ความในใจจาก ริชชี่ นางเอก ปั้นยาก ?

กลายเป็นละครที่คนจับตามอง เพียงแค่เผยชื่อนักแสดงนำ เพราะ "สวยร้ายสายลับ" แห่ง ยูม่า 99 คว้า บอม-ธนิน มนูญศิลป์ มาประกบคู่ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส 

แต่คนแรกยังพอไหว เพราะ ยุวดี ไทยหิรัญ ผู้จัดลงทุนการันตี

ต่างจากคนหลังที่ยุวดีออกปาก "เท่าที่ปั้นคนมาริชชี่ยากที่สุด"!!!

"อายุบอกเหรอคะ" นางเอกวัย 20 ย้อนถามด้วยเสียงใสจากความไม่รู้ ด้วยตอนอยู่ในกองถ่ายก็รู้สึกว่าได้รับความเอ็นดู ใส่ใจ

เพียงแต่เรื่องปฏิสัมพันธ์ที่ยุวดีว่าไว้ คงเพราะ "ริชเป็นคนไม่ค่อยพูด"

"บางทีอายุจะถามว่า มีอะไรกังวลหรือเปล่า อยากให้พูด แต่ริชไม่ได้กังวลอะไรเลย เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว"

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าเมื่อถูกให้ทำอะไร ก็ทำหมด แม้ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ก็ตาม

"บางทีต้องตีลังกาหลบระเบิด ไม่รู้ต้องตียังไง แล้วพี่คิวบู๊ ไม่มากอง พี่ทีมงานก็ให้บอกไปเลยว่าทำไม่ได้ไม่งั้นเดี๋ยวถูกดุ แต่ริชเป็นคนไม่กล้าพูดก็เลยลองทำดู" 

ผลเลยออกมาไม่ดีนัก

"ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" เธอตั้งข้อสังเกต ที่ทำให้ฝั่งผู้จัดเห็นว่า หากอยากเป็นนักแสดงริชชี่ต้องพยายามทำออกมาจากใจ ทุ่มเทและสนุกกับงานมากกว่านี้

ทั้งที่คนเล่นเองยืนยัน "ตอนนี้ริชก็ชอบการแสดงนะคะ"

"รู้สึกว่าการที่เราได้อินไปกับตัวละครมันสนุกดี แล้วชีวิตจริงเราคงไม่ได้ทำแบบนี้ ถ้าได้รับบทที่แตกต่างออกไปเรื่อยๆ ที่ไม่ใช่ตัวเราแล้วเราทำได้ มันเป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ" 

อย่างเรื่องนี้สวมบท "ร.ต.อ.เมษา" ที่ต้องปลอมตัวสารพัดเพื่อปฏิบัติภารกิจสายลับ เลยได้ลองทั้งเตะ ต่อย ยิงปืน

ทว่าคาแร็กเตอร์กลับยากเอาเรื่อง ด้วยอาชีพและวัยเกือบ 30 ทำให้ตัวละครผ่านโลกมามากต่างจากริชชี่โดยสิ้นเชิง 

โดยเฉพาะฉากเลิฟซีนที่นางเอกเล่าพลางหัวเราะว่า "ริชแบบ..เหมือนเด็กอยู่ ถ้าบางทีให้นึกรักเหมือนแฟนก็นึกไม่ค่อยออก เพราะไม่เคยมีความรักอะไรแบบนี้ ถ้าแบบรักแบบริชรักคุณพ่อเอามารักพี่บอมได้ไหม เขาก็บอกไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน"

ขณะเดียวกันสิ่งที่ยากอีกอย่างคือ "ริชยังไม่ค่อยรู้ว่าต้องทำตัวยังไง"

"มันเหมือนเริ่มใหม่เลย หนังกับละครเล่นคนละแนวกันเลย วิธีการใหม่ มีหลายกล้อง ต้องห้ามบังกล้องเพื่อน เราก็ต้อง

