ความรักของแหวนแหวน ถือคติเข้าใจและให้อภัย

กลายเป็นข่าวฮือฮาไม่น้อย เมื่อพิธีกรสาวขนตาเด้ง อย่าง แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ ถูกทายาทหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แดน เหตระกูล ขอแต่งงานกลางรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย”

หลังจากที่คบหาดูใจกันมา 8 เดือน ซึ่งระยะเวลาดูเหมือนจะไม่นาน แต่ทั้งคู่ก็ดูจะมั่นใจกับความรักครั้งนี้มาก ๆ เพราะคบกันบนพื้นฐานของความเข้าใจและการให้อภัย งานนี้แหวนแหวนเลยเปิดบ้านให้ “ดาวต่างมุม” เข้าไปล้วงลึกในเรื่องความรักแบบหมดหัวใจ   

เป็นยังไงบ้างหลังจากโดนขอแต่งงาน?
   
ก็ดีค่ะ ชีวิตอึ้ง ๆ งง ๆ เล็กน้อย แต่เราค่อนข้างจะคุยเรื่องนี้กันมาพอสมควรแล้วว่า อนาคตจะเป็นยังไง ก็ตกใจ เพราะว่าเร็วกว่าที่คิด ตอนแรกนึกว่าพี่วู้ดดี้เขาแกล้ง เหมือนพี่วู้ดดี้เขาจะชอบมีอะไรเป็นกิมมิคในรายการเขา เราก็เลยรู้สึกว่า คงไม่มั้ง คุณแดนจะมาเล่นละครโรแมนติกอะไรบนเรือสำเภา แบบว่าไม่เชื่อ จนพี่วู้ดดี้บอกว่านี่เรื่องจริง เขามีความตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ เราก็แบบว่า
พูดจริงเหรอ จริง ๆ แล้วอึ้งไปนานประมาณ 5 นาทีได้ พูดอะไรไม่ออก แต่ในรายการจะตัดภาพเร็วมาก เหมือนขอปุ๊บก็เซย์เยสไป ภาพที่ออกมาอาจดูไม่ได้ตกใจ แต่จริง ๆ แล้วตกใจมาก ก็ปลื้มนะ ดีใจ
ไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนั้น รู้สึกว่าเขาให้เกียรติเรา ถึงกล้าที่จะพูดต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ


เท่าที่คบกันมาเขามีความโรแมนติกมากน้อยแค่ไหน?
   
คุณแดนโรแมนติกนะ เป็นผู้ชายที่เอาใจใส่
ผู้หญิงใครเจอก็หลงรัก แต่ก็เดชะบุญที่ไม่เจ้าชู้ เป็นคนช่างดูแล พูดจาเพราะ นุ่มนวล เป็นสุภาพบุรุษมาก จริง ๆ อย่างการไปกินข้าวน้อยมากที่ไปกัน 2 คน ส่วนใหญ่จะไปกับคุณพ่อพี่แดน ไม่ได้แบบว่ากินข้าวโรแมนติกใต้แสงเทียนปานนั้น แต่เป็นการดูแลทุก ๆ วันมากกว่า เขาจะช่างดูแล ช่างใส่ใจเรามาก และจะชอบทำของกระจุกกระจิกให้ อย่างไปทำเพลงให้ ทำปกซีดีเอง ให้วันวาเลนไทน์ เป็นผู้ชายน่ารักกุ๊กกิ๊ก มีภาพความเป็นผู้นำ มีความช่างออดอ้อน ทำตัวคิกขุ แต่ก็ดูแลผู้หญิงดี

ประทับใจกันตรงไหน?
   
จริง ๆ ที่แรกเริ่มประทับใจเลยมีความรู้สึกว่า เขาเป็นคุณชายที่ทำงานทำการ คือตอนนั้นเรนมาที่เมืองไทย แล้วเอเจนซี่ของแหวนเนี่ยดูแลประสานงานทางฝั่งไทยให้ ก็ติดต่อคอลัมเรสซิเดนซ์ของคุณแดนให้เป็นสปอนเซอร์ด้านที่พักอาศัย เพราะว่าเรนเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัว ตอนนั้นพี่บีม-ศรัณยู ก็แนะนำให้ว่าไปอยู่ที่นี่ไหม เป็นของแดนเพื่อนพี่ แล้วเราก็โทรฯ คุยกับคุณแดน แล้วเราก็รู้สึกว่าเขาทำงานทำการ ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็นเพื่อนพี่บีม ต้องเป็นแบบสไตล์หนุ่มหล่อ พ่อรวย เฟี้ยวฟ้าว มีข่าวกับดารา เราก็จินตนาการไปเยี่ยงนั้น แต่พอมาคุยมาทำงานด้วยกันแล้ว ก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่แบบเป็นคุณชายชิลชิลเหมือนคนอื่น เขามีความเป็นผู้ใหญ่มาก

ตอนนั้นปิ๊งกันเลยหรือเปล่า?
     
