ความรักของ “แจม” คือการเชื่อใจ

จัดเป็นอีกหนึ่งสาวที่หนุ่ม ๆ หลายคนหลงเสน่ห์ สำหรับสาว แจม-ชรัฐฐา อิมราพร แฝดผู้พี่หนึ่งในสมาชิกวง “เนโกะ จัมพ์” ที่วันนี้เจ้าตัวจะมาขอเผยถึงตัวตนของเธอที่อาจจะไม่ค่อยมีใครได้รู้ผ่าน “ดาวต่างมุม” พร้อมทั้งเรื่องหัวใจกับหนุ่ม อ้วน-รังสิต ศิรนานนท์ ที่หลายคนบอกว่าหวานไม่แพ้ใครด้วย

ถามถึงผลงานเพลงอัลบั้มล่าสุด “เวค อัพ พลีส” และเพลง “ลุก สิ” หน่อย?

“สำหรับเพลง “ลุก สิ” จะเป็นแนวแด๊นซ์มาก ๆ มีกลิ่นอายยุคซิกซ์ตี้แบบไทย ๆ ค่อนข้างต่างจากอัลบั้มก่อน ๆ ของเนโกะ จัมพ์ที่เป็นแบบป๊อบสมัยใหม่ ซึ่งอัลบั้มนี้อยากให้แฟน ๆ สัมผัสตัวตนเราได้มากขึ้น จากที่เคยเห็นแบบสวย ๆ บนเวที แต่เพลงนี้ทั้งท่าเต้นและมิวสิควิดิโอจะเข้าถึงได้ง่าย สามารถเต้นตามด้วยได้ นอกจากนี้เรายังมีคอนเสิร์ต “กามิกาเซ่ เค ไฟท์” ด้วย ซึ่งเนโกะ จัมพ์ก็จะเอาเพลงลุก สิ ไปโชว์บนเวทีนั้นเป็นครั้งแรกด้วย ตอนนี้ทุกคนก็ซ้อมกันอย่างขมักเขม้นมาก เพราะจะแสดงวันที่ 13 ต.ค. นี้แล้วค่ะ”

ผลงานแสดง “วิวาห์ป่าช้าแตก” เป็นอย่างไรบ้าง?

“การเป็นนักแสดงก็สนุกดีค่ะ และถือว่ายากพอสมควรเหมือนกัน แต่เราพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด ถามว่าแจมพอใจฝีมือการแสดงตัวเองรึยัง คือแจมยังรู้สึกว่ามันพอโอเค แต่เรายังมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ เราสามารถไปได้มากกว่านี้ สิ่งที่ยากสำหรับการแสดงของแจม คือเราเพิ่งเคยเล่น ก็ตื่นเต้นด้วย แล้วก็มีเรื่องของสมาธิ ด้วยความที่เรายังใหม่ เราก็ต้องมีสมาธิมากกว่าคนอื่น อย่างพอสั่งคัทเราก็ไม่กล้าคุยเล่นกับคนอื่น กลัวจำบทไม่ได้ ซึ่งผลงานแสดงเรื่องต่อไปก็มีคุย ๆ ไว้บ้างแล้วค่ะ”

ดูเหมือนตอนนี้เนโกะ จัมพ์ จะเปลี่ยนเป็นแนวเซ็กซี่มากกว่าใส ๆ แบ๊ว ๆ ?

“คือมันต้องมีพัฒนาการบ้าง เด็ก ๆ ใหม่ก็ขึ้นมาเยอะ แต่จริง ๆ แล้ว เนโกะ จัมพ์ ก็ไม่ได้เซ็กซี่ถึงขั้นหวือหวา เซ็กซี่ในแบบเนโกะ จัมพ์ ก็คือเรายังมีความเป็นวัยรุ่น สดใสอยู่ แต่ก็มีความเซ็กซี่เล็ก ๆ เหมือนเป็นแรงดึงดูดของเด็กสาวมากกกว่า ส่วนตัวแจมไม่ได้เป็นคนเซ็กซี่เลยนะ ลำบากใจมากเวลาที่ต้องทำอะไรเซ็กซี่ คือถ้าใครรู้จักแจมจริง ๆ จะรู้ว่าแจมเป็นคนเรียบร้อยมาก แต่เวลาทำงานเราต้องเป็นอีกแบบหนึ่ง ถามว่าต้องปรับตัวให้เข้ากับลุคเซ็กซี่ที่ถูกวางไว้เยอะมั้ย คือมันเป็นไปตามรูปแบบงานมากกว่า เพราะพอเสร็จงานปุ๊บเราก็กลับมาเป็นตัวเราเหมือนเดิมค่ะ”

ตัวตนแจมเป็นยังไง?

