จอย-ศิริลักษณ์ บนเส้นทางมายาสายใหม่!!


เดินออกจากวิกพระราม 3 มาเกือบ 2 ปี “จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค” นางเอกลูกหม้อเก่า ที่ไม่เคยลืมบ้านเก่าหลังเดิม ที่ทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการบันเทิง  เป็นที่รู้จักของแฟน ๆ ทั่วประเทศมาจนถึงวันนี้ ล่าสุดเห็น “สาวจอย”โผล่หน้าในละครเรื่องใหม่ “รักนี้เคียงตะวัน” ทางช่อง 7 ก็เลยอดคิดถึงเธอไม่ได้ ว่าแล้วก็รีบไปจับเข่าคุยกันซะหน่อย  ซึ่งเธอเองก็ห่างสื่อไปนานเหมือนกัน


อยากให้ “จอย” ช่วยย้อนเล่าเหตุการณ์ตอนที่ออกจากช่อง 3 อีกสักครั้ง..

 
“ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้น ถือเป็นการเลือกและขอความเห็นใจจากผู้ใหญ่ด้วยที่ตัดสินใจออกจากช่อง 3 เพราะว่าพอเกิดเหตุการณ์แบบนั้น การที่เราเป็นเด็ก เราทำได้เต็มที่คือแสดงความบริสุทธิ์ใจ หนูมั่นใจว่าหนูไม่ได้บกพร่องในหน้าที่การงานและหนูตั้งใจอย่างดี ทีนี้เรารู้สึกแคร์คนรอบข้าง เราก็ไม่แน่ใจว่า ผู้ใหญ่จะให้ความไว้วางใจเราแค่ไหน และจอยก็ไม่อยากให้ตัวสัญญานั้น ทำให้ต้องอยู่ร่วมกันจากที่จอยรู้สึกว่าช่อง 3 คือครอบครัว กลายเป็นว่ายังมีสัญญาที่ค้างอยู่ ทำให้ผู้ใหญ่ยังต้องใช้งานเราดูแลเรา”


ที่บอกไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่จะไว้วางใจแค่ไหน หมายความว่ายังไง
         
 
“คือตอนนั้นที่จอยร่วมงานกับผู้จัดใหม่ ที่เป็นลูกชายอาจิ๋ม (มยุรฉัตร) เสร็จแล้วจอยไม่ทราบจริง ๆ ว่าปัญหาคืออะไร เพราะได้มีการซักถามแบบตรงไปตรงมา เราเป็นเด็กถ้าทำอะไรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรายินดีจะขอโทษอยู่แล้ว เราก็ได้แต่ถาม ๆๆ ซึ่งเราไม่ได้คำตอบเกี่ยวกับการทำงานอะไรเลย”
   
“แล้วทีนี้ความคลางแคลงสงสัยที่มีไปถึงสัญญาที่ค้างอยู่อีก 1 ปี นิสัยจอยไม่ใช่แค่ทำงานเอาเงิน การที่เราจะทำงานร่วมกับผู้อื่น ถ้าเขาอึดอัดกับเรา เราก็พร้อมที่จะเดินจากไป ผู้ใหญ่ตอบ กลับมาเหมือนกับว่า เรื่องที่เขารับรู้จากทางที่อาจิ๋มพูด กับทางที่จอยพูด มันเหมือนหนังคนละม้วน เมื่อมีคำพูดอย่างนี้แล้ว จอยไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องอะไร แต่จอย ต้องการความสบายใจทั้งสองฝ่าย โดยที่จอยยอมเป็นฝ่ายเดินจากมา”