เราก็รู้สึกประทับใจเขานะ ตอนนั้นแปลกมาก เราก็คุย โทรศัพท์กันไม่เจอตัวนะ รู้สึกว่าเสียงคุ้นมาก แต่จำหน้าไม่ได้ว่าแดนไหน ก็ไปเปิดอินเทอร์เน็ตดู ตอนนั้นเดือน ก.ย. 51 และมาเจอพี่แดนจริง ๆ ตอนเดือน ธ.ค. 51 ซึ่งพี่บีมเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นกับพี่แดน ก็ชวนไปกินที่ร้าน
ก็เจอกันครั้งแรกวันนั้น ก็แปลกนะ เราก็รู้สึกคุ้นกับผู้ชายคนนี้ ไม่ได้ปิ๊งเพราะหล่อหรืออะไร แต่เราก็รู้สึกคุ้น เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า เพราะคุณแม่เป็นเพื่อนกัน เขาก็บอกว่าไม่น่าจะเคยเจอนะ พอมาเจอกันวันนั้นก็ไม่ได้ปิ๊ง เขาเข้าใจว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว ส่วนหนูก็มองว่าเขาไม่น่าจะสนใจเรามั้ง ก็เลยต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้อะไร มาเจอกันอีกทีก็ปีใหม่ ก็พี่บีม อีกนั่นแหละ จัดปาร์ตี้เราก็ไป ก็ส่งของไปให้ปีใหม่ ขอบคุณที่ช่วยเหลือตอนที่เรนมา หลังจากนั้นเราก็คุยกันห่าง ๆ เวลามีแขกจากเกาหลีมาก็ไปพักที่คอลัม เราก็จะรู้สึกดี เพราะเขาคอยช่วยเหลือเราตลอด


เริ่มคบกันจริง ๆ ตอนไหน?
   
