คืนสุดท้าย ลับเฉพาะสำหรับแฟนคลับเอเอฟ

คืนสุดท้ายAFในบ้านแมกโนเลีย


เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กันยายน ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่เหล่านักล่าฝัน ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชียจำนวน 20 คนจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมบ้านเดียวกัน ที่บ้านแมกโนเลีย บางนา ซึ่งเป็นสปอนเซอร์บ้านในการถ่ายทำรายการนี้ นักล่าฝันได้ออกจากบ้านไปซ้อมคิวเพลงและบล็อกกิ้งบนเวทีจริงที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ตั้งแต่ก่อนเที่ยงอย่างพร้อมหน้า โดยมีเทรนเนอร์ทั้งสามกลุ่มหลัก คือ เทรนเนอร์เรื่องวอยซ์ แดนซ์ และแอคติ้ง ตามไปประกบเพื่อให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ซึ่งระหว่างนี้มีแฟนคลับของนักล่าฝันทุกวีตามไปเฝ้าอยู่รอบๆ บริเวณอินดอร์ฯอย่างคับคั่ง แต่ทีมงานของทรูฯไม่อนุญาตให้ได้แฟนคลับได้พบกับนักล่าฝันคนใดเลย



การซ้อมบนเวทีจริงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องยาวเหยียด


ตั้งแต่ช่วงเที่ยงไปเสร็จสิ้นเอาตอนย่ำค่ำ โดยนักล่าฝันทั้ง 20 คนจะร้องเพลงพระราชนิพนธ์ร่วมกัน และนอกจากนั้นยังจะได้ร้องเพลงเด่นของตนเองที่เคยโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตมาแล้ว และเพลงที่ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนคลับมากที่สุดจะได้นำกลับมาร้องอีกครั้ง ทั้งเพลงไทย ลูกทุ่ง และเพลงสากล สำหรับการแสดงที่พิเศษบนเวทีคอนเสิร์ต The Best of AF 4 นั้นส่วนหนึ่งคือการโชว์ลีลาแดนเซอร์ที่เหล่านักล่าฝันออกมาเต้นประกอบเพลงของเพื่อนๆ ด้วยกันเอง ซึ่งเป็นจุดขายที่ทรูฯคากว่าจะได้รับเสียงเชียร์อย่างกึกก้อง



ส่วนผลการโหวตเพื่อให้นักล่าฝันได้เดินทางไปเที่ยวในประเทศที่ใฝ่ฝันร่วมกับแฟนคลับนั้น เป็นที่สังเกตว่าผลการโหวตไม่คึกคักอย่างที่คาดหมาย


เนื่องจากบรรดาแฟนคลับส่วนหนึ่งไม่ค่อยเห็นด้วยกับรายการเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ของทรูเท่าใดนัก ดังนั้นการโหวตจึงทุ่มให้กับนักล่าฝันคนหลักๆเพียง 2 คน คือ แจ็ค วี 2 กับตี๋ วี 12 ซึ่งแจ็คนั้นพลาดหวังที่ต้องออกจากบ้านไปเร็วกว่าที่คิด ส่วนตี๋ก็พลาดที่จะอยู่ในบ้านจำนวน 5 คนสุดท้าย และยังถูกช่วงชิงลำดับโดยปองซึ่งนัทเลือกเข้าไปในสองสัปดาห์ก่อนสุดท้าย ดังนั้นแฟนคลับของนักล่าฝัน 2 คนนี้จึงทุ่มแรงโหวตเป็นหลัก โดยคะแนนโหวตล่าสุดเมื่อบ่ายวันเสาร์แจ็คนำตี๋อยู่ประมาณ 10% และรายได้จากการโหวตเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันที่ 15 ก.ย.อยู่ที่ 2,307,597 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแฟนคลับคนที่ตั้งใจโหวตเพื่อจะได้ไปเที่ยว ต้องทุ่มเงินโหวตจำนวนมหาศาลหลายแสนบาทเพื่อให้ตัวเองและนักล่าฝันได้รางวัลนี้

หลังจากนักล่าฝันเสร็จการฝึกซ้อมที่อินดอร์ฯ แล้ว ได้เดินทางกลับบ้านแมกโนเลียท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนัก

โดยมีแฟนคลับจำนวนมากมายืนออแน่นขนัดรอชื่นชมเอเอฟที่ตนชื่นชอบบริเวณลานจอดรถ อย่างไม่หวั่นต่อสายฝนจนเปียกปอนไปตามๆกัน เมื่อนักล่าฝันกลับถึงบ้านแล้ว ครูรัก กับครูก้อย ได้อบรมคลาสแอคคิ้งเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการจัดให้เอเอฟทั้ง 20 คน แบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่มเพื่อแสดงละคร เล่าเรื่องชีวิตนักล่าฝันเอเอฟ 4  ที่เข้ามาช่วงชิงรางวัลในคราวนี้ โดยกลุ่มหลักในการแสดงคือกลุ่มเอเอฟ 5 คนสุดท้ายที่อยู่ในบ้านรวมกับปองซึ่งอยู่ถึงสัปดาห์สุดท้ายที่มีการประกาศรางวัล เรียกว่ากลุ่ม 5+1 ซึ่งเป็นกลุ่มนักล่าฝันที่มีทักษะในการแสงมากกว่าคนอื่นๆ เพราะได้รับการฝึกฝนจากเทรนเนอร์ในเวลาที่ยาวนานหลายสัปดาห์กว่าเพื่อน



