คุยกับนางเอกหน้าหวาน “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์


คุ้นหน้าคุ้นตาจากผลงานโฆษณามานาน กระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสจรดปากกาเซ็นสัญญาเข้าเป็นนางเอกของช่อง 3 จากนางเอกละครเย็น จนวันนี้ “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์ แจ้งเกิดอย่างสวยงาม กับบท “ขม” นางเอกเจ้าน้ำตาจากละคร “ดงผู้ดี” ส่งผลให้เธอเป็นดาวเด่น หลายคนเริ่มหันมาจับตา บันเทิง "คม ชัด ลึก" ไม่รอช้า ขอคว้าตัวเธอมานั่งคุยด้วยกันซะเลย

แจ้งเกิด

ความเปลี่ยนแปลง หลังละคร “ดงผู้ดี” ฉาย
เมื่อก่อนก็อาจจะจำได้จากโฆษณา แต่ตอนนี้คนจำได้จากละครเยอะ ก็ดีใจ รู้สึกว่าพอคนพูด ว่าละครสนุก เราก็ดีใจแล้ว แต้วก็ได้ดูผลงานตัวเองบ้าง ดูด้วยกันกับคุณพ่อคุณแม่ เวลาละครมา คุณแม่ก็จะบอกให้ทุกคนเงียบ เพราะจะดูละคร (หัวเราะ) ถ้าเทียบกับละครเรื่องที่ผ่านมา ก็มองว่าตัวเองมีพัฒนาการมากขึ้น แต่ยังไม่ใช่ว่าจะดีที่สุด ยังต้องปรับปรุงหลายอย่าง อย่างเรื่องเสียง เป็นต้น



ตอนแรกคิดไหมจะได้รับผลตอบรับขนาดนี้
ตอนแรกไม่คิด ก็คิดแค่ว่าน่าจะมีคนจำได้มากขึ้น แต่ไม่คิดว่าไปไหนคนจะเรียกชื่อ ขม ตลอด

ถือว่าแจ้งเกิดเลย
คงไม่ขนาดนั้น เรียกว่าเป็นอีกบททดสอบหนึ่ง ให้รู้ว่าแบบนี้เป็นยังไง คงไม่ถึงกับแจ้งเกิด เรายังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ อีก


ย้อนกลับไปวันที่เข้าฉากครั้งแรก

จำได้เลยที่ไปเข้าฉากวันแรก ต้องเข้าฉากกับพี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พี่นกต้องมาว่า มาฉีกรูป ก็เกร็งที่เป็นพี่นก เคยดูแต่ผลงานพี่เขา แต่ไม่คิดว่าจะได้เล่นละครด้วยกัน ยิ่งเป็นฉากที่เขาต้องใส่อารมณ์กับเรา แต่ก็พยายามไม่กดดันตัวเอง พี่นกช่วยส่งอารมณ์มากๆ ในบทให้เล่น 10 แต่พี่นกเล่นไป 20 ในบทให้ด่า ให้ตบอย่างเดียว แต่พี่นกจะยีหัว กระชากมาก่อน แต้วก็จะตกใจจริง


ในเรื่องต้องร้องไห้เยอะไหม
เยอะ อย่างวันหนึ่งที่ไปถ่ายละคร ต้องมีร้องไห้หนึ่งซีน เรียกว่าร้องไห้ทุกวัน ตอนนั้นตาบวมมาก ต้องเอาช้อนชาแช่ตู้เย็นประคบตา ไม่เครียดติดกลับบ้าน แต่เคยมีฉากหนึ่งที่ต้องร้องเพลงด้วย ร้องไห้ด้วย ตอนแรกก็คิดว่าจะทำได้ไง แต่ก็ผ่านไปได้ แต่กลับมาหลังจากวันนั้นเครียดมาก ตอนขึ้นรถ ปวดหัวมากๆ


