นให้ไม่ซ้ำ สมมุติเล่นร้ายพร้อมกัน 3 เรื่อง แต่เราก็จะพยายามแยกคาแรกเตอร์ตัวละครให้ชัด เขาอยากให้เราเล่นแบบไหนเราก็จะเล่นแบบนั้น 

พอเข้ามาทำงานในวงการ ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมั้ย
 
-เปลี่ยนไปเยอะ อย่างแรกเลยชีวิตนกมีความสุขขึ้น เหมือนกับว่าเราได้ทำความฝันของตัวเองสำเร็จ ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักและรอมาตลอดทั้งชีวิต ที่ผ่านมานกทำทุกอย่างเพื่อค้นหามัน ซึ่งตอนนี้เราเจอมันแล้วและทำทุกอย่างเพื่อประคองมันไว้ นกมุ่งมั่นมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าเคยถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราบอกว่าอยากเป็นดารา ครูและเพื่อนก็ขำ แต่พอถึงวันนี้ เวลาเจอเพื่อนเก่า เขาก็จะมาพูดกับเราว่าในที่สุดแกก็ทำได้นะ นอกจากนี้ยังให้โอกาส  อื่น ๆ ในชีวิต เมื่อก่อนครอบครัวนกจนมาก ครอบครัวค่อนข้างแย่ เราต้องหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็ก การได้เข้าวงการทำให้ชีวิตเราดีขึ้น จากแต่ก่อนมาอยู่กรุงเทพฯแบบไม่มีอะไรเลย มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว เดี๋ยวนี้มีบ้านมีรถ  อาชีพนี้ไม่ได้ช่วยแค่นกคนเดียว ช่วยครอบครัวและญาติ ๆ นกด้วย เพราะตอนนี้นกเหมือนเป็นหลักให้กับครอบครัวและญาติ ๆ 



ที่บอกว่าครอบครัวลำบากนั้น ลำบากขนาดไหน
 
-พ่อนกเสียตั้งแต่นกยังเด็ก เหลือแต่แม่คนเดียว แม่ก็ต้องเลี้ยงดูลูก 3 คน นกเป็นคนกลาง มีพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน แต่ก่อนบ้านเราอยู่จันทบุรีมีสวน แต่พอพ่อตาย แม่ต้องทำงานคนเดียว บ้านก็มีหนี้สิน ช่วงนั้นแม่จะดื่มหนักมาก นกก็จะมีปัญหากับแม่เพราะไม่อยากให้แม่ดื่ม จนกระทั่งตอนที่นกเรียนมัธยมปลายจำได้ว่าแม่ต้องขายสวน ขายบ้าน สมบัติเหลืออยู่นิดเดียว ตอนนั้นวิกฤติมาก แม่เครียดจนหนีหายไปจากบ้าน พี่ชายนกเอนทรานซ์ติด มหาวิทยาลัย และสอบชิงทุนได้ เขาก็มาอยู่กรุงเทพฯและหางานพิเศษทำ แต่ตัวนกเอนทรานซ์ไม่ติด ตอนนั้นก็เจอแม่แล้ว แม่ก็บอกว่าแม่ดีใจนะที่นกเอนท์ไม่ติดไม่งั้นแม่คงส่งไม่ไหว นกเสียใจมากที่ได้ยินคำนี้ ตอนนั้นนกอยากมาอยู่กรุงเทพฯมาก มันเป็นความฝันของเรา แต่แม่ก็ให้นกไปเป็นแคชเชียร์ที่ จ.ตราด ซึ่งเราไม่ชอบงานนี้ ช่วงนั้นมีปัญหาไม่ค่อยคุยกับแม่ ตอนนั้นเราก็พยายามทำทุกวิถีทางให้ได้มาอยู่กรุงเทพฯ พอดีมีพี่ที่รู้จักคนหนึ่งเป็นคนขายเครื่องสำอาง เขาก็ชวนเราไปขายเครื่องสำอาง เราก็ถูกจับไปฝึกงานที่จันทบุรี 3 เดือน จากนั้นก็ได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ พอทำงานนั้นได้ปีกว่า ๆ ก็ลาออก เพราะมีเพื่อนชวนให้มาเป็นพริตตี้ มีรายได้เยอะกว่า เดือนนึงมีรายได้หลายหมื่นบาท แต่ด้วยความที่เรามุ่งมั่นอยากเข้าวงการมาก ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราอยากทำงานตรงนี้ เราก็ควรจะเรียนต่อ เลยไปเข้าเรียน คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พอเรียนอยู่ปี 3 ก็สมัครประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ก็เลยได้มาทำงานตรงนี้อย่างที่เราฝัน