การแสดงละครครั้งนี้เอเอฟทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่


โดยสองกลุ่มแรกได้นำเสนอลีลาการร้องเพลงของเพื่อนแต่ละคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงล้อเลียนเทรนเนอร์ที่มีบุคลิกพิเศษ ตั้งแต่ ครูรัก ครูก้อย ครูเป็ด ครูกาญจน์ และล้อเลียนความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนที่สนิทสนมกันสองสามกลุ่ม โดยเฉพาะคู่ซี๊นัท-ต้อล และตี๋กับพะแพง โดยนำเสนอการแสดงที่ใกล้ชิดสนิทสนมแบบหนุ่มสาวตลอดเวลาของนัทกับต้อล และกิริยาแบบเด็กๆโผงผางไม่ระมัดระวังของพะแพงซึ่งขี้งอน และมักสั่งตี๋ทำโน่นทำนี่สร้างความสนุกสนานให้ครูที่ชมอยู่ร่วมกับผู้ชมทางบ้านอย่างมาก โดยครูรักหัวเราะจนน้ำตาไหล


ส่วนกลุ่ม 5+1 ซึ่งประกอบด้วยนัท ต้อล พะแพง มิวสิค ลูกโป่ง และปองนั้น

ได้แสดงเป็นนักล่าฝันที่คว้ารางวัลไปได้ แต่แม้เวลาผ่านไปทุกคนก็ยังยังเป็นเพื่อนรักคบหากันจนแก่เฒ่าแล้วกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งในวัยชรา โดยแต่ละคนมีอาการชราแตกต่างกันไป เช่นต้อลหลงลืมอยู่ตลอดเวลา พะแพงก็หูตึง ส่วนคนอื่นๆเดินแทบไม่ไหว แต่เมื่อได้มาพบกันก็คุยกับเรื่องความหลังที่ยังทิ้งร่องรอยความสนุกสุขสันต์ในบ้านแมกโนเลียอยู่



ในช่วงนี้ลูกโป่งกับนัทได้อำพะแพงโดยถามพะแพงถึงลูกชื่อแตงที่เกิดกับตี๋


พะแพงที่แสดงเป็นคนแก่หูตึงทำเป็นไม่ได้ยิน ถามว่า อะไรนะอยู่หลายครั้งจนลูกโป่งต้องตะโกนเสียงดังว่า ลูกเอ็งกับไอ้ตี๋ผัวเอ็งไง พะแพงจึงแกล้งทำหน้างงๆ ตอบกลับว่า อ๋อ ไอ้ตี๋เหรอมันตายไปนานแล้ว ทำเอาคนดูหัวเราะครืน แต่เรื่องก็ไม่จบแค่นั้นเพราะนัทพูดแซมขึ้นว่า ไม่รู้ไอ้แตงมันจะนอนเก่งเหมือนพ่อมันไหมนะ  ทำเอาตี๋ซึ่งนั่งดูอยู่หัวเราะก๊าก แล้วมิวสิคก็ถามถึงข่าวลือที่เขาว่านัทกับต้อล อยู่ด้วยกันซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่บรรดาแฟนคลับสนใจและจับตามอง สร้างความสนุกสนานประทับใจอย่างยิ่งในค่ำคืนสุดท้าย ซึ่งปิดท้ายลงด้วยเสียงเพลงธีมอะคาเดมี่ ที่นักล่าฝันทั้ง 20 คนต่างร้องร่วมกันด้วยความรู้สึกลึกซึ้งเป็นหนึ่งเดียวในการไขว่คว้าความฝันครั้งนี้ เพลงจบลงด้วยเสียงชื่นชมของครูรักและครูก้อย จากนั้นก็มีการสั่งเสียอำลากันปิดคลาส แต่ครูทั้งสองก็จะยังเป็นครูของลูกศิษย์ทั้ง 20 คนต่อไป



ประมาณตี 1 ก่อนเข้านอนนักล่าฝันทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่ห้องแดนซ์


นั่งล้อมวงเคลียร์ปัญหากำแพงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างเอเอฟ 8 คนที่ออกจากบ้านไปก่อนกับ 12 คน ที่เเหลือ รวมถึงปัญหาส่วนตัวระหว่างบุคคลอื่นๆ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำมาพูดกันอย่างเปิดอกต่อหน้ากล้อง โดยมี แมนและอิ๋งอิ๋ง นำทีมกระตุ้นให้เพื่อนๆแสดงความรู้สึกออกมาจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจ ซึ่งแมนพูดได้ดีมาก ขณะที่ดิวเสริมว่า สิ่งไหนที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วไม่ได้สร้างสรรค์หรือเป็นประโยชน์ต่อตัวเรากับเพื่อนของเราก็อย่าไปรับฟังดีกว่า ส่วนตี๋บอกว่าการที่ได้เข้ามาร่วมกันเป็นเอเอฟ 4 นั้นถือว่าทุกคนเคยทำบุญร่วมกันมาก่อน ไม่ใช่ว่าเพราะความสามารถอย่างเดียว เพราะฉะนั้นอยากให้รักษามิตรภาพนี้ไว้ให้ยาวนานที่สุด


นักล่าฝันทั้ง 20 คนแสดงความรู้สึกส่วนตัวอย่างเต็มที่

หลายคนร้องไห้อย่างอัดอั้น แล้วเข้านอนประมาณ 3 นาฬิกา และออกจากบ้านตั้งแต่10 โมงเช้าเพื่อไปเตรียมตัวที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตการกุศล The Best of AF 4 ในคืนวันเสาร์ที่ 15 กันยายน ซึ่งเป็นการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตแบบมืออาชีพครั้งแรกของทุกคน และรายได้มอบให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิราชประชานุเคราะห์



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์