ดารา หนิง หมออ้อย แจ้งจับกระเทยตุ๋น


ดาราสาว"หนิง-ปณิตา" จับมือ"หมออ้อย"หรือ "เจนนี่" ขึ้นโรงพักแจ้งจับกะเทยแสบ "แชมป์" แอบอ้างชื่อหลอกเงินเด็กที่อยากเข้าวงการ

เผยอ้างเป็นเลขาและสนิท "หมออ้อย" ทาบทาม "หนิง" เป็นพิธีกรเคเบิลทีวีและพยายามหลอกให้ออกมาเจอเหยื่อ เห็นพิรุธเลยสอบถามคนที่ถูกอ้างชื่อสุดท้ายจึงรู้ว่าโดนหลอก ด้าน "เจนนี่" ยอมรับว่าสนิทเพราะมาตีซี้อ้างว่าเป็นแฟนคลับ ตามดูแลและเชื่อใจยอมให้นอนพักที่บ้านมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีพฤติกรรมล่อลวงมาก่อน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ก.ค. ดาราสาวชื่อดัง "หนิง" ปณิตา พัฒนาหิรัญ และ "หมออ้อย" หรือ "เจนนี่" จุฑารัตน์ เทียมสุวรรณ พร้อมด้วยนายปิ่นศิริ ศิริปิ่น หรือ "ครูปิ่น" ผู้บริหารโรงเรียนดนตรีและลีลาศิริปิ่น นำนักเรียนในสังกัดจำนวน 5 คน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วัชระ ตั้งยะฤทธิ์ พงส.(สบ3) สน.สุทธิ สาร ให้ดำเนินคดีนายรัฐ ริมพลีกุล หรือ "ไฮโซแชมป์" หรือ "ตะวัน" กะเทยแสบที่นำชื่อไปแอบอ้างล่อลวงหลอกเงินผู้อื่นทำให้ได้ความเสียหาย

"หนิง"ปณิตา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พบกับนายแชมป์ที่งานแต่งของ "นุ่น" วรนุช วงษ์สวรรค์ โดยบังเอิญ นายแชมป์เข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นเลขาหมออ้อย กำลังจะทำเคเบิลทีวีโดยมีครูปิ่นเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย จึงอยากให้ตนเป็นพิธีกร แล้วสอบถามถึงราคาค่าจ้าง ตนจึงเรียกไปเทปละ 40,000 บาท จากนั้นไม่นานนายแชมป์ติดต่อกลับมาบอกว่า ตกลงจ้างตนเป็นพิธีกร แต่อยากให้ออกมาเจอกับพ่อกับแม่ของคนที่จะมาเป็นพิธีกรคู่ด้วยซึ่งเป็นลูกหลานของเครือซีพี ก่อนจะเริ่มงานจริง แต่ได้ปฏิเสธไปเพราะรู้สึกผิดปกติ เนื่องจากเวลารับงานจะเจอกันที่งานเลย ไม่มีการเจอกันก่อน พอโทรศัพท์ไปพูดคุยกับครูปิ่นเลยรู้ว่า นายแชมป์นำชื่อของครูปิ่นมาแอบอ้าง โดยที่ครูปิ่นไม่รู้เรื่องด้วย



"หนิง"ปณิตา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังทราบว่า นายแชมป์ยังเอารูปของตนที่ขอถ่ายคู่ด้วยตามงานต่างๆ ไปแอบอ้างหลอกเด็กวัยรุ่นว่ารู้จักสนิทสนมกัน เพื่อหลอกให้เด็กหลงเชื่อ จากนั้นหลอกว่าสามารถพาเข้าสู่วงการได้ บางครั้งหลอกว่าจะให้เป็นพิธีกรคู่กับตน แล้วเรียกเก็บเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะตนเพียงคนเดียวดาราคนอื่นๆ ก็ถูกนำรูปถ่ายไปหลอกลวงเหมือนตนเช่นเดียวกัน จึงต้องเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และให้นำตัวมาดำเนินคดี เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และจะได้ไม่มีใครตกเป็นเหยื่ออีก

