ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด



เป็นอีกหนึ่งไอดอลที่เด็กผู้หญิงหลายคนยกเป็นต้นแบบ สำหรับสาวเสียงดี ธนิดา ธรรมวิมล หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในนาม ดา เอ็นโดรฟิน วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยต้องคว้าตัวมาล้วงลึกสาวเก่งคนนี้สักหน่อยว่าเส้นทางความสำเร็จนั้นได้มายังไง รวมทั้งขอเข้าไปดูมุมมองความรักที่สวยงามของเธอด้วย





ทำไมก้าวมาเป็นนักร้องได้?
 
“คือก่อนที่จะเข้ามาได้มันก็มีอุปสรรคมากมาย ครอบครัวดาไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องดนตรีเท่าไหร่ ก็จะมีปากมีเสียงกันตลอด คุณพ่อทำทุกอย่างเพื่อให้เราหยุด แต่พอมันจะง่ายก็ง่ายมาก คือดาไปห้องซ้อมดนตรีปรากฏว่าเจ้าของห้องซ้อมเป็นเพื่อนโปรดิวเซอร์ เขาก็ขอไรท์แผ่นซีดีเสียงดาไปให้เพื่อนเขาฟัง แค่อาทิตย์เดียวทางแกรมมี่ก็โทรฯ เรียกดาไปดูตัว ตอนนั้นดาอายุ 18 ยังเซ็นสัญญาไม่ได้ ต้องมีผู้ปกครอง ก็โทรฯ หาพ่อให้เข้ามาที่แกรมมี่ ก็บอกท่านว่าเราได้เซ็นสัญญาแล้วนะ พ่อยังไม่เชื่อเลยค่ะ เพราะเราทำทุกอย่างท่านก็ไม่เห็นหรือรับรู้อะไรทั้งสิ้น วันนั้นพ่อก็มาเซ็นสัญญาให้ แล้วดูสิชีวิตดาก็เปลี่ยนเลย หลังจากที่ดาเซ็นสัญญาไปแล้ว พ่อก็ดูเหมือนจะสบายใจขึ้นที่มีคนดูแลเรา คือต้องบอกว่าพ่อดาเป็นตำรวจ แม่เป็นครู มันเป็นอะไรที่ต้องอยู่กับกรอบสูง แล้วดาก็เป็นเด็กที่ฉีกกรอบมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ดาอยากจะบอกน้อง ๆ ทุกคนว่าดื้อได้นะ แต่เราต้องรู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ค่ะ”
  
7 ปีบนถนนนักร้อง มันให้อะไรกับดาบ้าง?
   
“ให้เยอะแยะมากมายเลยค่ะ ตอนแรกเราก็รู้สึกอิจฉาเพื่อนว่าทำไมเราถึงไม่ได้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น ชีวิตมันต้องกลายมาเป็นวัยทำงาน แต่พอกลับมานั่งคิดก็กลับเป็นว่าเราโชคดีจัง ทุกวันนี้เพื่อนดาบางคนยังหางานอยู่เลย และอย่างที่สองคือดาได้บ้านหลังแรกด้วยน้ำพักน้ำแรงของดาเอง รวมทั้งดายังได้รถ ตึกพาณิชย์ ที่ดินที่ราชบุรี 100 ไร่ แต่ทุกอย่างดาทำให้ครอบครัวก่อน ถ้าคนที่อยู่ข้างหลังเราสบายแล้ว ต่อไปเราจะทำอะไรจะได้รู้สึกไม่เห็นแก่ตัว และอีกอย่างที่ได้มาจากอาชีพนี้อีกก็คือความสุข ดาได้เจอคนที่น่ารัก เจอแฟนเพลง ทำชีวิตทุกวันให้ไม่เหมือนเดิม ก็เลยรู้สึกว่าชีวิตศิลปินมันได้อะไรที่มากกว่าการได้เงินตราหรือชื่อเสียงค่ะ”


ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด


ที่ผ่านมาดูเหมือนดาจะไม่มีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ เลย เรามีวิธีวางตัวยังไง?
   
“ดาก็ยังไปเที่ยวสถานที่บันเทิง กิน ดื่ม เหมือนวัยรุ่นทุกอย่าง แต่ดาคิดว่าจะทำยังไงให้มันไม่ไปถึงครอบครัวหรือเพื่อนเรา ดาเคยไปร่วมโครงการเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ดาไม่ได้พูดนะว่าดาไม่ดื่ม หรือวัยรุ่นห้ามดื่ม แต่จะทำยังไงให้ตัวเองไม่เดือดร้อน ส่วนเรื่องเนื้องานดาก็ขอให้เป็นงาน เพราะคนรักเราจากงานก่อนที่คนจะมารู้จักเราด้วยซ้ำ เพลงดาดังกว่าตัวดาอีก เราก็รู้สึกดีที่เราเริ่มขายด้วยเพลง ยังไงคนก็จะอยู่กับเราด้วยเพลงมากกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดาภูมิใจเล็ก ๆ มาตลอด เหมือนเขาเริ่มฟังเพลงเรา และถ้าเพลงเรายังดีอยู่ เขาก็จะฟังเพลงเราไปตลอด ไม่ได้มายึดติดตัวดา”

ส่วนตัวคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง?