“หนูเป็นคนที่มีมุมมองในแง่บวก แต่ไม่ถึงขนาดโลกสวย อย่างการทำงานทำอะไรหนูก็จะตั้งใจทำมาก ๆ และพยายามมากในทุกเรื่อง และต้องพัฒนาตัวเองตลอด อาชีพในวงการบันเทิงมันเป็นอาชีพที่ได้รับโอกาสมากมาย ดังนั้นหนูก็อยากทำให้มันดีที่สุดในทุกโอกาสที่เข้ามา ส่วนในเรื่องนิสัยใจคอหนูเป็นคนที่โกรธคนยากมาก ถ้าหนูโกรธอะไร มันคงต้องแย่จริง ๆ เพราะหนูสงสารคนอื่นง่าย สมมุติมีคนมาทำไม่ดีกับเรา หนูก็จะโกรธบ้างแต่แค่แว๊บเดียวเท่านั้น เพราะรู้สึกว่าเราจะโกรธเขาไปทำไม โลกมันเล็กและกลมมากเกินกว่าที่เราจะมีศัตรูกับใคร เราไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งเราอาจมีเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับเขา และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าการที่เขาทำดีหรือไม่ดีกับเรา บางครั้งเขาอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้อันเป็นสาเหตุของการกระทำนั้นก็ได้ ดังนั้นหนูเลยไม่ชอบบาดหมางกับใคร เราอาจจะแค่รู้สึกหงุดหงิด ณ เวลานั้นแล้วก็จบ เดินหน้าหาทางแก้ไขต่อไปค่ะ”

ช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตแจมคืออะไร?

“หนูว่าทุกวันนี่แหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็มีค่าหมด เพราะคนเราตื่นเช้ามาก็ไม่รู้หรอกว่าวันนี้จะเจออะไรบ้าง เพราะเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ แต่ปัจจุบันที่เราทำอยู่ ถ้าเราทำให้มันดีที่สุด ผลข้างหน้าก็จะดีตามมาเอง วันนี้เราอาจจะเจอเรื่องแย่ ๆ แต่ถ้าเราสามารถแก้ไขผ่านมันไปได้ ใครจะไปรู้อนาคตเราอาจจะเจอสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของชีวิต ก็เป็นช่วงที่ดีสุดของหนูค่ะ”

หากวันหนึ่งแจมโดนทิ้งอยู่บนเกาะร้าง จะมีวิธีเอาตัวรอดยังไง?

“หนูคงต้องสำรวจเกาะว่ามีอะไรบ้าง ตรงไหนอันตรายรึเปล่า มีอะไรให้เรากินได้บ้างมั้ย ดูว่าเราสามารถอยู่ตรงไหนได้บ้างและก็จะพยายามอยู่ที่นั่นให้ได้ และค่อย ๆ หาทางติดต่อคน เผื่อมีเรือสักลำล่องผ่านมา”

ถามถึงความสัมพันธ์กับ เนย-วรัฐฐา ในความเป็นฝาแฝด ก็หนีไม่พ้นการพูดเปรียบเทียบ เรารู้สึกยังไง?

“มันก็มีนะที่มีคนบอกว่าชอบเนยมากกว่า หรือชอบแจมมากกว่า เพราะคนข้างนอกจะไม่รู้ตัวตนของเรา จะเห็นแค่สไตล์ของแต่ละคนแล้วก็ตัดสินว่าชอบแบบนี้ ดังนั้นสำหรับหนูรู้สึกมันนานาจิตตัง ต่อให้เราเป็นพี่น้องกันมันก็ต้องมีคนที่ถูกเลือก หนูไม่เคยคิดมากเลยนะ ถ้าจะมีคนขอถ่ายรูปกับเนย แต่ไม่ถ่ายกับหนู คือมันเป็นเรื่องธรรมดา มันไม่ได้เป็นแบบแฟนคลับคนนี้ชอบเนยมากกว่า แล้วจะเกลียดแจมเลย เขาเหมือนแค่เลือกชอบสีชมพูหรือสีฟ้ามากกว่าเท่านั้นเองค่ะ”

เนยและแจมมีความเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง?

