ดาราม่าย ครองมายา




รักกัน แต่งงานกัน แต่เมื่อถึงวันที่ไม่เข้าใจกัน ต่างก็เลือกที่จะมีชีวิตเป็นของตนเอง

บางคู่แต่งงาน จดทะเบียน ก็ต้องไปหย่าที่อำเภอ บางคู่แต่ง แต่ไม่จดทะเบียน ก็เลิกกันได้สะดวกหน่อย บางคู่แต่งงาน มีทะเบียนสมรส แต่ประกาศชัดว่าเลิกกัน แต่ทั้งหมดนี้ต่างมีคำติดตัวว่า "ม่าย"

โดยเฉพาะผู้หญิงในวงการบันเทิงนั้น ดูจะมีคำนำหน้านามว่า "แม่ม่าย" กันเยอะ

และแต่ละคนที่เห็นๆ ล้วนเป็นม่ายพราวเสน่ห์แทบทั้งสิ้น ดูอย่างแม่ม่ายกินเด็ก "เจ๊จิ๊ก"เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ สิ โดยเจ้าตัวเผยความรู้สึกถึงคำว่าแม่ม่ายว่า "คำนี้ไม่รู้สึกอะไรนะ จะรู้สึกแค่ว่าเรากลับมาเป็นโสดอีกครั้ง มีอิสระที่จะคิดหรือทำอะไรได้มากขึ้น จะว่าไปรู้สึกภูมิใจมากกว่าเพราะได้กลับมาใช้ชีวิตโสด"

แล้วกับคำว่า "ม่ายพราวเสน่ห์" ล่ะ "ใครเขายกให้เป็นขนาดนั้น แต่ที่ดูสวยขึ้นอาจเป็นเพราะเราสบายใจขึ้น"

ส่วนม่ายสาวแอ๊บเด็ก "แก้ว"อภิรดี ภวภูตานนท์ เผยว่า "แก้วรู้สึกไม่ค่อยดีกับคำว่าแม่ม่าย มันดูเป็นคนที่เดียวดายไม่มีคู่ เหงาๆ แก้วไม่ชอบคำนี้เพราะแก้วเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว ชอบมีคนรัก มีคนรอบข้างเยอะๆ กับที่บอกว่าแก้วเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องหรือแม่ม่ายพราวเสน่ห์ คนอื่นอาจจะมองว่าดีและน่าชื่นชม แต่แก้วไม่คิดแบบนั้น แก้วก็อยากมีคนรักที่เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้อยากเป็นแม่ม่ายอย่างที่คนอื่นตั้งให้"

ด้าน "ปู"ปริศนา กล่ำพินิจ แย้มว่า

"ปูคิดว่าผู้หญิงทุกคนคงอยากแต่งงานครั้งเดียว แล้วก็มีคู่อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต คำว่าแม่ม่ายเป็นคำที่ปูไม่ชอบ เป็นคำที่หมายถึงการไม่ประสบความสำเร็จในการมีครอบครัว แล้วที่คนบอกว่าปูเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องหรือพราวเสน่ห์ อันนี้ปูไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น และทุกวันนี้ปูก็ยังอยากมีใครสักคนที่เข้าใจและสามารถอยู่ครองรักกันไปจนตายได้"



ม่ายสาวหน้าฝรั่ง "ฟร้อน มอนโกเมอรี่" เผยถึงคำว่าแม่ม่ายว่า

"คำว่าแม่ม่ายถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะไม่ดีแปลว่าผู้หญิงที่มีตำหนิ แต่สมัยนี้การเป็นแม่ม่ายเป็นสิ่งธรรมดา คือคนไทยปัจจุบันนี้เปิดกว้างกับเรื่องนี้มากขึ้น เวลาใครบอกว่าเราเป็นแม่ม่ายก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เหมือนเดิม เพียงแค่เราโตขึ้น และมันก็ทำให้เราคิดก่อนทุกครั้งเวลามีใครเข้ามา เราจะคิดหนักกว่าเมื่อก่อน"

"ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าจะหมายความว่าเป็นผู้หญิงมีตำหนิ ผู้หญิงที่ผิดหวังในเรื่องความรัก แต่สำหรับษามันโอเคนะ ชีวิตคนเราอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" ดาราสาว "ษา"วรรณษา ทองวิเศษ เผยความรู้สึกถึงคำว่า "แม่ม่าย"

จากนั้นก็กล่าวว่า "แม่ม่ายมันมีหลายแบบ ม่ายขันหมาก ม่ายหย่า ม่ายสามีทิ้ง ม่ายสามีตาย แต่ทุกอย่างก็รวมเป็นคำว่าแม่ม่าย หลังเป็นม่าย การดำเนินชีวิตของษาก็ยังเหมือนเดิม แต่สถานภาพคนจะมองว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงโสดเหมือนก่อนแล้ว"

แล้วกับคำว่า "แม่ม่ายพราวเสน่ห์" ล่ะ
 
"มันคงเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ผู้ชายสมัยนี้ชอบผู้หญิงเก่ง แต่ถึงจะเป็นม่าย ก็เลือกได้นะ จะเลือกนานกว่าตอนเป็นโสดอีก คือพอเป็นแม่ม่ายแล้วเราต้องระวังตัวมากขึ้น คบใครก็ต้องดูนานๆ ให้แน่ใจก่อน"

ม่ายมือใหม่ "บุ๋ม"ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เผยความรู้สึกถึงการเป็นม่ายว่า

"รู้สึกโหวงๆ (หัวเราะ) แต่เราก็ต้องเดินไปข้างหน้าเพราะเรามีอนาคต ในเรื่องครอบครัวเราผิดหวังมาแล้ว ถ้าจะต้องมาเสียเรื่องงานด้วย เราจะไม่เหลืออะไรสักอย่าง"

"ด้วยความหวังก็ยังอยากกลับมาเป็นครอบครัว แต่ ณ ตอนนี้ พอต่างคนต่างอยู่ทำให้เรารู้สึกดีต่อกัน ทำให้มาคิดว่าหรือเราจะอยู่กันอย่างนี้ต่อไป เอาไว้นานๆ ทีมาเจอลูกแบบพร้อมหน้ากัน เราต้องทำใจกับการเป็นโสด ที่ต้องทำอะไรด้วยตัวคนเดียวค่ะ"



ม่ายสาวรุ่นใหญ่ "หมู"ภรผกา (พิมพ์ผกา) เสียงสมบุญ เกิดอาการอยากมีคู่อีกครั้ง
 
"ตอนนั้นตั้งใจที่จะกลับมาโสดนะ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ความรู้สึกไม่อยากโสดแล้ว เพราะโสดมาแล้วตั้ง 10 ปี พอกลับมาอยู่ในสถานภาพโสดนานๆ เข้า ก็เริ่มเบื่อสถานภาพนี้แล้ว ว่าแต่ว่ายังหาคนที่ใช่ไม่ได้สักที แต่ก็ไม่เป็นไรหาไม่เจอในตอนนี้ เราก็ยังคงเดินทางหารักแท้ต่อไป" ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ

"ดีใจค่ะ คือนัทไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรกับคำว่าแม่ม่าย เพราะจริงๆ ถ้าคนมองแบบนี้นัทถือว่าเขาให้เกียรติเรานะ" ม่ายสาวแสนสวย "นัท มีเรีย" เผยความรู้สึก เมื่อถูกคนมองว่าเป็นแม่ม่ายพราวเสน่ห์

"นัทต้องขอบคุณคนที่ยังคิดว่านัทดูดีในสายตาของเขาอยู่ จริงๆ นัทก็ไม่ได้พราวเสน่ห์ขนาดนั้น แต่ที่ดูสดใสอาจจะอยู่ที่จิตใจ ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ พูดดี คิดดี ทำดี ดูแลสุขภาพ อย่างนัทเป็นคนทานน้ำ ทานผักเยอะ ออกกำลังกายบ้าง นอนให้เต็มอิ่ม แค่นี้นัทว่าก็พราวเสน่ห์ทุกคนแหละค่ะ"

