ตัวจริงของมนุษย์ธรรมดา? ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต


"ทำงานของเราไปเถอะ ทำตัวให้มีคนรัก ให้มีที่ยืนในวงการ ให้คิดถึงวันที่เราดร็อปที่สุด จะได้ไม่หลงกับความสำเร็จของตัวเอง"

"ขอโทษนะคะ ให้รอซะนานเลย" เสียงหวานๆ ดังออกมาจากปากบางจิ้มลิ้มที่กำลังยิ้มพรายของหญิงสาวสวย ซึ่งพิศมุมไหนก็ช่างคล้ายคลึงกับตุ๊กตาบลายธ์ที่เธอโปรดปราน

เป็นประโยคที่มาพร้อมเสียงฟู่ของไดรเป่าผม และมือที่แต่งแต้มสีไปตามใบหน้าของเธอ เพราะหลังจากหมดคิวละคร "ดอกส้มสีทอง" ในวันนั้นแล้ว "ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต" จะต้องฝ่ารถติดเพื่อไปให้ทันงานการกุศลงานหนึ่ง

ฮ็อตจริง-อะไรจริง ไม่ต่างจากบทบาท "เรยา" ที่เธอตีบทซะแตกกระจุย จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ของคนดูละครอยู่ในตอนนี้

เรียกว่าใครไม่รู้จักยัยเรยา สาวสวยที่ทะเยอทะยาน อยากใคร่ดีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง โดยเฉพาะสามีชาวบ้านแล้วละก็ บอกได้คำเดียวว่าเชยสุด-สุด

เป็นบทที่ถึงจะเสี่ยงกับคนเกลียด แถมหลายคนก็มองว่าเปลืองตัวชะมัด เพราะเลิฟซีนดุเหลือเกิน แต่สำหรับชมพู่แล้ว นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าของคำว่า "นักแสดง"

"ตอนแรกที่พี่หน่องติดต่อมา (อรุโณชา ภานุพันธ์) ชมปฏิเสธไป ทั้งที่ตอนอ่านบทก็เห็นภาพตัวเองเล่น"
ชมพูว่ายิ้มๆ

ด้วยสาเหตุที่ว่า ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้ามาช่องสามเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว เรียกว่าค่อนข้างใหม่ เคว้งคว้าง แถมยังมีภาพร้ายติดมาจากดาวเปื้อนดินซะอีก ทั้งที่คิดกี่ครั้งก็มั่นใจว่านี่คือบทที่ดี

และวันนี้ก็ทำให้เธอรู้ตัวเลยว่า "กังวลเว่อร์ไป"

"วันแรกบีบีแทบจะระเบิดเลย วันรุ่งขึ้นใครๆ ก็เรียกเรยาๆ แล้วไม่มีคนเกลียดด้วยนะ" ว่าแล้วก็ยิ้มกว้าง

เพราะนั่นหมายถึงว่าคนดูแยกแยะได้ว่านี่คือการแสดง ถึงแม้จะเฉือดเฉือนกับบรรดาเมียหลวงด้วยบทสนทนาแซ่บๆ ขนาดหนัก รวมถึงมีเลิฟซีนเพียบ ขนาดที่เจ้าตัวว่าบางทีวันทั้งวันอยู่แต่บนเตียง อยู่จนถึงกับต้องคำถามให้ตัวเองว่ากำลังทำไรอยู่กันแน่

นั่นเพราะทุกอย่างมีเหตุมีผลทั้งนั้น

"เรื่องมันไม่ได้จะขายเลิฟซีนหรือเรื่องบนเตียงอย่างที่ฮือฮากัน เลิฟซีนเป็นเหมือนตัวเล่าเรื่องว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ชมก็มีลิมิตในการเล่น คุยกับอาหมี (ผู้กำกับ) ตลอดถ้าไม่สบายใจ แล้วโชคดีที่เจอเพื่อร่วมงานที่ให้เกียรติและเกรงใจมาก จนบางทีเราต้องบอกว่าอย่าเกรงใจเลย ไม่อยากหลายเทก" เป็นคำอธิบายพร้อมเสียงหัวเราะ

จะว่าไปแล้ว ชมพู่ก็เป็นไอดอลของสาวๆ หลายคน ทั้งในเรื่องงานที่เวลากว่าสิบปี สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเธอคือหนึ่งในนักแสดงแถวหน้า ความสวยเริ่ดถึงขั้นได้รับการยกเป็นหนึ่งในนางเอกสุดเซ็กซี่ หรือแม้กระทั่งความรัก ...แต่ในใจลึกๆ ของเธอนั้น

"ชมเป็นไอดอลใครไม่ได้หรอก" ว่าแล้วก็ส่ายหน้าหวือ

"เพราะชมเป็นมนุษย์ปกติธรรมดา"

ธรรมดาที่มีรัก โกรธ ไม่ต่างกับทุกคน

เพราะงั้นเมื่อเจอข่าวแรงๆ อย่างล่าสุดที่เว็บไซต์หนึ่งเขียนเป็นนัยว่าเธอกับเคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ มีความสัมพันธ์เกินเพื่อนร่วมงานระหว่างถ่ายละครด้วยกัน ชมพู่เลยเลือกจะไม่ฟัง ไม่รับรู้ เพื่อจะได้ไม่โกรธ

