จ๋า เธอคนนี้ไม่ได้ดีแต่ สวย

เปิดประเดิมต้นปี "จ๋า" ณัฐฐาวีรนุช ทองมี ก็มีภาพเซอร์ไพรส์มาฝากกันเลย กับแฟชั่นสวยๆ คู่หวานใจ "หลุยส์" พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร ในอิน แม็กกาซีน กำลังอินเลิฟขนาดนี้

 "บันเทิง คม ชัด ลึก" ไม่มีพลาด ขอจับเธอมาล้วงลึกเรื่องความรัก เรื่องงาน และชีวิตส่วนตัวดูสักที ว่าเธอคนนี้มีดีอย่างไร ถึงเป็นขวัญใจของหนุ่มหลายๆ คนได้ขนาดนี้

นางเอกจอเงิน 


ผลงานช่วงนี้

มีหนังเรื่องใหม่กับพี่ยอร์ช(ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์) เป็นแนวคอมเมดี้ปนบู๊ ซึ่งยังไม่ได้เปิดกล้อง เลยยังบอกชื่อเรื่องไม่ได้ และมีงานหนังที่กำลังจะเข้าฉายวันวาเลนไทน์ปีนี้ "เรื่อง คริตกับจ๋า...บ้าสุดๆ" (วาเลนไทน์) เป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ขำๆ จะเห็นจ๋ากับพี่คริตในแบบที่ต่างไปอย่างมาก เพราะจ๋ากับพี่คริต จะได้เป็นทั้งทอมและกะเทย

ยากขนาดไหนกับบทนี้

ยากมากเพราะมันไม่ใช่ความจริงเลย ถ้าเราเล่นเป็นผู้หญิงธรรมดา ก็เปลี่ยนเป็นหญิงห้าวบ้าง หวานบ้าง แต่เราก็ยังเข้าใจได้ว่าเป็นผู้หญิง แต่นี่เราต้องเปลี่ยนเพศไปเลย เป็นผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชายก็คือเป็นทอม กับเป็นผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิงหรือกะเทย ที่พี่คริตแสดง แล้วทั้งคู่ก็สลับร่างกัน จากที่จ๋าเป็นทอมอยู่ ก็ต้องเล่นเป็นกะเทยอะไรประมาณนี้ ขณะที่พี่คริตเป็นกะเทยอยู่ก็ต้องเล่นเป็นทอม

แล้วระหว่างกะเทยกับทอมยากพอกันเลย แต่เป็นกะเทยสนุกกว่า
 

ตรงที่เรามีพี่ที่เขาเป็นแบบนี้หลายคน แล้วเขาเป็นคนสนุก ตอนที่ยังไม่ได้มาเล่น ก็ยังรู้สึกอยากเป็นบ้าง ดูมีชีวิตชีวาเยอะดี แต่ตอนเป็นทอม ก็มีคนบอกว่าจ๋าดูแมนดีนะ ต่อไปนี้คงจะได้มีสาวๆ มาชอบ

ร่วมงานกับชาคริต

พี่คริตเขาดูยินดีมากกับการเป็นสาวประเภทสองเขาสนุกกับบทนี้มาก เวลาเป็นทอม เขาก็เล่นได้ดีมาก คือจ๋าไม่เคยร่วมงานแสดงกับพี่คริต แต่ว่าหลายคนบอกมาว่าเขาเล่นเก่ง เราเองก็รู้สึกว่าเขาเก่ง พอเราได้มาเล่นจริงๆ เขาเก่งมากขึ้นอีกหลายเท่าเลย เป็นนักแสดงที่เป็นนักแสดงจริงๆ รู้จังหวะว่าแค่ไหนถึงจะดูดีในจอ เป็นคนรับผิดชอบ จ๋าได้เรียนรู้เยอะเลย ปกติจ๋าจะเล่นตามธรรมชาติ แต่กับพี่คริตเนี่ย เขาจะรู้ว่าถ้าเล่นประมาณนี้จะออกมาพอดีในกล้อง แต่จ๋าเล่นตามธรรมชาติ มันก็จะมีขาดไปบ้าง เกินไปบ้าง เพราะอยู่ในหนังก็ต้องมีจังหวะที่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงซะทีเดียว เขาก็สอนเยอะเหมือนกัน 



