ความสุขของ เต็งหนึ่ง คือรอยยิ้มของคนครอบครัว

นาทีนี้คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเด็กหนุ่มหน้าหวานวัย 23 ปี คนนี้แน่นอน “เต็งหนึ่ง-กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์”

เพราะหนุ่มหล่อหน้าหวานลูกหลานจากเมืองย่าโม (นครราชสีมา) ได้มาสร้างชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังและยอมรับกันในเรื่องของความสามารถทั้งการร้อง, การแสดง, ถ่ายแบบ ฯลฯ ที่ออกสู่สายตาประชาชนมาแล้วมากมาย และแน่นอนเมื่อเขาฮอตขนาดนี้ เราไม่พลาดแน่ที่จะเชิญเขามาเป็นแขกรับเชิญของเราในเสาร์นี้ ซึ่งตอนนี้หนุ่มหวาน เต็งหนึ่ง เขาพร้อมอยู่แล้วไปคุยกับเขากันเลยดีกว่า

ชีวิตวัยเด็กเต็งหนึ่งเป็นยังไง?

“ตั้งแต่วัยเด็กเริ่มจำความได้หนุ่มเต็งหนึ่ง จะชอบทำกิจกรรมต่าง ๆ และก็บวกกับความที่เป็นคนช่างฝัน ซึ่งเคยแอบหวังไว้เสมอว่าหากมีโอกาสสักครั้งอยากที่จะได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงกับเขาบ้าง ดังนั้น เวลาที่ไหนจัดให้มีการประกวดแข่งขันอะไร ก็จะขอให้ได้ไปลองประกวดดู มีชนะมีแพ้มีได้รางวัลไม่ได้รางวัลบ้าง แต่ก็ไม่เคยท้อเพราะเป็นคนที่คิดเสมอว่า “เสียใจที่ได้ทำ ดีกว่านั่งเสียใจที่ไม่ได้ทำ” นั่นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้หนุ่มเต็งหนึ่งมีแรงที่จะก้าวเดินต่อไป จนทำให้เขาเดินทางมาถึงการประ กวด “ดัชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล 2007”   ซึ่งเป็นเวทีใหญ่มากที่สุดในชีวิตตั้งแต่ที่เคยไปประกวดแข่งขันมา และเวทีนี้เขาสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ “ตำแหน่งดัชชี่บอย ประจำปี 2007” ไปครองได้สำเร็จนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตในวงการบันเทิงและทำให้เราได้รู้จักกับ “เต็งหนึ่ง-กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์” เป็นครั้งแรกครับ”  



งานเยอะขนาดนี้เอาเวลาที่ไหนไปเรียน?

“เวลาที่ผมว่างผมก็ไปเรียนครับ ไม่เคยขาดเพราะรู้ว่าเรื่องเรียนสำคัญ ที่บ้านเองก็บอกว่ายังไงก็อย่าทิ้งเรียน ถึงแม้จะต้องเรียนและทำงานควบคู่กันไปด้วยมันอาจจะเหนื่อยและหนักกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่สำหรับตนเองคิดว่า เราช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสและมีโอกาสเข้ามาในจุดนี้  แถมการทำงานตรงนี้เป็นงานและเป็นอาชีพที่ทำให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ สิ่งที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุดคือ การได้ส่งเสียค่าเทอมให้น้องและช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ในเรื่องของค่าใช้จ่ายภายในบ้านด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ซึ่งเมื่อเราเห็นรอยยิ้มของคนที่รักก็ทำให้เรามีความสุข ถึงแม้จะเหนื่อยแต่เป็นความเหนื่อยเปื้อนยิ้มให้กับตนก้าวต่อไป จนถึงวันนี้ในเรื่องของการเรียนก็พยายามไม่ทิ้งการเรียนซึ่งเหลือเก็บอีกเพียงไม่กี่วิชาคาดว่าภายในปีนี้จะต้องเรียนจบให้ได้ หากเป็นไปตามที่หวังปีหน้าก็จะได้เป็นบัณฑิต คณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้สำเร็จ ตอนนี้ก็เลยคิดว่าหากเรียนจบแล้วก็อยากที่จะเรียนปริญญาโทต่อเลย แต่ก็กำลังศึกษาว่าจะเลือกเรียนในสาขาใดต่อดี แล้วก็คงจะได้สร้างความสุข ความบันเทิงให้กับทุกคนได้มากขึ้น เพราะสามารถที่จะรับงานได้เต็มที่”

จากนั้นก็มาทำเพลงต่อใช่มั้ย?

