คุยกับ ณเดชน์ :: จับคู่จิ้น มาริโอ้ รีเทิร์นฟิน ญาญ่า

 ณเดชน์ - "หลายคนบอกชื่นชอบ ด้วยรอมาเกือบ 2 ปี พอละครออกอากาศแค่ตอนแรกคนก็บอกแล้วว่าฟิน เปิดมาก็บู๊กันแล้ว เท่าที่ถ่ายทำกันมาก็ยากอยู่ พอได้กระแสตอบรับแบบนี้เราก็ดีใจ หายเหนื่อย"

 ณเดชน์ - "ซึมซับมากจนรู้สึกสนุกกับความทะเล้นทะลึ่งกวนๆ ของริว ใน "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" คาแร็กเตอร์ยังเป็นเด็กๆ อยู่ แต่เดี๋ยว "รอยฝันตะวันเดือด" ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่ ตัวละครจะพัฒนามากขึ้นด้วย"

 ณเดชน์ - "ผมว่าความซุกซนหรือทะเล้นของริวในตัวผมจริงๆ มีอยู่แล้ว แต่แตกต่างตรงที่ริวจะทะเล้นในแบบคนญี่ปุ่น จะมีเรื่องชนชั้นแบ่งแยกอยู่ แต่ก็เอามาปรับกันได้ไม่ยาก บางคนยังแซวเลยว่าเรื่องนี้เล่นเป็นตัวเองเลยนะ"

 ณเดชน์ - "อย่างแรกคือเรื่องที่ดึงความเป็นญี่ปุ่นมานำเสนอไม่ว่าจะเป็นพิธีการต่างๆ ท่าทางการยืน นั่ง วัฒนธรรมของเขาละเอียด ฉะนั้นการถ่ายทำต้องมีแอ๊กติ้งโค้ชที่เป็นคนญี่ปุ่นมาสอนท่าทางและการแต่งกาย นี่คือจุดที่เซ็นซิทีฟกับละครเรื่องนี้ อย่างที่สองคือเรื่องบู๊ โปรเจ็กต์ "ไรซิ่งซัน" เป็นเรื่องแรกที่ได้บู๊จริงจัง มีอาวุธทั้งระเบิด ฟัน ดาบ และปืน ตอนถ่ายเหนื่อยแต่สนุก"

 ณเดชน์ - "ผมไม่ได้อ่านบทประพันธ์ แต่เท่าที่คุยกับผู้จัดและผู้กำกับฯ คาแร็กเตอร์นี้ใกล้เคียงตัวผม ทำให้สบายใจส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นเริ่มสนุกที่จะดีไซน์มันออกมา"

 แต่คนก็มองว่าณเดชน์น่าจะได้เปรียบเพราะมีความเป็นญี่ปุ่นอยู่

 ณเดชน์- "ใช่ครับ ได้จากคุณพ่อ มีปรับใช้สังเกตพฤติกรรมว่าท่าทางคนญี่ปุ่นเป็นยังไง โชคดีมีต้นแบบอยู่ใกล้ตัว"

 ณเดชน์ - "ผมกับญาญ่าเล่นด้วยกันล่าสุด "ธรณีนี่นี้ใครครอง" ปีครึ่งได้ ช่วงระหว่างที่จะมีละครเรื่องนี้ด้วยกันผมกับน้องไม่ได้ห่างหายจากกัน เพราะโปรเจ็กต์นี้ปั้นกันมาเกือบ 2 ปี เราสองคนถ่ายละครอยู่ตลอด เจอกันแทบทุกวัน ตอนที่รู้ว่าจะได้เล่นคู่กับญาญ่าก็สบายใจมาก เพราะเราล่นละครมาด้วยกันหลายเรื่อง มีอะไรก็คุยกัน ช่วยกันสอนและเรียนรู้ไปด้วยกัน ถึงผมเป็นพี่แต่บางทีน้องก็แนะนำบางอย่างให้"

ณเดชน์- "ผมว่าด้วยตัวบท คาแร็กเตอร์ รวมถึงความเป็นญี่ปุ่น ทำให้ไม่เหมือนเรื่องที่ผ่านๆ มา ส่วนคำว่าคู่จิ้นที่หลายคนรอคอยก็ไม่ได้ทำให้ผมกับน้องกดดันว่าเล่นแล้วคนจะชอบไหม เราไม่เอาตรงนั้นมาเป็นบรรทัดฐาน แต่เอาเรื่องงานนำมาก่อน"

 ณเดชน์ - "ใช่ครับ ตั้งแต่ตอนถ่ายละครแล้ว มีฉากที่ต้องมองหน้ากันแล้วแช่ภาพไว้ บางทีผมก็คิดว่าจะมองทำไมนานๆ มองแล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะเนี่ย (หัวเราะ) แต่ก็เป็นอีกสีสันดี ปกติคนจะมองว่าผมเป็นคู่จิ้นญาญ่าคนเดียว คราวนี้มีคู่จิ้นใหม่เพิ่ม แถมเป็นผู้ชาย ตอนนี้เริ่มมีแฟนคลับอิจฉาผมที่ได้ใกล้ชิดพี่โอ้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ได้มองว่าเป็นคู่จิ้นทำนองอย่างนั้นหรอก แค่รู้สึกว่าตัวละครสองตัวนี้เข้าขากันดี ส่วนหนึ่งคงเพราะผมรู้จักพี่โอ้มาก่อนหน้า ทำให้เวลาเล่นด้วยกันแล้วรู้สึกสบายขึ้น"