นกได้อะไรจากความลำบากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง
 
-เยอะเลยนะ ที่ผ่านมาชีวิตนกเจอความลำบากมาเยอะ มันทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ ตอนที่แม่ไม่ส่งให้เราเรียน นกก็โกรธแม่นะ อารมณ์แบบเด็ก ๆ ใจนึงเราก็เข้าใจแม่ แต่อีกใจนึงก็เสียใจที่ชีวิตเป็นแบบนั้น แต่พอทุกวันนี้เราได้เป็นฝ่ายให้เขา ทำให้แม่ภูมิใจ เราก็ดีใจที่ได้ทำอะไรดี ๆ ให้กับครอบครัว



วกเรื่องความรักบ้าง ที่ผ่านมา วีออกมาพูดตรง ๆ เลยว่าเลิกแล้ว แต่นกกลับบอกว่าแค่ห่าง ๆ เหมือนว่าเรายังทำใจไม่ได้
 
-เราห่างกันจริง ๆ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะเอายังไงดี ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ถามว่าวินาทีนั้นใครเป็นคนบอกเลิกก่อน คือมันไม่ได้มีใครบอกเลิกก่อนหรอกค่ะ เราสองคนมานั่งคุยกันเลย นกก็จะไป เขาก็พอแล้ว ต่างคนต่างรู้กัน 

เสียใจมั้ยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
-มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เสียใจ ผิดหวัง และโกรธ พี่วีน้ำตาตกใน แต่นกน้ำตาตกนอกนะ แต่ด้วยความที่เราเหนื่อย เราเลยยอมแพ้ มันไม่ใช่   จู่ ๆ เลิกกัน เรื่องมันสะสมมานานแล้ว เราก็เตรียมใจเอาไว้แล้วด้วย ก็เลยรับได้ส่วนหนึ่ง

อะไรคือสาเหตุหลักทำให้นกกับวีตัดสินใจห่างกัน
 
-หลายคนมักคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องมือที่ 3 แต่จริง ๆ แล้วไม่มีนะ นกกับพี่วีไม่ได้มีใครเลย ตอนที่คบกันก็ไม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ แต่มันเป็นเพราะนิสัยของเรามากกว่า ส่วนที่เราเหมือนกันหรือเข้ากันได้ก็จะเหมือนกันมาก แต่ส่วนที่ต่างกัน มันตรงข้ามกันเลย เราเป็นคนแรงทั้งคู่ ไม่ฟังเหตุผลของกันและกัน นกเองก็เป็นคนเอาแต่ใจและขี้งอนมาก พอพี่วียอมมาก ๆ ก็เหมือนเขาเหนื่อย และพอคบกันนาน ๆ ไปนิสัยคนเราก็เปลี่ยนไป ความต้องการไม่ตรงกัน ก็เลยกลายเป็นคุยกันไม่รู้เรื่อง กลายเป็นความเหนื่อยและเบื่อ เราสองคนรู้สึกว่าควรจะพอก่อนดีกว่า



พี่วีเคยขอให้ลด ๆ เรื่องขี้งอนลงมั้ย
 
-ก็มีนะที่พูดแบบนั้น แต่มันก็เป็นนิสัยเรา บางทีเราก็คิดว่าก็อย่าทำให้เรางอนซิ เพราะเราก็ไม่ใช่อยู่ดี ๆ แล้วก็งอน มันต้องมีสาเหตุนะ