"มีคนเล่าให้ฟัง ก็บอกเขาว่ามีอะไรบ้างที่ชมควรรู้ ควรสนใจ เขาก็บอกว่าไม่ต้องสนใจอะไรเลย ชมเลยตัดสินใจว่าไม่อ่านดีกว่า ภาษาที่เขาใช้แรง เนื้อก็แรง อันนี้พิจารณาจากที่เราเคยอ่านของคนอื่นมานะ ถ้าเราอ่านเราคงจุก เลยไม่อ่านดีกว่า"

คล้องกับหลัก "อย่าเก็บเป็นอารมณ์" ที่ชมพู่ยึดเสมอ ทุกครั้งที่ปัญหาเข้ามาทักทายชีวิต

"เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป ถ้าเรามีสติ"

สติที่เข้าใจว่านี่คือเรื่องธรรมชาติของโลก

""เป็นธรรมชาติของวงการ ของข่าว ถามตัวเองว่าโมโหไปแล้วทำอะไรได้ไหม วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็มีข่าวคนอื่นแล้ว ถ้าเราเข้าใจ เราก็จะไม่โกรธใคร""

ชมพู่ว่านี่คือหนึ่งในวิถีเอาตัวให้รอดในวงการของเธอ เพราะจากการที่เข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้สึกเสมอว่าวงการเปลี่ยนไปมาก

เปลี่ยนไปขนาดที่ว่าใครคิดจะเข้ามาใหม่ ต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าสมัยเธอเข้ามา

""เป็นยุคที่เปลี่ยนไปแล้ว บริโภคข่าวสารกันแบบฉาบฉวย ทำให้บางทีงานที่เราทำอยู่ถูกโฟกัสน้อยกว่าข่าว ทั้งที่จริงๆ แล้วควรโฟกัสมากๆ จะได้พัฒนาฝีมือ นี่ไม่มีผลดีอะไรเลย

"ถ้าเขาไม่เข้าใจ มองข้ามแก่นของมันไป จะกลายเป็นยังไง ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้ข่าวเหรอ คุณต้องทำงานให้เต็มที่เพื่อตัวคุณเอง คุณค่าของนักแสดงคืองาน ไม่ใช่ความหวือหวาชั่ววูบ ท้ายที่สุดงานคือตัวตัดสินและพิสูจน์ เราต้องรักษามันให้ได้ ให้สมกับที่เราได้โอกาสนี้มา"" เธอนิ่งไป แล้วว่าความฉาบฉวยนี้ ขนาดนี้พยายามหลีกห่างมันแล้ว แต่ก็ยังกระทบตัวเธออยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอคำถามถึงบุคคลที่สาม

ทุกเช้าชมพู่เลยมีงานเพิ่มขึ้นอีกอย่าง คือคอยตามกรณีต่างๆ เผื่อใครมาถามจะได้รู้ทางหนีทีไล่

"เรื่องของชาวบ้านเขา เราไม่เกี่ยว" ชมยักไหล่

"ทำงานของเราไปเถอะ ทำตัวให้มีคนรัก ให้มีที่ยืนในวงการ ให้คิดถึงวันที่เราดร็อปที่สุด จะได้ไม่หลงกับความสำเร็จของตัวเอง วงการมันแคบ คลื่นลูกใหม่ก็ไล่หลังมาเรื่อยๆ ถ้าทำบาปทำกรรมไว้เยอะ เวลาตกใครจะจ้างเราล่ะ" ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างพลางหันไปถามช่างทำผมว่าทรงนี้พอจะออกงานได้หรือยังนะ

งานเยอะขนาดนี้ มีเวลาพักผ่อนบ้างไหมละเนี่ย

"ช่วงนี้นอนน้อยมาก แค่วันละสามสี่ช่วงโมง" เป็นคำตอบที่มาพร้อมการหาวโชว์ซะเลย

ไม่ให้เป็นงี้ได้ไงล่ะ "ดอกส้มสีทอง" ก็ยังถ่ายค้างอยู่ แล้วยังมี "เมียแต่ง" ที่ขอพลิกไปเล่นเป็นเมียหลวงสุดเรียบร้อย แถมบทฮาๆ จากละครเพลงที่ต้องร้องหมอลำด้วยอย่าง "ต้มยำลำซิ่ง"

"แต่ก็ยังดี ควรดีใจที่เรามีงานทำ"

เพราะงั้นเวลาว่างปุ๊บ เลยขออย่างเดียว ขอนอน

"ตอนนี้นอนได้หมดเลย ที่ไหนก็ได้ เมื่อก่อนกองถ่ายไม่ได้เลยนะ ไม่เอาคนเยอะ ตอนนี้ห้านาทีก็สามารถ"

แถมความสุขของสาวสวยคนนี้ยังหาง่ายจะตาย แค่ได้อยู่กับพ่อแม่ ตื่นเข้ามาเปิดตู้เสื้อผ้าแต่งตัวสวยๆ ได้ทำธุรกิจในสิ่งที่รักอย่างน้องบลายธ์ ได้กินของอร่อยๆ ได้นอน ได้เล่นกับหมา แค่นี้ก็พอใจแล้ว

"ชีวิตก็แค่นี้ ไม่รู้จะอยู่อีกนานแค่ไหน ใช้ทุกนาทีให้มีความสุขดีกว่า"



"ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต"

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์