รักใหม่ใสปิ๊ง

ต้นปีมาก็เซอร์ไพรส์แฟชั่นคู่หลุยส์เลยนะ

มันเป็นช่วงโปรโมทหนังคริตกับจ๋า จ๋าเลยคิดว่าไม่ลำบากใจที่จะถ่าย เพราะถ้าอยู่ดีๆ ให้มาถ่ายก็คงไม่ถ่าย คิดสักพักก่อนรับเหมือนกัน เพราะไม่อยากอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าอันไหนที่มันอยู่ในงานที่เหมาะสม จ๋าก็สามารถรับได้

ทำไมไม่ถ่ายกับพระเอกล่ะ

ก็เขาไม่ติดต่อให้ถ่ายกับพี่คริตนี่(หัวเราะ) จ๋าก็ถามเหมือนกัน เอ...จ๋าก็อยากถ่ายกับพี่คริตนะ แต่เขาไม่เอาน่ะ เขาบอกว่าอยากได้คอนเซ็ปต์นี้

เขินไหม

ไม่เขินเลยเพราะภาพก็ธรรมดามาก มันไม่ได้มีอะไรหวือหวา หรือพิเศษ แต่มันจะออกแนวร้อนมากกว่า แดดร้อนมาก แต่มันก็เป็นการตัดสินใจของจ๋า ว่ามันเป็นช่วงโปรโมทหนัง ยังไงคนก็ต้องเห็นภาพเราอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร

ถือว่าหนังเป็นสื่อรัก

ก็ทำให้จ๋ากับหลุยส์ได้รู้จักกัน(ยิ้ม)


ตอนนี้ใช้คำว่า"แฟน" ได้หรือยัง

จ๋ายังไม่อยากคิดอะไรขนาดนั้นเพียงแต่ว่าจ๋าก็ไม่ได้คบคนอื่น จ๋าไม่ได้มาคิดตีกรอบว่าอยากให้คนรู้กันเองหรือยังไง เราไม่อยากพูดอะไรเยอะมาก เพราะถ้าคนใช้เวลาดูๆ ไป เขาก็จะเห็นเองว่าเป็นยังไง เพราะเราเองก็อยากใช้เวลาเหมือนกัน

วันนี้หลุยส์ พิสูจน์ตัวเองให้เห็นได้มากขนาดไหน

ก็ประมาณหนึ่งพอเราถูกถามบ่อยๆ คนที่ถามเขาอาจจะลืมนึกไป ว่ามันเพิ่ง 2 อาทิตย์เองนะ หรือมันเพิ่งเดือนเดียวเองนะ การถามทุกเดือน มันก็อาจจะยังตอบได้ไม่มาก เพราะถ้าคนทั่วไปที่เขาไม่ได้ทำงานตรงนี้ เขาอาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์กันเป็นปีๆ ก็ได้ เพียงแต่ของจ๋าอาจจะถูกสื่อมวลชนถามเยอะหน่อย เราก็ตอบเท่าที่จะตอบได้ แต่ถ้าถามว่ามันเริ่มนานหรือยัง ก็ยังตอบได้ว่ามันยังไม่กี่เดือนเอง ฉะนั้นยังต้องใช้เวลาต่อไป