เรียนรู้ใหม่ หลังๆ ก็ดีขึ้น"

ส่วนเรื่องการถูกจับตามองของคนดู เธอสารภาพ "ไม่ค่อยรู้" 

เว้นแต่จะหนักหนาจนมารดาต้องส่งมาให้อ่านนั่นละถึงได้เห็น ซึ่งไม่ใช่ครั้งนี้ 

"มีคนพูดถึงเยอะเหรอคะ?" ริชชี่ถาม

"ถ้าเป็นเมื่อก่อนริชจะคิดว่าทำไมเขาต้องว่า ไปทำอะไรให้เขา ทำไมเขาถึงเกลียดริชกันหมดเลย" อันนี้ไม่ได้ดราม่า เพราะคนพูดเล่าไปขำไป

กระนั้นก็ไม่วายบอก "ตอนนี้เวลาเห็นอะไรแบบนี้ก็มีเสียใจบ้างนะ"

"แต่เราอยู่มาปีกว่า ก็โตขึ้น เข้าใจแล้วว่าการเป็นนักแสดงหน้าที่คืออะไร แล้วก็ทำให้ดีที่สุด เรื่องที่เขาวิจารณ์ก็เหมือนพยายามมองให้เป็นบวก เอามาปรับปรุงดีกว่า"

ปรับทั้งเรื่องการแสดงที่ "ริชจะคอยถามคุณครูที่สอนแอ๊กติ้งว่าหนูเล่นโอเคไหมคะ ซึ่งตอนเป็นนักกีฬาไม่เคยคิดอย่างนี้เลย แค่คิดว่าตอนที่ตั้งใจมากๆ ไม่น่ามีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่พอมาแสดง เห็นคนว่าเยอะๆ ก็กลายเป็นเสียความมั่นใจ"

ขณะเดียวกัน "เรื่องพูดน้อยก็พยายามฝึกพูดให้มากขึ้น"

จากที่ไม่ค่อยคุยกับคนอื่นนอกจากคนในครอบครัว เพราะไม่รู้จะคุยอะไรดี ก็เริ่มเปลี่ยน

"เวลาเจอใครที่ต้องร่วมงานก็ใช้ความรู้สึกมองเขาเป็นพี่ที่สนิท เป็นคนในครอบครัว"

"ไม่ฝืนความรู้สึกนะคะ" คนพูดน้อยยืนยัน 

"เพราะรู้ว่าถึงไม่ได้ฝึกพูดตอนนี้ วันหนึ่งโตขึ้นก็ต้องพูด ต้องปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนตัวอยู่ดี เหมือนที่แม่บอกว่าริชไม่ใช่เด็ก อยู่กับพ่อแม่ตลอดเวลาไม่ได้ พ่อแม่ปกป้องริชตลอดไปไม่ได้ วันหนึ่งริชก็ต้องโต" 

ส่วนเรื่องที่ใครต่อใครเมาธ์ว่าเพราะอยู่ในสังกัด เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร เป็น "เด็กพี่เอ" ทำให้ได้เล่นเป็นนางเอกนั้น คนฟังขำก่อนตอบซื่อๆ "ริชไม่รู้เหมือนกัน"

"ริชไม่มีเส้น ไม่รู้จักใคร ไปงานช่องก็ยังเขินๆ ส่วนพี่เอก็งานยุ่ง ไม่ค่อยได้คุยเหมือนกัน"

"แต่ริชไปแคสต์ปกติเลยนะคะ"

เวลาเล่นจึงมั่นใจว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนจบ"ริชก็เต็มที่สุดๆเลย"

"เรื่องนี้เข้าใจตัวละคร เข้าใจการแสดงมากขึ้น พยายามเต็มที่ทุกอย่าง ก็น่าจะออกมาดีที่สุด"

ดังนั้น "อยากให้ลองดู ลองให้โอกาสริชดู"