ปกติชีวิตจริงร้องไห้บ่อยไหม
ไม่ค่อยร้องไห้ สงสัยแต้วจะไม่เคยเจอเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องร้องไห้ ก็คิดว่าถ้าเป็นชีวิตจริง คนต้องเจอเรื่องขนาดนี้ ก็คงจะต้องร้องไห้ แต่คงหายากคนจะมีชีวิตแบบนี้ โชคดีที่ไม่เป็นเรา แต่ถ้าแต้วต้องเจอปัญหาแบบนี้ แต้วก็คงจะมีตอบโต้ ไม่ไหวกันบ้าง คงไม่ได้อดทนกันขนาดนี้เหมือนอย่างขม มีบ้างเหมือนกัน ที่เล่นไปก็อึดอัดไป แต่ในตัวละคร ขม เขามีหลายอย่างกดดัน เพราะต้องอยู่ในบ้านเขาด้วย และเป็นคนมีบุญคุณ ถ้าตอบโต้ก็ดูเนรคุณ




ขมกับแต้ว แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร
ก็น่าจะต่าง ในเรื่องขมจะเรียบร้อยมาก แต่ตัวแต้วไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เปรี้ยวมากมาย แต้วก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไป มีทั้งมุมเฮฮา สนุกอยู่กับเพื่อน แต่จะไม่ค่อยกล้าคุยกับใครก่อน ถ้าเจอคนไม่รู้จัก ก็ไม่กล้าเข้าไปคุยกับเขาเลย คนก็จะคิดว่าแต้วเรียบร้อย แต่จริงๆ อยู่กับเพื่อนจะคุยเยอะ
กว่าจะได้เป็นดาว


วงการบันเทิง เปลี่ยนแปลงแต้วไปอย่างไรบ้าง
เข้ามาตรงนี้ ทำให้แต้วกล้าแสดงออกมากขึ้น ถ้าวันนี้เป็นแต้วที่ไม่เคยถ่ายโฆษณาก็คงจะเป็นอีกบุคลิกหนึ่ง เพราะตอนแรกเป็นคนไม่กล้าแสดงออก แต่วันหนึ่งพอได้โฆษณา อยู่ดีๆ ต้องไปทำอะไรไม่รู้หน้ากล้อง ก็เลยกล้ามากขึ้น


จำวันที่ไปแคสติ้งงานครั้งแรกได้ไหม
ครั้งแรกจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าชิ้นแรกที่แคสติ้งแล้วได้งาน คือได้ถ่ายภาพนิ่ง เขาหาเด็กที่ไปเล่นน้ำที่ทะเล ให้วักน้ำ เขาให้ทำท่าวักน้ำเล่น โดยไม่มีน้ำทะเล แล้วต้องใส่ชุดเหมือนอยู่ทะเล แรกๆ ก็เขิน เพราะเป็นคนไม่กล้าแสดงออก ต้องมาทำท่าอะไรแบบนั้นก็ตลกดี แต่ช่างภาพเขาก็ช่วยชมว่าดีๆ อย่างนั้นแหละ (หัวเราะ) พอคนชมว่าดี เราก็ดีเหรอ ก็ทำๆ ไป มันไม่ได้เสียหายอะไร พอได้ก็แอบภูมิใจ เพราะก่อนหน้านี้ แคสมา 30-40 ชิ้น ไม่เคยได้เลย ก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติ ไม่ต้องเรียบร้อยขนาดนั้นก็ได้


แคสติ้งเยอะขนาดนี้ แสดงว่าฝันอยากเข้าวงการบันเทิง
จริงๆ แรกๆ ไม่ได้คิดว่าจะมุมานะขนาดนั้น บอกกับแม่ตลอดจะไม่ไป เวลาเลิกเรียน ก็คิดแต่ว่าจะกลับบ้านนอนดูทีวี พอแม่บอกว่าให้ไปแคสติ้ง ก็งอแง อ้างว่าการบ้านเยอะ แต่แม่จะบังคับให้ไป แต่พอได้ลองทำ ก็รู้สึกว่ามันเริ่มสนุกดี ก็ไปสิ ไม่เสียหายอะไร คุณแม่ให้ไปตั้งแต่อายุ 15-16 จริงๆ ตอนแรกเข้ามาเพราะโมเดลลิ่ง และแม่ก็ไม่ได้สนับสนุน แต่พอเริ่มทำ แม่ก็บอกว่าก็ดีนะ ดูกล้าแสดงออกดี คุณแม่ก็อยากให้มีโอกาส ให้ลองไปดู