ทะเลาะกันเรื่องอะไรบ่อยที่สุด
 
-คุยกันไม่รู้เรื่อง เราพยายามอธิบายเหตุผลของเรา แต่เขาก็มีเหตุผลของเขา ต่างคนต่างยึดมั่นในเหตุผลตัวเอง พอนาน ๆ ไปต่างคนต่างไม่ปรับ เราก็เหนื่อยที่จะคบต่อไป ถามว่านกรักพี่วีมั้ย ทุกวันนี้ยังรักและเป็นห่วง แต่ถ้าฝืนอยู่ต่อไปมันอาจจะกลายเป็นเกลียดกันได้ ก็เลยตกลงกันว่าเหลือเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องดีกว่า ซึ่งพออยู่ห่าง ๆ กันแบบนี้  มันก็ดีนะ เรายังรู้สึกดี ๆ ต่อกัน คอยช่วยเหลือกันได้

ข่าวในแง่ลบมีผลกระทบกับความสัมพันธ์บ้างมั้ย
  
-ไม่เกี่ยวเลย อย่างมากก็แค่ถามว่าจริงหรือเปล่า แล้วก็จบไป แต่สาเหตุหลัก ๆ คือนิสัยของเราสองคนมากกว่า ที่ผ่านมาเราก็พยายามปรับตัวนะ บางอย่างปรับแล้วก็ดี บางทีปรับแล้วเหนื่อยต้องมานั่งทน เสร็จแล้วก็มีปัญหาใหม่ ๆ มาให้เราต้องปรับกันอีก เราก็ท้อนะ



แต่เหมือนคราวก่อนพี่วีพูดเหมือนกับว่านกกำลังดูคนอื่นอยู่
 
-วันที่เขาให้สัมภาษณ์นกก็โทรฯไปถามเขาว่าพูดอะไรไปบ้าง เขาก็บอกว่า เขาก็ไม่อยากให้เราปิดตัวเอง ไม่อยากให้รอเขา เขาก็เลยพูดแบบนั้น อย่างตอนนี้ถึงเขาจะไปคบผู้หญิงอื่นอย่างที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ มันก็เป็นสิทธิของเขาแล้ว เพราะเราห่างกันแล้ว

มีโอกาสรีเทิร์นหรือเปล่า
  
-คงต้องใช้เวลา อย่างที่บอกนะคบต่อไปมันก็เหนื่อย แต่พอจากกันมามันก็คิดถึง และเวลามันก็ทำให้คนเปลี่ยนไปด้วย เราก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เรามีให้กันจะเป็นแบบเดิมรึเปล่า เวลาจะทำให้เราตอบได้เอง

จะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาศึกษาเลยมั้ย
  
-นกไม่ปิดแล้ว ความรักเป็นสิ่งที่ดีเสมอ นกเชื่อว่ามันต้องมีเนื้อคู่ของเรา อาจจะเป็นพี่วีหรืออาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ ถามว่าการเลิกกันครั้งนี้ทำให้มุมมองความรักของนกเปลี่ยนไปมั้ย ไม่เปลี่ยนหรอก เพราะนกไม่ใช่เด็กอายุ 18-19 ที่เพิ่งจะมีความรักครั้งแรก เจอความรักมาแล้วหลายรูปแบบ เราเข้าใจมันอยู่แล้ว แต่ความรักครั้งนี้ทำให้เรารู้จักตัวเอง และทำให้เราได้รู้สึกถึงคำว่า “รัก” จริง ๆ 

อยากเจอคนแบบไหน
 
-สเปกมันมีอยู่ในใจแล้ว แต่ถึงเวลาเจอจริง ๆ มันอาจจะไม่ใช่ แค่เรารู้สึกดีกับคน ๆ นั้นก็พอ เน้นคุยกันรู้เรื่อง นกชอบคนธรรมดาติดดิน ไม่ชอบคนเรื่องมาก จะเจ้าชู้ก็ได้นกไม่ถือ แต่ถ้าจะคบกับนก คน ๆ นั้นก็ต้องหยุดนะ ก็ควรซื่อสัตย์ต่อกันและกันค่ะ
 
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับบทสัมภาษณ์แบบเปิดอกของสาวนกในวันนี้ คิดว่าน่าจะช่วยไขข้อข้องใจต่าง ๆ ของแฟนละครของเธอได้เป็นอย่างดี ยังไงก็อย่าลืมติดตามผลงานของเธอและช่วยเป็นกำลังใจให้กับเธอกันหน่อยนะจ๊ะ.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์