 ณเดชน์ - "เป็นเรื่องทีใครทีมัน ใน "รอยรักฯ" พี่โอ้เป็นพระเอกเดินเรื่อง ผมจะไปเดินเรื่องใน "รอยฝันตะวันเดือด" ตัวละครมีน้ำหนักของตัวเองในแต่ละเรื่อง ไม่ใช่บทใครมากใครน้อย ผมเป็นเหมือนผู้ช่วย คอยอารักขาให้คำปรึกษาพี่โอ้"

 ณเดชน์ - "(หัวเราะ) ผมก็หนักใจครับ ถามว่าความคิดผมคิดว่าใครหล่อกว่ากัน ยังไงก็ต้องพี่โอ้หล่อกว่าอยู่แล้ว หล่อจริงๆ เขาอยู่ในจุดที่ไม่ต้องพูดอะไรมากคนก็รู้ว่ามาริโอ้คือใคร หน้าตาเป็นยังไง หล่อขนาดไหน แล้วเขาก็ไม่ได้อยู่แค่ในไทย ตอนนี้โด่งดังมากๆ ในจีนและประเทศในเอเชียอีกหลายประเทศ พี่โอ้ถือเป็นรุ่นพี่ที่ผมนับถือมาตั้งแต่รู้จักกัน"

 ณเดชน์ - "ตอนนี้มีละคร "ลมซ่อนรัก" เล่นกับพี่แต้ว (ณฐพร) และน้องแพท (แพทริเซีย) ชีวิต 7 วันตอนนี้ทำงานตลอด เป็นงานที่เหนื่อยและสนุก เวลาอยู่ในกองมีความสุขมาก บางทีอาจเครียดบ้างที่เราทำออกมาไม่ดีพอก็เป็นเรื่องของบทเรียนและกระตุ้นให้เราพัฒนาตัวเอง"

 "และเดี๋ยวจะมีคอนเสิร์ต"Give me Five : Concert Rate A" ช่วงนี้ต้องฟิตหน่อย แต่ไม่ค่อยเข้าฟิตเนสไม่ค่อยยกเวตเพราะทำให้ไหล่ใหญ่ตอนนี้เลยหาวิธีเบิร์น ล่าสุดไปเล่นปีนผ้ามา แค่ยืดกล้ามเนื้อครึ่งชั่วโมงก็แทบไม่ไหวแล้ว มันหนักก้นครับ (หัวเราะ) แล้วก็เล่นเวกบอร์ด เดินวิ่ง พยายามยืดกล้ามเนื้อเยอะๆ เพราะอ้วนง่ายผอมง่าย"

 ณเดชน์ - "เคยมองว่าทำไปประมาณหนึ่งอาจลองไปทำอย่างอื่นแต่ตอนนี้คิดว่านักแสดงเป็นอาชีพที่รักมาก สิ่งที่ชอบที่สุดของอาชีพนี้คือได้สร้างความสุขให้คนอื่น ทำอะไรคนก็อยากทำตาม ไปไหนคนก็อยากเจอ หรือใครเจ็บป่วยพอได้กำลังใจจากนักแสดงที่ชื่นชอบเขาก็เหมือนมีกำลังใจมากขึ้น มันเหมือนเป็นพรวิเศษที่พวกเราได้รับมาแล้วมอบให้คนอื่นต่อไป"

ณเดชน์ - "ผมว่ายัง คือถ้าไม่พูดถึงสิ่งที่ได้รับมา แต่พูดถึงอายุในการทำงาน ผมเพิ่งอายุ 23 เรื่องความคิดความอ่านยังไปไม่ถึงจุดที่จะบอกว่าตัวเองประสบความสำเร็จได้ ยังมีอะไรที่ผมยังทำไม่ถูก ต้องมีผู้ใหญ่คอยสอน วันหนึ่งที่โตขึ้นมีความคิดความอ่านมากขึ้นมันอาจพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในชีวิตก็ได้ครับ"

 เพราะเคมีเข้ากันกับนางเอกคู่ขวัญ "ญาญ่า-อุรัสยา" เล่นคู่ด้วยกันทีไรแฟนๆ ชอบใจ แต่พอเปลี่ยนไปเล่นกับนางเอกคนอื่น มักมีผลตอบรับที่ไม่ค่อยเห็นด้วยทุกที โดยพระเอกหล่อ "ณเดชน์ คูกิมิยะ" กล่าวว่า "ผมว่าไม่ใช่แค่ผมกับญาญ่าหรอก ตอนนี้ไม่ว่าจะนักแสดงคนไหนที่มีแฟนคลับหรือมีคู่จิ้นที่เขาชื่นชอบ พอไปเล่นกับคนอื่นก็มีไม่ถูกใจ แต่ท้ายที่สุดผมว่ามันเป็นเรื่องของการทำความรู้จักกันสองคนมากกว่า"