เริ่มแรกมองภาพวงการบันเทิงอย่างไร
ตอนเข้ามาเริ่มแคสโฆษณา ก็ไม่คิดว่าจะเป็นนักแสดง คิดแค่ว่าถ่ายแค่โฆษณา เพราะวงการบันเทิงมันไกลตัวมาก แค่นั่งดูหนัง ดูทีวี ก็พอแล้ว และตอนแรกก็คิดว่างานแสดงไม่น่าจะยาก แต่พอสัมผัสจริง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าที่คนหนึ่งจะเป็นตัวละครหนึ่งได้ ที่ไม่ใช่ตัวเขา เขาก็ต้องศึกษามากมาย ไม่ใช่แค่นักแสดง ผู้กำกับก็ต้องกำกับดี มันหลายอย่าง กว่าจะเป็น
ภาพออกมาให้คนดูไม่กี่นาที


ถึงวันนี้ตัดสินใจถูกไหมที่เข้ามาอยู่จุดนี้
ถือว่าตัดสินใจถูก ถ้าไม่เข้ามา ก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับวงการนี้เลย และเราก็ได้ความมั่นใจมากขึ้น ได้มีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กทั่วไปที่แค่เรียนก็กลับบ้าน แต่นี่เราได้เพิ่มหน้าที่รับผิดชอบว่าต้องคอยทำอะไรยังไงบ้าง


พอมีชื่อเสียง ก็เริ่มต้องมีข่าว กังวลไหม
ตอนนี้ยังไม่มีอะไร เดี๋ยวต้องรอดูแล้วค่อยว่าอีกที แต้วไม่กลัวว่าจะเป็นข่าว แต่ไม่อยากมีข่าวที่ไม่ค่อยดี แต้วจะค่อนข้างตกใจกับพาดหัวข่าวบางอย่าง บางทีมันดูน่ากลัวมาก หรือไม่ก็คลิป มันดูน่ากลัว อย่างตอนนั้นแต้วทำโทรศัพท์หาย แต่ไม่น่าจะมีอะไร เพราะแต้วไม่เคยถ่ายอะไรแบบนั้น


ต้องระวังตัวมากขึ้นไหม
เป็นดาราก็ระวังตัวประมาณหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับทำให้เสียความเป็นส่วนตัวในชีวิต แค่ทำให้ดูดีในมาตรฐานคนทั่วไป ไม่ใช่ดีเด่นมาก แต่ก็ต้องระวังตัวกว่าคนทั่วไปนิดหนึ่ง


สถาปนิกแต้ว

เป้าหมายก่อนหน้านี้คืออะไร
คงเป็นเรื่องเอนทรานซ์ ก่อนหน้านี้อยากเอนท์ติดคณะสถาปัตย์ให้ได้ เพราะแต้ว อยากเป็นสถาปนิกเหมือนคุณแม่ ซึ่งตอนนี้เป้าหมายนั้นก็ยังอยู่ เพราะพอได้เรียนแล้วก็สนุกดีถึงแม้จะเหนื่อย เป็นอาชีพที่คิดว่าน่าจะเข้ากับเรา


ความรู้สึกที่เอนทรานซ์ติดสถาปัตย์ จุฬาฯ
ดีใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ เพราะตอนแรกวัดแววความเป็นสถาปัตย์ แต้วทำข้อสอบไม่ทัน เพราะเป็นคนทำอะไรช้า แต่พอเฉลี่ยๆ รวมๆ คะแนนได้ มันถึง ก็ดีใจมาก เพราะใฝ่ฝันมาแต่เด็ก อยากเป็นอย่างคุณแม่ ใครถามก็บอกอยากเป็นสถาปนิก ก็ดีใจมาก รู้สึกว่ามันน่าสนุก พอมาเรียนก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ คิดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ยาก แต่เราก็ต้องพยายาม เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ตอนนี้ขึ้นปี 3 อีก 2 ปีถึงจะจบ




เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย
แรกๆ บ่นมากๆ งอแง ไม่ไหวแล้วเนี่ย ไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองจะเป็นยังไง งานก็ต้องส่ง บทก็ต้องอ่าน แต่พอผ่านมาได้ ก็รู้สึกว่าเราก็ทำได้นะ


เป้าหมายยังไม่เปลี่ยนนะ
ยังไม่เปลี่ยน เพราะคิดว่าถ้าเราเบนเข็ม หรือเลือกจะดร็อปเรียน ก็ยากที่จะกลับมาต่อให้ติด เราก็ค่อยๆ ทำไป คิดว่าควรเอาเรียนเป็นหลักไปก่อน


อนาคตมีสถาปนิกชื่อแต้วแน่
ก็ไม่แน่ใจ (หัวเราะ)

ความเป็นผู้หญิงเป็นอุปสรรคต่ออาชีพไหม
อาจจะเป็นบ้าง คนอาจจะเชื่อมือผู้ชายมากกว่า แต่บางทีผู้ชายก็อาจจะมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปก็ได้ เหมือนดีกันไปคนละอย่าง 


บ้านในฝัน
ช่วงนี้ถ้าเป็นแบบสไตล์โมเดิร์นก็สวยดี แต่ถ้าให้แต้วทำบ้านตัวเอง ก็ไม่คิดว่าจะทำโมเดิร์นมาก เพราะบางทีโมเดิร์นก็ใช่ว่าจะสบาย อย่างเก้าอี้ที่ออกแบบให้ทันสมัย นั่งแล้วไม่สบาย แข็งไป ก็คงเป็นผสมๆ มากกว่าให้ดูเป็นตัวเรา


รักในวัยเรียน
ตอนนี้มีคนที่คบหาดูใจกันไหม
มีคนที่คุยกันบ้าง โทรคุยกันบ้าง

นิยามความรักของแต้ว 
คงเป็นเรื่องความเข้าใจซึ่งกันและกัน เข้าใจว่าคนนี้ทำแบบนี้ไปเพราะอะไร เข้าใจในตัวตนของกันและกัน




มองรักในวัยเรียนอย่างไร
มันก็อาจจะไม่ยืนยาวจริง เพราะเรายังมีชีวิตที่จะต้องไปเจออะไรอีกมากมาย แต่ก็เอาแค่ตอนนี้มีความสุข ไม่มีอะไรน่าปวดหัว ส่วนอนาคตจะเป็นคนนี้หรือไม่ ไม่แน่ใจ


สวยอย่างนี้มีหนุ่มจีบเยอะไหม

ไม่มีหนุ่มจีบเยอะ เพราะแต้วเป็นคนไม่กล้าพูด จะไม่มีอารมณ์แบบเข้ามาจีบ แต่จะเป็นแนวแบบรู้มาอีกทีว่าคนนี้ชอบ


ยี้ผู้ชายแบบไหน
ไม่ชอบคนที่เข้ามาจีบแบบจู่โจม เพราะตกใจ ต้องจีบแบบมีกลเม็ด มีชั้นเชิงนิดหนึ่ง ถ้าทำอะไรให้เรา โดยที่เราไม่คิดว่าเป็นเขา มันก็ตื่นเต้นดี
ได้ยินชัดไหมจ๊ะหนุ่มๆ



 

เธอคนนี้ชื่อ...ณฐพร เตมีรักษ์

ชื่อเล่น...แต้ว

เกิดวันที่...6 กุมภาพันธ์ 2532

ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิง...ถ่ายโฆษณา

ผลงานสร้างชื่อ...ดงผู้ดี



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์