ชีวิตในแบบฉบับของพิม พิมพ์มาดา

ผ่านทั้งงานการแสดง

การเป็นนักร้อง พิธีกร รวมถึงการเล่นละครซิทคอมมาแล้ว ล่าสุดนางเอกนักร้องหน้าตาสดใส "พิม" พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกรณ์ กำลังจะได้โชว์อีกหนึ่งผลงาน นั่นคือการชิมลางงานแสดงละครเวทีครั้งแรกกับ "ลูกคุณหลวง" ซึ่งจะเปิดการแสดงให้ชมรอบแรกวันที่ 17 สิงหาคม นี้แล้ว


ก่อนที่การแสดงบนเวทีจะเริ่มต้นขึ้นบันเทิง "คม ชัด ลึก" 

ถือโอกาสจับเข่านั่งคุยกับสาวคนนี้เสียก่อน เรียกว่าคุยกันสบายๆ ถึงเรื่องชีวิตการงาน รวมถึงล้วงลึก เรื่อยไปถึงหัวใจ ว่าเธอกับเขาคนนั้น?? ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ว่าแล้วตามมากันเลย



ครั้งแรกกับละครเวที

ตื่นเต้นมากๆเพราะว่าเป็นครั้งแรกสำหรับพิม แล้วเป็นอะไรที่ใหญ่ เหมือนชีวิตนักแสดงคนหนึ่ง ครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากมีโอกาสได้เล่นละครเวที ซึ่งวันนั้นมาถึงเร็วมาก ที่ผ่านมาก็ซ้อมอย่างเต็มที่ ที่สำคัญต้องประกบกับนักแสดงคุณภาพ ทุกคนนอกจากจะเก่งแล้ว ยังมีระเบียบ มีวินัย เรียกว่าเป็นตัวอย่างของคนวงการบันเทิง ทำให้พิมดีใจที่ได้เป็นส่วนร่วม 

รวมถึงงานชิ้นนี้ทำให้พิมได้รับประสบการณ์ที่ดี ได้ความรู้เพิ่มขึ้น มีแต่ได้กับได้ เป็นช่วงโปรโมชั่นพิเศษ (หัวเราะ) ในส่วนของการทำงานก็สนุก พี่ปุ๊ย (ผอูน จันทรศิริ) ผู้กำกับ ไม่กดดัน ถึงแม้ว่าตัวพิมจะเป็นรุ่นเด็ก พี่เขาจะปล่อยให้พิมมีความคิดอิสระ ตีความได้เอง ถ้าผิดหรือขาดก็จะบอกอีกที เปิดโอกาสให้เราแสดงความคิดเห็นเต็มที่


บท"พอใจ" ในซิทคอม "เป็นต่อ" ช่วยได้แค่ไหน


คือได้มาจาก"เป็นต่อ" ก็เยอะ เพราะผู้กำกับ เป็นต่อ เก่งมาก พิมได้แสดงความเป็นคอมเมดี้มาเยอะเลยทีเดียว เพียงแต่เรื่อง "ลูกคุณหลวง" เป็นเรื่องเขียนบทเอาไว้อยู่แล้ว  เป็นบทประพันธ์ ที่มีมานานของท่านคึกฤทธิ์ ปราโมช  ฉะนั้นจะยากตรงที่เราจะสื่อยังไง ให้บทประพันธ์ที่ทุกคนเคยรัก เคยผูกพันทำให้ดี ไม่เหมือน เป็นต่อ ที่นำสถานการณ์บ้านเมืองมาเขียนมาทำในแต่ละตอน 


ซึมซับอะไรมาเยอะไหมกับการทำงานชิ้นใหม่ครั้งนี้


หลักๆเลยคือได้มาซึมซับความเป็นมืออาชีพ เพราะอย่างที่บอก ว่านักแสดงที่ร่วมด้วยแต่ละคนเก่งๆ กันทั้งนั้น ซึ่งเราจะไปลอกเลียนแบบความเป็นเขา ความเป็นคุณพี่  คุณอาก็ไม่ได้ ทุกคนมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็จะคอยบอกคอยสอนพิม เหมือนเป็นการแนะนำเพิ่มเติม ทำให้เราเหมือนได้อยู่ใกล้กับครู