ด้าน "ครูปิ่น" กล่าวว่า รู้จักกับนายแชมป์ตามงานสังคมต่างๆ นายแชมป์มาขอถ่ายรูปด้วย พร้อมกับแนะนำว่า เป็นเลขาหมออ้อย และทำโมเดลลิ่งอยู่ โดยทางบ้านมีที่ดินและทำธุรกิจเกี่ยวกับต้นลีลาวดีบนภูเขาในจ.ราชบุรี เป็นจำนวนมาก อยากส่งเด็กเข้ามาเรียนร้องเพลงที่โรงเรียน เพื่อเตรียมส่งประกวด เลยรับสอนให้เดือนละกลุ่ม แต่พอสอนไปได้ 3 กลุ่ม ได้ยินนักเรียนคุยกันว่านายแชมป์ขอยืมเงินจากเด็ก และเรียกเก็บเงินเด็กโดยอ้างว่าเพื่อซื้อตำแหน่งในการประกวดหนุ่มหล่อของนิตยสารชื่อดัง รายละ 10,000-20,000 บาท และหนักสุดคือหลอกเด็กว่าจะให้ร่วมหุ้นทำเคเบิลด้วย โดยเรียกเก็บเงิน 40,000 บาท เด็กหลงเชื่อให้เงินไปหลายราย พอตนรู้เรื่องจึงปรึกษากับหนิงและหมออ้อย กระทั่งตกลงกันว่าต้องแจ้งความ เพื่อไม่ให้มีใครถูกหลอกลวงอีก เพราะหากใคร ไม่รู้จักจะหลงเชื่อได้ง่าย เนื่องจากนายแชมป์มักจะทำตัวเป็นไฮโซหิ้วกระเป๋าสะพายใบละ 400,000 บาท ออกงานสังคมต่างๆ แล้วขอถ่ายรูปคู่กับคนนั้นคนนี้มาแอบอ้าง



ขณะที่ "หมออ้อย" กล่าวว่า ในส่วนของตนจะแจ้งข้อหาแอบอ้าง เพราะนายแชมป์นำชื่อไปแอบอ้างว่าเป็นผู้จัดการบ้าง เป็นเลขาบ้าง ทำให้เกิดความเสียหาย แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายแชมป์จริง โดยก่อนหน้านี้นายแชมป์เข้ามาพูดคุยแล้วบอกว่าตนเป็นดาราในดวงใจของเขา แล้วมักมาดูตนอัดรายการเกือบทุกครั้ง บางครั้งทำทีมารับและคอยดูแล จนใครๆ คิดว่านายแชมป์เป็นเลขาหรือผู้จัดการจริงๆ ยอมรับว่าเชื่อใจถึงขั้นให้ไปนอนพักที่บ้านมาแล้ว 2 ครั้ง แต่พอมารู้ว่านำชื่อไปแอบอ้าง ก็ต้องออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

นอกจากนี้นายกรพจน์ จิรัฐิติอำไพวงศ์ อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง หนึ่งในเหยื่อกะเทยแสบรายนี้ กล่าวว่า รู้จักกับนายแชมป์โดยบังเอิญที่ห้างเซ็นทรัล สาขาแจ้ง วัฒนะ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายแชมป์เข้ามาสะกิดแล้วถามว่ารู้จักตนหรือไม่ เมื่อบอกไปว่าไม่รู้จัก นายแชมป์บอกว่าเป็นเลขาหมออ้อย และสนิทกับครูปิ่น หากอยากร้องเพลงจะพาไปรู้จัก โดยเรียกเก็บเงินค่าพาไปสมัครเรียนร้องเพลง 4,000 บาท จึงให้เงินไป แล้วนายแชมป์ก็พาไปเรียนกับครูปิ่นในวันนั้นเลย ต่อมาวันรุ่งขึ้นนายแชมป์โทรศัพท์มาเสนอว่าจะให้เป็นหุ้นส่วนทำเคเบิลด้วยกัน โดยให้จ่ายเงิน 40,000 บาทก็หลงเชื่อให้เงินไป แต่พอเล่าให้พี่ชายฟัง พี่ชายบอกว่าแปลกๆ ไม่น่าเป็นไปได้ เลยมาปรึกษาครูปิ่น จนรู้ว่าน่าจะถูกหลอก เลยรีบมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.ท.วัชระ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดในท้องที่สน.สุทธิสาร แต่เกิดในหลายท้องที่ และเกิดภายในห้างสรรพสินค้าด้วย จึงแนะนำให้ผู้เสียหายแต่ละคนไปแจ้งความในท้องที่ที่เกิดเหตุต่อไป


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์