“ครับ ผมได้ออกอัลบั้มเป็นครั้งแรกในนามวงบอยแบนด์ B.0.Y (บีโอวาย) พร้อมกับเพื่อน ๆ สมาชิกทั้งหมด 4 คน ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงมากมาย ทำให้ชื่อเสียงของ เต็งหนึ่ง เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว แต่ตอนนี้วงก็แตกไปแล้ว แต่ก็ยังมีความทรงจำกับเพื่อน ๆ ที่ผมเองจะไม่มีวันลืมเลยครับ ในเวลาเดียวกันยังได้รับโอกาสที่ดีจาก “สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7” หยิบยื่นโอกาสด้านการแสดงให้มาแสดงละครเรื่องแรก “มรดกบันเทิง” ได้รับบทเป็นพระเอกครั้งแรกด้วยครับ โดยแสดงคู่กับนางเอกระดับแถวหน้า “เชียร์-    ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” และจากนั้นผมก็มีผลงานด้านการแสดงออกมาให้ชมอย่างต่อเนื่องมากมาย อาทิ มือนาง, พ่อหนูเป็นซุปเปอร์สตาร์, รักในม่านเมฆ ล่าสุดเหมือนเป็นการได้กลับมาบ้านหลังแรกอีกครั้ง เพราะได้กลับมาร่วมงานกับ     “เวิร์คพอยท์ฯ” อีกครั้ง  ในละครเรื่อง “รักกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล” ครับ”


ได้ข่าวว่าเต็งหนึ่งซื้อบ้านแล้ว?

“ครับ ผมยัง   มีความฝันที่เป็นจริง ไปแล้วหนึ่งอย่างคือ  ของขวัญสำหรับคุณแม่และครอบครัว ซึ่งได้ทำสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันแล้วนั่นคือ การซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ เป็นของตัวเอง เพราะตั้ง แต่เกิดจนโตเราเติบ โตที่โคราชมาตลอด ซึ่งพอได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ จึงต้องเช่าคอนโดเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งเวลาที่คุณแม่หรือน้อง ๆ มาหาก็ต้องอยู่ด้วยกันในห้องสี่เหลี่ยมซึ่งพื้นที่ก็ค่อนข้างจะจำกัด เต็งเลยคิดว่าสักวันจะต้องซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ เป็นของตัวเองให้ได้ เพราะเวลาที่ครอบครัวมาหาจะได้อยู่แบบสบาย ๆ และ    จะได้มีพื้นที่ที่ให้เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันได้เช่น ดูทีวี, ฟังเพลง, ทำกับข้าว ฯลฯ  และวันนี้ฝันเป็นจริงแล้วครับ”  

ทำงานเยอะขนาดนี้มีเวลาจีบสาวบ้างไหมเนี่ย?

“ไม่มีเวลาเลยครับ (หัวเราะ) ตอนนี้ “โสดครับ” ผมขอทุ่มเทให้การทำงานเพราะสำหรับตนเองการทำงานในวงการก็เพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่นานยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนอีกมากมาย และก็อยากที่จะดูแลครอบครัวให้มีความสุขครับ  เพราะความสุขสำหรับเต็งคือ  การที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนในครอบครัวครับ”

แล้วกับข่าวเรื่องความรักที่ผ่านมาล่ะ?

“กับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตของเราอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราโตขึ้น และได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองผิดพลาด ผมไม่โทษใคร คิดว่ามันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ได้เรียนรู้ครับ”

ได้ยินว่ายังโสด อย่างนี้เหล่าแฟนคลับคงจะยิ้มกันไป เอ๊า...ส่วนเสาร์หน้าเราจะมีหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น จาก เคโอติก นั่นก็คือ หนุ่มเคนตะ นั่นเองที่จะมานั่งพูดเปิดใจกับเราตรงนี้ แฟนคลับติดตามกันให้ดีนะจ๊ะ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์