สรุปแล้ว “จอย” มีข้อยุติกับช่อง 3 อย่างไร

 
“เสร็จแล้วเรื่องก็เงียบไป ระหว่างนั้นมีงานอื่นเข้ามาเพราะถูกกระแสข่าวที่ไม่ทราบว่าใครปล่อยออกมา ช่องไม่เอาแล้วช่องจะไม่ต่อแล้ว แต่ในขณะที่ข่าวเหมือนไม่ค่อยดีในภาพของเรา ถูกดูถูกเหมือนด้อยค่าลง แต่ในขณะเดียวกันมีผู้จัดฯคนอื่นที่เคยคิดอยากจะทำงานกับเรา แต่ติดสัญญาอะไรอย่างนี้ ก็มีงานเข้ามา จอยก็ไม่ได้ว่าตีปีกดีใจอะไร เพียงแต่ว่ายังงง ๆ กับสัญญาที่ค้างอยู่ จอยก็ให้เกียรติช่อง ก็รอ ๆๆ เกือบ 3 เดือน งานที่เข้ามาก็รอเราไม่ได้แล้ว จอยก็เลยโทรฯ กลับไปหาพี่สมรักษ์ ที่ช่อง 3 พี่คะตกลงถ้าเราไม่แล้วเนี่ย หนูจะรบกวนพี่ยกเลิกสัญญาที่ค้างอยู่เป็นลายลักษณ์อักษรได้มั้ยคะ พี่เขาก็ทำให้หนูก็เคลียร์แล้วสบายใจแล้ว”              


จากการที่เติบโตมาจากช่อง 3 ครอบครัวที่แสนอบอุ่น เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินจากจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ณ วันนี้ “จอย” รู้สึกเสียใจหรือเสียดายอะไรบ้างมั้ย

 
“เสียดายอะไรล่ะ ก็ไม่เชิงนะหนูถึงพยายามเกริ่นกับพี่ว่า หนูไม่ได้ทำงานตรงนี้แค่ว่าเล่นเรื่องนี้แล้วจะดัง หรือให้เล่นเรื่องนี้แล้วจะได้เงิน ไม่ใช่หนูเลยเพราะฉะนั้นถึงบอกว่าการอยู่ที่ช่อง 3 คนจะเข้าใจและคิดกันไปเองว่า จะมีละครแน่ ๆ จะมีคนดูแล คือโอเค ตอนอยู่ช่อง 3 ถึงไม่มีละครออกอากาศเลย หนูก็มีเงินเพราะผู้ใหญ่ต้องให้ตามสัญญาอยู่แล้ว เขาถือว่าเขาไม่ได้ป้อนงานให้เรา ซึ่งมันเป็นเรื่องรายละเอียดที่จอยพูดไม่ได้”
 
“ที่จอยอยู่ช่อง 3 มา จอยก็เคยไม่ได้ออกอากาศเกือบ 2 ปี หนูถึงบอกว่าเสียดายน่ะเสียดายอะไร มันไม่ได้หมายความว่า การที่เรามีสังกัดเราจะมีงานอย่างต่อเนื่อง คนดูจะได้ดูงานเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่..เรามีประสบการณ์แล้ว มีเงินใช้..โอเคมี..มีเข้าแน่ อย่างมีงานโชว์ตัว แต่มันก็ไม่ใช่ความสุขใจของหนู เพราะหนูโตมาในวงการนี้ ไม่ได้โตมาแบบทำงานเอาตังค์ โตมาแบบเด็กที่ได้ครูดี สอนเพิ่มทักษะไปเรื่อย ๆ แล้วมีคนจับไปเป็นตัวนู้นตัวนี้ แล้วเอื้อกันทั้งผู้จ้างแล้วหนูก็พยายามทำ ซึ่งมันก็เติบโตไปตามเนื้องานและประสบการณ์”


แล้วเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนั้น..บ้างมั้ย?

 
“บอกตรง ๆ ว่า ช่วงนั้นไม่มีความสุข คนอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่เยอะเพราะข่าวมันก็มีหลายอย่าง นักข่าวทำงานตามที่ได้ข้อมูลมา ถ้าข้อมูลโจมตีเราสิ่งเหล่านี้ก็ออกไป การที่เราจะพูดแก้อะไรแล้วมีคู่กรณีที่เป็นผู้ใหญ่กว่า จอยไม่ต้องการจะพูด ในขณะที่หลายคนบอกก็พูดซิ”


มีหลายคนพูดว่า “จอย” เป็นนางเอกที่เรื่องมากเรื่องเยอะ รู้สึกอย่างไร

 
 “คือถ้าเขาพูดแบบไม่มีเหตุผล จอยไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้ให้ราคาคำพูดนั้นเลย ขอโทษที่แบบเหมือนไม่ให้เกียรติเขา เพราะเขาไม่มีเกียรติพอที่เราจะให้ ถ้าจอยได้ยินกับหูตัวเอง จอยจะได้อธิบาย ถ้าเขามองแบบฉาบฉวย เขาไม่เข้าใจวิธีการทำงาน ไม่เข้าใจเนื้องานคุณภาพว่าเป็นยังไง แล้วเขาวิจารณ์จอยก็ให้อภัยเขา แล้วก็ไม่เก็บมา รบกวนการทำงาน”