กลับมาเจอกันอีกทีก็ตอนวันเกิดพี่บีม วันที่ 6 ต.ค. 52 เขาเลิกกับแฟนเขาแล้ว โสดสนิท เราเองก็ไม่ได้คบใครเป็นจริงเป็นจัง เขาก็มาทักว่าเป็นยังไง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แล้วเราก็คุยกัน แต่ตอนกลับเราไม่ได้ลา รุ่งขึ้นก็เลยส่งข้อความไปว่า ดีใจที่ได้เจอและก็ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือแหวนมาตลอด เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ยินดีมาก ๆ พอ 2 วันหลังจากนั้น เขาก็มากินข้าวที่ร้านอาหารติดกับบ้านแหวน แล้วก็ชวนมากินด้วยกันไหม แต่ตอนนั้นแหวนกำลังจะไปเกาหลี ก็ไม่ได้คุยกันสักประมาณเดือนหนึ่งมั้ง จนมาคุยกันอีกทีตอน 17 พ.ย. เขาก็ชวนไปกินข้าวอีกครั้งที่ร้านเดิม วันนั้นเราก็เจอคุณพ่อเขา เราก็คุยเก่ง เขาก็ประทับใจเข้ากับพ่อเขาได้
ต่อมาก็คุยบีบีกัน กลายเป็นว่าคุยกันเยอะขึ้น บีบีหากันถึงตีห้า แล้ววันหนึ่งก็เดินออกไปซื้อโยเกิร์ตแถวบ้าน เขาก็แบบว่าขอเดินไปซื้อด้วยคน เพราะบ้านเราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ เขาก็เดินตามออกมาด้วย แต่วันนั้นโยเกิร์ตไม่มี เขาก็เลยบอกว่าให้เดินกลับไปที่บ้านผม ไปเอารถแล้วขับไปซื้อที่ฟู้ดแลนด์ เราก็โอเคไปก็ได้ พอไปถึงบ้านเจอคุณแม่ดีใจมาก ท่านบอกว่าเห็นหนูมาตั้งแต่เด็ก ๆ ท่านก็รู้จักทั้งคุณแม่และคุณยายหนู ก็เลยนั่งคุยอีกเป็นชั่วโมง จากนั้นแหวนก็ไปฮ่องกง พอเริ่มห่างตอนนั้นแกก็เริ่มเกิดอาการแบบว่า คิดถึงนะ ตอนนั้นกลับมาซื้อกล้องมาใหม่ เราก็แบบว่าช่วง ธ.ค. อากาศดีเดี๋ยวเราลองหัดเล่นกล้อง ก็เลยเริ่มกุ๊กกิ๊กกันมากขึ้น แล้วคุณยายเคยดูดวงบอกว่า 10 ธ.ค. จะเจอเนื้อคู่ ซึ่งเขาบอกว่า จริง ๆ เจอกันตั้งแต่ตอนอายุ 24 แล้ว จะดูแบบว่าเกี่ยวข้องกับการเดินทาง เป็นเรื่องงานกับชาวต่างชาติ แล้วก็มาพบรักกันจริง ๆ ตอนอายุ 25 แล้วก็ 26 จะแต่งงาน ก็บอกคุณแดนว่า วันที่ 10 ธ.ค. เนื้อคู่หนูจะมาแล้วตื่นเต้นจังเลย เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่หน้าเขาก็ครุ่นคิดเล็กน้อย เหมือนความสัมพันธ์มันก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไปงานที่พระที่นั่งอนันตสมาคม มันมีโมเมนต์หลายอย่างที่เหมือนคนรักโปรโมชั่น ทุกอย่างมันสวยงาม อากาศดี เป็นช่วงที่ดีที่จะตกหลุมรัก ช่วงนั้นเขาก็เริ่มเปิดใจว่าชอบนะ มองอนาคตแบบนี้ แต่ไม่ได้ว่าจะขอมาเป็นแฟนกัน แล้วก็ พอวันที่ 10 ธ.ค. คุณแดนเขาก็เอาของขวัญกล่องใหญ่มาให้ แล้วก็ขับรถหายไป เราก็งง พอเปิดกล่องมาก็เป็นพระกฤษณะ ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักและการปกครอง เป็นรูปปั้นใหญ่มากและแพงมาก เราก็อุ๊ย! ทำไมมาให้ของขวัญใหญ่โตอะไรขนาดนี้ ก็มีตกใจ แล้วก็เรียกเขามาคุยกันให้รู้เรื่อง เขาก็ขับรถกลับมาแล้วก็สารภาพรัก

ณ วันนี้มีความพร้อมกับชีวิตแต่งงานมากน้อยแค่ไหน?
   
ความพร้อมทางด้านจิตใจก็โอเคนะ เรื่องงานก็ไม่ได้ห่วงอะไรมาก เราทำงานหนัก แต่เราก็หาเวลาให้ครอบครัวได้ ถ้ามีลูกคุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยเลี้ยงอยู่แล้ว จะห่วงก็เรื่องธุรกิจที่เกาหลี ที่ต้องบินไปบินมาตลอด ซึ่งธรรมดาจะบินทุกเดือน อาจจะเซตระบบให้ไม่ต้องบินทุกเดือนอาจจะ 3 เดือนครั้ง พยายามจะทำทางด้านโน้นให้นิ่ง คุณแดนเองก็มีธุรกิจที่ฝรั่งเศส มีชาโตว์ มีไร่ไวน์ ซึ่งก็ต้องบินตลอด
วันวาเลนไทน์นี่เราต้องฉลองกันที่สนามบิน คุณแดนก็ให้ซีดีเพลงที่เขาร้องเอง เราก็ถักผ้าพันคอให้ แล้วต่างคนก็ต่างบิน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็สงสารลูก เราเองก็อยากมีเวลาให้ครอบครัว

รู้สึกอย่างไรที่ความรักครั้งนี้ถูกจับตามองมาก?
   