สำหรับพิมทุกๆงานที่เริ่มทำ เหมือนเราเป็นเด็กใหม่ สตาร์ทใหม่ จะรู้สึกตื่นเต้นตลอด ตรงนี้พิมมอง ว่าเป็นข้อดี ที่จะทำให้เราตื่นเต้นทุกงานที่ทำ อย่างละครเวที ก็เหมือนเราเป็นเด็กใหม่มากๆ ต้องไปศึกษาหาความรู้ใหม่ สิ่งที่เคยทำมาแล้ว แต่ยังต้องหาประสบการณ์เพิ่ม  ซึ่งหากถ้าเราหมดความตื่นเต้นเมื่อไร พิมว่าคงไม่ดีแน่ 



ทำงานเยอะขนาดนี้จัดสรรเวลาให้แม่อย่างไรบ้าง


ไม่มีเลย(เสียงอ่อย) จริงๆ นะเนี่ย เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในชีวิตคือทำงานล้วนๆ ในช่วง 2-3 ปี จะมีเวลาให้แม่น้อยมาก แต่ถ้ามีปุ๊บจะให้เวลาแม่ทันที แต่โชคดีที่แม่พิมไม่เรียกร้องเวลา เขาจะไม่ทำให้พิมลำบากใจ พิมยังพูดกับแม่บ่อยๆ เลย ว่าโชคดีที่แม่เข้าใจ ถ้าแม่งอน หรือเรียกร้องขึ้นมาก็คงเซ็งเหมือนกัน ซึ่งตลอดเวลาแม่จะคอยเป็นกำลังใจให้เรามากกว่า เมื่อไรที่พิมว่างแม่จะทำกับข้าวไว้รอพิมทันที

อยู่ในวงการมาเกือบ10 ปี มาถึงวันนี้เริ่มมีความคิดอยากจะเบนเข็มไปทำงานในแบบอื่นๆ บ้างหรือเปล่า


จริงๆงานในวงการก็ทำมาหลายอย่าง ซึ่งที่อยากทำจริงๆ คือเรื่องของแฟชั่น แต่ยังคิดไม่ออก ว่าจะไปในมุมไหนดี ลองให้มีเวลาว่าง ได้คิดกับตัวเองจริงๆ พิมก็คงอยากจะให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง พิมเข้าใจ ว่าความไม่แน่นอนด้านการงานมันเกิดขึ้นกับทุกวงการอยู่แล้ว เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยน แต่พิมไม่ยึดติด เพียงแต่เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข ก่อนทำต้องถาม ว่าตัวเองมีความสุขไหม ถ้าวันหนึ่งหมดเวลา ก็ถือว่าเราเป็นหนึ่งคนที่ได้รับประสบการณ์ดีๆ ในวงการ เราได้สิ่งที่ดีมากกว่าไม่ดี เพราะฉะนั้นควรเก็บเป็นความทรงจำดีๆ มากกว่า 


ฉะนั้นถ้าถามว่า

พิมจะวางแผนการทำงานตรงนี้ไว้แบบไหนพิมเป็นคนไม่ค่อยวางแผนอะไรล่วงหน้ายาวๆ อาจเพราะงานพิมต่อเนื่องมาโดยตลอด เลยไม่มีเวลาคิดว่าอยากจะทำอะไร เพราะว่างานที่เข้ามา ก็เป็นงานใหม่ๆ เข้ามาเสมอ เลยคิดถึงงานแต่ละชิ้น มากกว่าที่จะคิดไกลๆ



ไม่คิดไกลในที่นี้รวมถึงเรื่องชีวิตคู่ด้วยหรือเปล่า 

เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดเลยสำหรับตอนนี้ขอใช้ชีวิตแบบนี้สบายใจดี ไม่ต้องสร้างภาระ ไม่ยึดติด แต่ก็ไม่ถึงกับเลิกคิด หรือตัดขาดกับการจะมีชีวิตคู่ คือยังพอจะมีให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง (หัวเราะ) เพียงแต่ไม่ได้คิดไปไกลถึงชีวิตคู่ในอนาคต ไม่ได้มองว่าจะต้องแต่งงานไหม ปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติดีที่สุด



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์