“ยกตัวอย่างสมัยก่อนทำงานต้องอ่านทั้งบทประพันธ์เป็นเล่มหนา ๆ แล้วต้องอ่านบทละครทั้งเรื่องจนจบ กว่าจะได้ทำงาน สมัยนี้พล็อตแค่หน้ากระดาษเดียว แล้วบอกว่าจะรับไม่รับละครเรื่องนี้ แล้วจะทำยังไง แล้วเราก็บอกเออ..พี่คะบทเสร็จเมื่อไหร่ จะให้หนูอ่านบทก่อนได้มั้ย อย่างนี้ถือว่าเรื่องมากมั้ยคะ โธ่..ทำไมต้องอ่านน้องจอย มันเด่นอยู่แล้วเรื่องนี้  เขาตีความรู้สึกเราว่าเรากลัวไม่เด่น มันไม่ใช่ เราต้องศึกษาตัวละครว่า เป็นยังไง แล้วดูองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย”
 
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตต้องดำเนินต่อไป “จอย-ศิริลักษณ์” ผู้หญิงเก่งหัวใจแกร่ง ที่พร้อมปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายหรือเรื่องดี เธอจึงไม่ชอบวางแผนชีวิตล่วงหน้านาน ๆ 
 
“จอย” เมาท์ให้เราฟังว่า “จอย อยู่กับปัจจุบัน จะไม่วางแผนระยะยาว เพราะบางทีเล่นละครอยู่ยังถูกปลดกลางอากาศได้ คำพูดแบบนี้อาจจะถูกหาว่าประชดอะไรอย่างนี้ แต่มันคือความจริง ที่หนูต้องการจะสื่อว่าหนูเล่นละครอยู่ เหตุ การณ์อย่างนี้เกิดขึ้นยากมาก หนูก็เคยเจอมาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรแน่นอน”
 
เฮ้อ..เปลี่ยนบรรยากาศมาคุยเรื่อง เลิฟ สตอรี่ของ “สาวจอย” บ้างดีกว่า ได้ข่าวว่าแฮปปี้ สุด ๆ กับแฟนหนุ่มที่ชื่อ       “แม็ก-สฐิพัศ วัฒนราษฎร์” รักกันมานานกว่า 5 ปี แต่กว่าจะมาเจอคนนี้ที่ใช่เลย “จอย” ก็เคยผิดหวังกับความรักมาไม่มากก็น้อย ซึ่งเธอบอกว่า มันทำให้เธอโตขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่มันไม่ได้มีอิทธิพลถึงกับจะทำให้เธอกลัวความรัก และไม่อยากมีแฟนอีก


มุมมองด้านความรักของ “จอย” เป็นอย่างไรเหรอ...

  
“จอยเจอคนที่ไม่เหมือนกัน แค่เพื่อนคบมา 10 ปีคิดว่าเป็นเพื่อนตาย ยังเลิกคบกันได้ จอยไม่อยากให้ใครกลัวความรัก และขออวยพรให้ทุกคนเจอความรักที่ดีมากกว่า จอยต้องเน้นว่าบาปบุญทำกันมาต่างกันจริง ๆ คนบางคนเจอคนดี อยู่กันจนชั่วชีวิตก็มี”


คำถามสุดท้าย.. แล้วเมื่อไหร่ “จอย” กับ “แม็ก” จะแจกการ์ดสีชมพู

 
“จอยคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่มันจะเกิดขึ้นมาเอง เมื่อเรารู้สึกพร้อม ไม่ได้หมายถึงพร้อมเรื่องเงินทองอะไรมากมาย เคยคุยกันกับพี่แม็ก ใจเขาน่ะอยากแต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยล่ะ อาจจะมีเซอร์ไพร้ส์ก็ได้นะ.. (หัวเราะ).. จุ๊ ๆๆ”


อย่าให้รอนาน..แล้วกันเน้อ!...







เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์