       
“จริง ๆ ดาว่ามันเกินคาดตั้งแต่อัลบั้มแรกแล้วค่ะ คือตอนที่ดาเข้ามาในแกรมมี่ก็ไม่คิดว่ามันจะดัง แค่ได้ออกเทปกับแกรมมี่ก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่แล้วค่ะ ถ้าพูดถึงความสำเร็จก็ต้องเป็นการออกอัลบั้มแรกเป็นของตัวเอง นอกนั้นก็คือกำไรบ้าง เป็นมืออาชีพต้องทำอะไรต่อ ต้องเก็บอะไรไว้ ต้องเดินหน้าไปทางไหน”

เดี๋ยวนี้ศิลปินทำงานเกี่ยวกับการกุศลบ่อย อย่างการขึ้นคอนเสิร์ต “กรีนเวฟ คอนเสิร์ต ดา แอนด์ ดิ ไอดอล อันเบรมี ฮาร์ท” ส่วนตัวดาคิดว่าศิลปินควรมีบทบาทตรงนี้มากน้อยแค่ไหน?
   
“ดารู้สึกว่ากรีนคอนเสิร์ตมีอิทธิพลกับคนสูงมาก เพราะได้นำเงินส่วนหนึ่งไปช่วยมูลนิธิต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งของดาได้มูลนิธิเพื่อการสนับสนุนผ่าตัดหัวใจเด็ก แม้ว่าคอนเสิร์ตจะจบไปแล้ว แต่เราก็ยังสามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีออมทรัพย์ธนาคารธนชาต สาขาอโศก ชื่อบัญชี บริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย จำกัด เพื่อมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก เลขที่บัญชี 110-6-00234-6 ค่ะ คืออันนี้มันเป็นโครงการใหญ่ที่สามารถทำร่วมกันได้หลายคน แต่ดาก็ยังอยากให้เรื่องเล็ก ๆ ก็ทำกันเองได้ เช่น ดาไปเดินสวนจตุจักร ดาชอบให้เงินวณิพก เพราะรู้สึกว่าเขาขายดนตรีเหมือนเรา ดาคิดว่าเมื่อเรามีแล้ว เราก็แจกจ่ายความสุขบ้าง คือแค่เราทำเรื่องเล็ก ๆ ให้มันมีคุณค่า จริง ๆ ดาชอบเรื่องบันเทิงกับการกุศลนะ เพราะคนบันเทิงคือคนที่คนอื่นรู้จัก เป็นตัวแทนให้ใครต่อใครได้ อย่างวันเกิดดาที่ผ่านมา ดารวบรวมเงินทริปที่แฟนเพลงให้ เอาไปบริจาคที่บ้านเด็กตาบอดราชวิถีในชื่อดากับแฟนเพลงค่ะ”


ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด


เราได้เคยมองอนาคตบ้างมั้ย ว่าอยากจะทำอะไรอีก?
   
“ดาอยากทำห้องซ้อมดนตรีแบบสตูดิโอ อิน การ์เด้น อยากทำในสวน เพราะห้องซ้อมในกรุงเทพฯ มันค่อนข้างจะแออัด เป็นห้องสี่เหลี่ยมปูน ๆ แต่ดาอยากทำแบบเป็นบ้าน 2 ห้อง มีห้องกาแฟ มีครัวไทย ด้านนอกห้องซ้อมมีต้นไม้เยอะ ๆ เป็นที่รีแล็กซ์ เพราะคนมาซ้อมดนตรีก็ต้องการพักผ่อน ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เก็บเงินเพื่อที่จะได้มาทุ่มกับธุรกิจนี้ ดามองดนตรีในมุมซีเรียสแค่บางครั้งนะ เช่น ในคอนเสิร์ตใหญ่ นอกนั้นดาอยากให้มองในเรื่องสนุกมากกว่าค่ะ เพราะเราอยู่กับดนตรีเพื่อความสุข ไม่ได้แบกให้มันเครียด”

มีเพลงไหนของดา ที่รู้สึกว่าตรงกับชีวิตเราบ้างมั้ย?

   
“สิ่งสำคัญ” ค่ะ เพราะปัจจุบันสำคัญ อดีตกับอนาคตก็ตัดไปก่อน อย่างบางทีเราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นฐานะเพื่อนหรือแฟน ก็ชอบไปแพลนและบังคับชีวิตในอนาคตเยอะเกินไป ต่างคนต่างสร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง ซึ่งเพลงนี้มันบอกทำทุกวันให้มันดี อะไรที่เคยพลาดพลั้งไปขอโทษกัน ก็เป็นเพลงที่ตรงมาก พอมองแบบนี้ก็แฮปปี้”

แล้วตอนนี้หัวใจเป็นยังไงบ้าง?
   