 "อย่างถ้าผมไปเล่นกับนางเอกคนหนึ่งที่ไม่รู้จักกันเลยเจอกันแค่หน้ากอง แล้วต้องเข้าฉากกัน ผมว่ายังไงก็ไม่เวิร์ก ฉะนั้นไม่ว่าผมจะเล่นกับนางเอกคนไหน ทั้งญาญ่า พี่แต้ว หรือน้องแพทริเซีย (กู๊ด) ผมจะทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นเสมอ ชวนคุย เล่นทะลึ่ง เป็นการละลายพฤติกรรม ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนกันเอง ไม่ได้เป็นคนห่างๆ กัน เวลาทำงานออกมาจะได้สบายใจ อย่างน้อยก็เป็นคนหนึ่งที่รู้จักกันมากพอสมควร"

ณเดชน์ตอบ "ผมว่าการทำความรู้จักกันนี่แหละจะพัฒนาไปสู่คำว่าเคมีที่เข้ากันได้ ตอนที่ต้องแยกไปเล่นกับนางเอกคนอื่นครั้งแรกที่ไม่ใช่ญาญ่า ถามว่าผมคิดไหมว่าจะโอเคเหมือนเล่นกับญาญ่า ผมไม่คิดแบบนั้นเลย แต่คิดว่าไม่เคยเล่นกับพี่แต้วหรือน้องแพทเลย หรือก่อนหน้านั้นเป็นน้องคิม (คิมเบอร์ลี่) แต่คิมสนิทกันมาตั้งแต่ 4 หัวใจแห่งขุน เขา เลยสบายๆ อย่างพี่แต้วกับน้องแพทแรกๆ ที่เจอกันผมแค่เกร็งๆ จะทำยังไงดี จนมาคิดว่าทางออกที่ดีคือการทำความรู้จักกันให้มากที่สุด"

"พี่แต้วปกติเป็นคนนิ่งๆ เรียบร้อย เงียบๆ แต่หูนี่ฟังตลอดว่าใครคุยอะไรกัน น้องแพทก็คล้ายๆ กับพี่แต้ว แต่ด้วยยังเด็กมากก็จะมีความอยากรู้อยากเห็น แต่พอถึงหน้าเซ็ตก็จะกลายเป็นตัวละครตัวนั้นทันที ส่วนญาญ่าจะสลับกัน คือภาพที่คนเห็นจะดูว่าน้องซนๆ ไม่นิ่ง แต่พอถึงเวลาทำงานจริงๆ เขานิ่งมาก"

 เวลาแยกย้ายกันไปเล่นกับคนอื่นมีถามไถ่หรือให้กำลังใจกันไหมณเดชน์กล่าวว่า "มีถามกันบ้างว่าเป็นยังไง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ชีวิตในกองสนุกไหม ถามทั่วๆ ไปเพราะรู้ว่าแต่ละคนปรับตัวกันได้อยู่แล้ว การทำงานในวงการจะวนเวียนอยู่แบบนี้แหละ"

"ไม่กดดันเลย ตั้งแต่แรกๆ ที่เข้ามาก็โดนจับคู่แล้ว ฉะนั้นวันนี้จึงรู้สึกชินมาก มองเป็นเรื่องน่ารักที่คนดูจิ้นกันไปมากกว่า"

"ก็ไม่นะ แค่ผมไม่รู้ว่าจะพูดไปยังไงมากกว่า ผมไม่ได้เบื่อที่มีคนมาถามเรื่องเดิมๆ มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เจอบ่อยจนชิน เลยรู้สึกเฉยๆ มากกว่า ถามเรื่องความรักมาผมก็ตอบเท่าที่ตอบได้ จริงๆ ผมเข้าใจว่าที่พี่นักข่าวมาถามบางทีมันก็คำถามเหมือนเดิม แต่ก็ต้องถามเพราะเป็นหน้าที่ ไม่ได้มาจี้เซ้าซี้อะไรมาก"

เจ้าตัวตอบ "ความรักเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้คนเรารู้สึกว่าตัวเองต้องคิดเยอะ คิดแตกต่าง เพ้อเจ้อ แต่จะคิดไปในทางที่ดีหรือไม่ดี ถูกไม่ถูกเป็นอีกเรื่อง แต่มันทำให้คนเราเปิดอะไรบางอย่างออกมา ทำให้เห็นตัวตนของคนนั้นจริงๆ ผมว่าความรักทำให้คนมีความสุข ได้ปลดปล่อย ได้ผ่อนคลายครับ"

"อยากครับ ส่วนเมื่อไหร่นั้นผมก็ไม่อยากให้ตัวเองอายุมากเกินไป เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนลูกได้ ไปไหนก็ไปกับลูกได้ เข้าใจกัน"

 แอบมองหน้าแม่ของลูกเหมือนญาญ่าไหม เจ้าตัวหัวราะก่อนจะแย็บว่า "ตายแล้ว เอางี้ดีกว่า ใครก็ได้แต่ขอให้เป็นแม่ที่ดีของลูกก็พอ"