ความรักครั้งที่ผ่านมาทำให้ต้องใช้เวลาศึกษาให้มากขึ้นด้วยไหม

จริงๆทุกครั้ง จ๋าก็ใช้เวลาในการดูแหละ เพียงแต่จ๋าอาจจะเป็นคนที่ไม่ปกปิด ไม่ได้โกหกว่าไม่ได้เจอ ไม่ได้คบ เพราะฉะนั้น คนก็อาจจะเห็นเวลาคุยกับคนโน้นคนนี้ แต่นั่นก็เป็นช่วงที่จ๋าใช้เวลาอยู่เหมือนกัน แต่เวลาที่จ๋าคบใคร จ๋าก็ดูเป็นคนๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้มานั่งโกหก

หลุยส์ในสายตาจ๋าเป็นอย่างไรบ้าง

เขาก็เป็นคนดีเป็นคนที่อย่างน้อยที่เห็นก็จริงใจ และพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้นทุกวัน ถามว่าหวานไหม ก็ไม่รู้จะหวานหรือเปล่า แต่เป็นคนที่เอาใจใส่ แต่ถ้าถามว่าตรงสเปกไหม จ๋าเป็นคนไม่มีสเปกมานานแล้ว แต่จ๋าก็ชอบคนดูแล และชอบคนอบอุ่น


เป็นข่าวกับจ๋าแล้วโดนนักข่าวถามเยอะหลุยส์แอบบ่นบ้างไหม

เขาจะออกแนวเป็นห่วงจ๋ามากกว่าอีกก็ต้องขอบคุณเขาด้วย เขาอาจจะงงๆ เพราะปกติไม่เคยเจอ แต่พอต้องเจอ เขาก็พยายามที่จะเข้าใจมันให้เร็วที่สุด จ๋าเองก็ไม่ถึงกับชิน แต่อาจจะเคยเจอมาแล้ว เดี๋ยวมันก็มีเรื่องใหม่มาอีกเรื่อยๆ
 
มองความรักในวงการบันเทิงเป็นอย่างไร

จริงๆแล้วก็เหมือนคนทั่วไป แต่การอยู่ตรงนี้ มันอาจจะมีตัวแปรอื่น ที่หากเราไม่เข้มแข็ง มันก็อาจจะบั่นทอนได้เหมือนกัน ถามว่าข่าวมีผลกับความรักขนาดไหน ถ้าข่าวที่พูดไปเรื่อยก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงค่อยมาเครียด แต่เท่าที่เจอมา ก็ไม่ได้มีอะไรที่หนักหนา จ๋าเข้าใจว่าทุกคนก็เจอแบบนี้

(ว่าที่) ดร.ณัฐฐาวีรนุช

เรื่องเรียนต่อปริญญาเอกไปถึงไหนแล้ว

ตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์อินเตอร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านมาได้ 1 ปีแล้ว ก็ยังดำเนินต่อไป จ๋าตั้งใจว่าอยากจะจบให้ได้ในอีกไม่เกิน 3-4 ปี

 ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้

จ๋าเรียนสาขานี้มาตั้งแต่ปริญญาตรีแล้วตอนแรกก็คิดว่าถึงปริญญาโทก็น่าจะดีแล้ว แต่พอดียังทำงานอย่างนี้อยู่ จ๋าเลยรู้สึก ว่าได้เปรียบตรงที่เรายังพอหาเวลาที่เราจะไปเรียนได้ ก็เลยเรียน และเก็บไว้เป็นฐาน เพราะจ๋ารู้สึกว่างานวงการนี้มันไม่ใช่งานที่ยั่งยืน ควรมีอะไรเสริม ไม่ว่าจะได้ใช้หรือไม่ การเรียนมันก็ช่วยพัฒนาสมองอยู่แล้ว