ครองความเป็นม่ายมา 9 ปี สำหรับ "เง็ก"กัลยา เลิศเกษมทรัพย์

โดยเจ้าตัวเผยว่า "กับคำว่าแม่ม่ายแรกๆ ก็รู้สึกหวิวๆ กับคำนี้ แต่ระยะหลัง คนในวงการหลายคนที่แต่งงานแล้วไปด้วยกันไม่ได้ก็เลิกกัน มันไม่ใช่มีเราเพียงคนเดียวค่ะ"

"ชีวิตโสดค่อนข้างดี มีอิสระ อยากทำอะไรก็ทำ มันสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนคนที่มองเราเป็นม่ายทรงเครื่องหรือม่ายพราวเสน่ห์ เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้ เพราะเราเคยแต่งงานมีสามีและมีลูกแล้ว เราไม่ได้รังเกียจและก็ขอน้อมรับ แล้วแต่คนจะคิด"

กลายเป็นม่ายโดยพฤตินัย สำหรับ "โบ"ชญาดา มัสยวานิช ที่ครองโสดมาได้ 2 ปีแล้ว
 
ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า "ชีวิตโสดกับชีวิตเมื่อก่อนของโบก็ยังเหมือนเดิม เรายังทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากวิถีเดิมคือเลี้ยงลูกและทำงาน"

"กับคำว่าม่ายสาวพราวเสน่ห์ถ้าเป็นคำชมโบก็รู้สึกยินดีและขอบคุณที่คนยังมองว่าเราสาวและมีเสน่ห์ (หัวเราะ) ทำให้เรามีกำลังใจทำงานต่อไป คำว่าม่ายโบรู้สึกกลัวเหมือนกันนะกับคำนี้ ไม่อยากใช้ ตรงนี้ก็แล้วแต่คนจะเรียก แต่เราก็ยังเป็นโบ-ชญาดา เหมือนเดิมค่ะ"

"จริงๆ โยยังไม่เป็นแม่ม่ายนะ เพราะยังไม่ได้หย่าตามกฎหมาย (หัวเราะ)" สาวเลือดอาทิตย์อุทัย "โยโกะ ทาคาโน่" แย้งขึ้นทันที เมื่อถูกถามเรื่องการเป็นแม่ม่ายพราวเสน่ห์

"กับคำว่าแม่ม่ายทรงเครื่องหรือม่ายพราวเสน่ห์ โยว่าถ้าเป็นสมัยโบราณเป็นคำที่ฟังแล้วไม่ดีเท่าไร แต่ถ้าเป็นสมัยนี้จะฟังให้เป็นคำชมก็ได้ แบบว่าผ่านการแต่งงานมาแล้วแต่ยังดูพราวเสน่ห์อยู่เลย การที่คนมองว่าโยเป็นแบบนั้นก็ต้องขอบคุณ ส่วนหนึ่งคงเพราะเวลาโยแต่งตัวออกงานจะค่อนข้างหวือหวานิดนึง ทำให้คนรู้สึกว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไรสถานภาพยังไงเราก็ยังคงสไตล์แอบเซ็กซี่อยู่"

ม่ายหมาดๆ "ยู่ยี่"อลิสา อินทุสมิต แย้มว่า "ยี่แต่งงานและใช้ชีวิตครอบครัวมา 5 ปี

ตอนนี้มาเป็นโสดอีกครั้งก็รู้สึกแปลกๆ เพราะโสดในตอนนี้ ไม่เหมือนโสดในสมัยก่อน ตอนนี้เรามีหน้าที่รับผิดชอบมีลูกแล้ว" "กับคำว่าแม่ม่าย ยี่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีหรือไม่ดีกับคำๆ นี้ มันอยู่ที่การตัดสินใจของเราว่าจะทำหรือไม่ทำมากกว่า และในอนาคตยี่ก็ยังมีความหวังว่าเราจะมีความรักให้กันและกันค่ะ"

จะเป็นม่ายหรือมีคู่ ถ้าอยู่แล้วมีความสุข จะสถานภาพอย่างไรก็ไม่เป็นอุปสรรค


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์