“ตอนนี้อยู่คนเดียว ก็สบายใจดีค่ะ บางคนบอกว่าทำไมดาไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักสักที อาจเพราะพอดาได้เริ่มนับหนึ่งกับใครปุ๊บ พอมีงานสวนเข้ามา การที่เราจะได้รู้จักตัวตนจริง ๆ ซึ่งกันและกันจะลดลง การสานความสัมพันธ์ก็ช้า พอช้าก็เบื่อ ก็เป็นเพื่อนกันดีกว่า อันนี้เป็นสเต็ปที่ดาเจอมาตลอดนะ แต่ดาคุยได้ทุกคน ไม่ได้เลือกว่าต้องหล่อ รวย ดัง ไม่มีในความคิดเลยเด็ดขาด ดาคิดว่าต้องเป็นคนดีและเข้าใจเท่านั้น ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าหาคนคลิกยากหน่อย แต่ดาเป็นคนเปิดใจนะ ถ้ามีใครมาชอบดาก็คุยด้วยตลอด แต่ว่าเราศึกษาไปแล้วไม่ใช่ เราก็กลายเป็นเพื่อนกัน แล้วดาจะพูดตรง ๆ ว่าไม่ใช่ คือดาจะไม่เก็บเขาไว้มันจะทำให้เสียเวลาทั้งเขาและเรา”

ประสบการณ์ความรักครั้งที่ผ่านมามันสอนอะไรดาบ้าง?
   
“สอนเรื่องความเข้าใจ ความใจเย็น เพราะเราเป็นคนทำงานเยอะ ความรักดาก็ตามอายุเหมือนกัน อย่างตอนวัยรุ่นดาก็รักหัวปักหัวปำ แต่พอโตขึ้น ความเข้าใจกลายเป็นอันดับ 1 ถ้าไม่เข้าใจจะไม่เกิดความรักขึ้นเลยนะ ความรักและความเข้าใจมันต้องเดินคู่กัน ซึ่งทำให้ตอนแยกจากกัน อาจจะโกรธเคืองกันบ้างเล็กน้อย มันเหมือนเพลงที่ดาแต่ง “ครั้งหนึ่งเราเคยรัก” คือดามองความรักแบบนี้จริง ๆ ว่าคนเราเมื่อไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว มันจะเกลียดกันทั้งชีวิตเลยเหรอ มันก็ต้องมีโมเม้นต์ที่แฮปปี้สิ มันก็ต้องมีเรื่องดี ๆ ที่เคยผ่านมาด้วยกัน”


ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด


ที่ผ่านมาคนที่เราคบจะออกแนว ๆ นะ สเปกดาจริง ๆ ต้องเป็นผู้ชายแบบนั้นมั้ย?
   
“มันเป็นไปเองค่ะ ด้วยอาชีพการงานของเราแบบนั้น แต่ดาไม่มีสเปกนะว่าต้องเป็นแบบไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ รักดนตรีเหมือนเราก็ดี จะได้มีเรื่องคุยในชีวิตประจำวันมากขึ้น แทนที่เราจะคุยแค่กับข้าวและเสื้อผ้า มันก็มีเรื่องดนตรีที่เราสามารถคุยกันได้ทุกวัน”

ถ้าหากมีคนเข้ามาในตอนนี้ดามองถึงขั้นแต่งงานเลยหรือเปล่า?

   
“โอ๊ย! ไม่ได้คิดเลยนะ ตอนนี้การแต่งงานสำหรับดามันเป็นเรื่องตามประเพณีมากกว่า อาจจะจดทะเบียนสมรสถูกต้อง จัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัว แค่อยู่กินด้วยกัน ซึ่งพ่อแม่ดาบอกว่าดาไม่มีแฟนดีแล้ว เพราะเวลาเรามีแฟนเราจะหาย พ่อแม่จะแอบงอน ช่วงไหนที่ไม่มีแฟนจะกลับบ้านตลอด พ่อแม่จะปลื้ม ซึ่งถ้าดามีใครก็จะเอามาให้ที่บ้านรู้จักทุกคน เขาจะได้รู้จักที่มาที่ไปของคนเหล่านั้นค่ะ”
   
การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ไปกดดันอนาคต เป็นแนวคิดที่ดีมาก ๆ ของสาวน้อยที่ชื่อ ดา เอ็นโดรฟิน จริง ๆ สมแล้วกับที่เป็นไอดอลของน้อง ๆ จริง ๆ.


คนกลาง/สุพัตรา เมตะศิริ

ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด


ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด


ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด


ดา อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้ดีที่สุด

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์