สาหัสขนาดไหนกว่าจะได้เป็นดอกเตอร์

มันยากตรงที่ต้องรู้เยอะและรู้ลึกจริงๆ เหมือนกับเราเรียนหลักสูตรปริญญาโทเดิม แต่มันต้องรู้ลึกกว่านั้น เหมือนกับถ้าเรารู้ไม่จริง อย่าพูดออกมา แล้วมันจะผิด เหมือนมีคนถาม คนเขาจะค่อนข้างเชื่อมั่น ว่าเรียนมาขนาดนี้แล้วต้องตอบถูกแน่ๆ ก็เหมือนกับเป็นผู้ประกาศข่าว คนก็จะเชื่อว่าเราต้องพูดข่าวที่เที่ยงตรงอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้ประกาศข่าว พูดอะไรผิดออกไป คนก็จะรับสื่อ รับสารผิดๆ แต่มันก็ค่อนข้างยากที่จะต้องรู้ให้จริง ต้องประมวลทุกอย่าง แล้วก็เอามาใช้ได้จริงๆ ด้วย

ความคิดที่อยากเรียนต่อปริญญาเอกเกิดขึ้นเมื่อไร


จริงๆตอนเรียนต่อปริญญาตรี ยังไม่มีความคิดเข้าหัวเลยนะ แต่ปริญญาโท ต้องเอาให้จบแน่นอน เพิ่งมาคิดเรียนต่อหลังจากจบปริญญาโทได้ปีเดียวเอง เพราะจ๋าเรียนจบปริญญาโทเร็วมาก คือตอนอายุ 22 ก็เลยคิดว่า ในเมื่อเรามีเวลา ก็เรียนไปดีกว่า อย่างที่บ้านจะปลูกฝังตลอด ให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนมาเป็นอันดับ 1 เลย คุณพ่อจ๋ายังมาเรียนต่อปริญญาโทตอนอายุ 30 กว่าเลย คุณแม่ก็บอกตลอด ว่าความรู้คือสิ่งที่อยู่ติดตัวเราตลอด ไม่มีใครเอาไปได้ ไม่ว่าวันไหน ถ้าเราถูกออกจากงาน ถ้าเรามีความรู้ในหัว แม่ก็เชื่อว่า เราสามารถหาอะไรทำได้

ความรู้ที่เรียนมาถึงวันนี้ได้ใช้บ้างหรือยัง

ก็ได้ใช้นะคนอาจจะไม่รู้ว่า จ๋าได้เป็นวิทยากรรับเชิญอยู่เรื่อยๆ เหมือนกัน มีทั้งโรงเรียนมัธยม ไปพูดที่มหาวิทยาลัยก็มี ตามโครงการต่างๆ อย่างทูบี นัมเบอร์ วัน ก็ไป มันก็ได้ใช้จริงๆ อย่างล่าสุดก็มีคนชวนไปเล่นการเมือง (หัวเราะ) แต่ว่าก็ยังค่อนข้างห่างไกลอยู่

แปลว่ามีโอกาสจะได้เห็นจ๋า เล่นการเมือง

จ๋าไม่ถึงกับว่าอยากเล่นการเมืองแต่ว่าจ๋าก็เรียนรู้อะไรที่เกี่ยวกับการเมืองมาเยอะเหมือนกัน แต่ก็คงไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ จ๋ารู้สึกว่ามันอาจจะไม่ใช่การเล่นการเมืองโดยตัวเราเอง แต่มันอาจจะเป็นที่ปรึกษา หรือทำงานที่อยู่ข้างๆ แต่คงไม่ถึงกับไปลง ส.ส.

วางอนาคตตัวเองอย่างไรบ้าง

ทุกวันนี้กับเรื่องงานในวงการบันเทิงจ๋าไม่คิดว่าจะมาได้ถึงตรงนี้ ตอนจ๋าเริ่มทำยังคิดแค่ ว่าคงได้เป็นแค่วีเจ หรือพิธีกร ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเล่นหนังใหญ่ หรือได้ทำอะไรมากมายแบบนี้ ก็คิดว่า ถ้ามันยังมีงานดีๆ ให้จ๋าทำก็จะตั้งใจทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้ยึดติดว่านี่คืออาชีพที่จ๋าต้องอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ก็แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
 

รู้แล้วใช่มั้ยล่ะว่าเสน่ห์ของจ๋า อยู่ตรงไหน...



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์