ไม่รู้สึกอะไรมากนะ อาจจะเป็นเพราะโสดมานานด้วย ไม่ได้คบใครเปิดตัวเป็นจริงเป็นจัง สไตล์คนมองจะต้องมองว่า
คู่นี้ต้องแต่งงานกันแน่ ๆ เลย ดูสมกันจังเลย น่าจะไปด้วยกันได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนก็จะให้คอมเมนต์ในทางที่ดี ขอให้รักกันนาน ๆ เราเปิดตัวมา เราก็ไม่ได้หวานจ๋าเลี่ยนปานนั้น เราออกแนวเล่นกันมากกว่า


เปิดเผยกับความรักครั้งนี้พอสมควร?
   
เราคบกันสักพักหนึ่ง 5-6 เดือนได้ จนรู้สึกว่า โอเคถึงเปิด ถ้าเปิดตัวคบใครอีกครั้ง ก็ต้องเป็นคนที่คิดแต่งได้ แรก ๆ ก็ระวังตัว กลัวเดี๋ยวเลิกกันขึ้นมา เราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องมั่นใจกันจริง ๆ ตอนนั้นเราคบกันเลิกกันไปแล้ว 2 รอบ แต่เลิกแบบ 2 วัน 5 วัน ต่างฝ่ายต่างถอยมาสงบสติอารมณ์ เหมือนเราต้องปรับตัวเข้าหากัน เขาก็เป็นคุณชาย เราก็เป็นคุณหนู ต่างคนก็มีความคิดเป็นของตัวเองสูง ค่อนข้างจะไม่ยอมใครทั้งคู่ เพราะฉะนั้นก็ปรับตัวกันยากเหมือนกัน แต่ตอนนี้โอเคแล้ว นิ่งขึ้น เราก็เข้าใจกันมากขึ้น

ช่วงเวลาที่คบกันมันเร็วไปไหมกับการแต่งงาน?

   
ก็คิดอยู่เหมือนกัน คุณแดนเองเขาก็ผ่านประสบการณ์ชีวิต มีแฟนมาก็เยอะ อายุก็มากแล้ว ก็อยากจะคบใครจริงจังแล้ว แหวนก็ไม่ได้มาคบเล่น ๆ จะคบใครเราต้องมองเห็นศักยภาพการแต่งงาน เราเองก็ไม่ได้อยากเป็นข่าวควงคนโน้นคนนี้ มันก็ไม่ได้ดูดี ถามว่าเร็วไหมก็เร็ว แต่เท่าที่ผ่านมาอายุก็ไม่ได้น้อยแล้ว ได้เข้าใจในตัวเองว่าต้องการอะไร อะไรที่เหมาะที่สุดที่จะอยู่กันไปตลอดชีวิต อะไรที่จะส่งเสริมชีวิต ช่วงแรก ๆ ก็หวั่น ๆ เพราะองค์ประกอบรอบข้างดีหมด แต่คนสองคนจะอยู่กันได้ไหม มันเป็นสิ่งที่น่าห่วงที่สุด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ฟัง แต่คิดว่าถ้าวันหนึ่งปรับตัวกันได้ เข้าใจในจุดนี้ก็น่าจะมีชีวิตที่ดีมาก

มุมมองความรักของแหวนเป็นอย่างไรบ้าง?
   
ความรักถ้ามองจากชีวิตของเราสองคนตอนนี้ เหมือนเป็นการเข้าใจและให้อภัยกันมากกว่า เมื่อก่อนใครถามมักจะบอกว่าความรักคือการให้ เพราะรู้สึกว่าความรักที่ยิ่งใหญ่คือแม่ให้ลูก ให้หมดแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่กับแฟนก็ไม่หวังสิ่งตอบแทนนะ เหนือสิ่งอื่นใดคือความเข้าใจและให้อภัย เข้าใจในตัวเขา บางอย่างอาจจะไม่ได้ถูกซะทีเดียว แต่เราก็ให้อภัยเขาได้ เข้าใจซึ่งกันและกัน มันก็จะอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งเราจะเข้าใจหรือให้อภัยใครได้ เราต้องมีความรักให้คน ๆ นั้น
   
แหม...เห็นหนูแหวนสัมภาษณ์ไปยิ้มไป ก็เดาได้เลยว่า ตอนนี้โลกของเธอกำลังเป็นสีชมพูสุด ๆ ไว้ได้กำหนดฤกษ์แต่งที่แน่นอนเมื่อไหร่ คงต้องรออัพเดทกันอีกที แต่ยังไงก็ขออวยพรล่วงหน้ากันเลยนะจ๊ะ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์