“ตอนเด็ก ๆ เราเหมือนกันมาก ทุกอย่างเป๊ะ ชอบอะไรก็ชอบเหมือนกัน เรียนเก่งหรือโง่วิชาไหนก็เป็นเหมือนกัน แต่พอเริ่มโตมาก็แตกต่างเยอะมาก แบบคนละขั้วเลย เนยจะเป็นคนที่ลุยและแมนมาก ถึงไหนถึงกัน แต่หนูจะเป็นคนขี้กลัว เป็นคนอนามัยจัด ส่วนเรื่องการทะเลาะกันมันก็มีอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเราก็คือพี่น้องกัน ไม่มีใครที่จะรักไปมากกว่าคนในครอบครัว สุดท้ายเราก็ดีกันอยู่แล้ว อย่างหนูกับเนยไม่เคยทะเลาะกันนาน เราจะเถียงกันแบบหาที่ลงตัวไม่ได้ก็งอนกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครง้อใครก่อน สักพักหนึ่งที่เราใจเย็นลง หายโกรธแล้ว เราก็มาคุยกันปกติ เนยกับแจมเป็นพี่น้องที่ขาดกันไม่ได้เลยค่ะ แม้ว่าตอนนี้ต่างคนจะต่างโตแล้ว แต่เวลาที่มีอะไรยังไงหนูก็ต้องคุยกับเนย ขอคำปรึกษา มีปัญหาก็ต้องคุยกับเนย ไม่คุยกับเนยไม่ได้เลย เรื่องหนุ่ม ๆ หนูก็จะคุยกับเนยตลอดว่าคนนี้ดีมั้ย มันจะรอดรึเปล่า จะเล่าให้เขาฟังตลอด เนยรู้หมดเลย แต่เนยเขาจะไม่ค่อยเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง เขาจะมีความมั่นใจในตัวเอง มีความเป็นผู้นำสูง เวลาที่เขาคุยกับใครเขาก็จะไม่ค่อยเล่า แต่หนูก็จะคอยแอบฟัง แอบแซวเขา เขาถึงจะยอมเล่าค่ะ”

เขาว่าฝาแฝดมักมีสายใยบางอย่างเชื่อมถึงกันอยู่ เนยกับแจมเคยเจอเหตุการณ์อะไรที่เหมือนเป็นเพราะความเป็นฝาแฝดหรือที่ไม่สามารถอธิบายได้บ้างมั้ย?

“ก็มีนะคะ ด้วยความที่เราเป็นฝาแฝด อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงตั้งแต่เด็กจนโต มันรู้ทุกอย่างแม้อีกคนจะไม่พูด แต่เราก็รู้ว่าเขาจะพูดจะตัดสินใจยังไงในเรื่องที่เดายาก บางครั้งเราก็ชอบพูดพร้อมกันเป็นประโยคยาว ๆ ค่ะ”

ชีวิตในวงการบันเทิงสอนอะไรให้แจมมากที่สุด?

“สอนให้เรามีความอดทน บางคนเห็นดาราหรือนักร้องที่มีผลงานไม่เท่าไหร่ ก็ดังค่าตัวหลายล้าน แต่จริง ๆ แล้วมันยากนะกว่าเขาจะถึงตรงนั้นได้ เขาต้องผ่านละครมากี่เรื่องที่เล่นแล้วคนไม่รู้จัก ร้องมากี่เพลงแต่ก็ยังไม่เกิดสักที คือคนข้างนอกจะมองว่าอาชีพนี้ได้เงินง่ายและเร็ว แต่จริง ๆ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ตัวหนูทำงานและเรียนไปด้วยตั้งแต่ ม.4 มันเป็นความรับผิดชอบที่เยอะเกินไปในวัยอย่างนั้น มันเหนื่อยมาก เป็นความกดดันและความรับผิดชอบที่เราต้องทำให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าเราเป็นนักร้องแล้ว ไม่เรียนแล้วกัน คือมันไม่ใช่ข้ออ้างในการใช้ชีวิต มันเหมือนเรามีภาระเพิ่มมากขึ้นมากกว่า ภาระทั้งกับตัวเอง ครอบครัวและแฟน ๆ ทุกคนที่คาดหวังจากตัวเรา มันเป็นความรับผิดชอบต่อคนที่เขานับถือเราอยู่ ดังนั้นความอดทนก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำงานในวงการค่ะ”

ความรักกับอ้วน-รังสิต ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ก็ดีค่ะ เรื่อย ๆ ไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก หนูก็พอใจแล้วกับที่มันเป็นอยู่ ตอนนี้หนูมีความสุขแล้ว ส่วนที่หลายคนมองว่าพี่อ้วนเจ้าชู้ คือเมื่อก่อนเขาเป็นยังไงหนูก็ไม่รู้ แต่ ณ ปัจจุบัน ถ้าใครได้รู้จักพี่เขา หนูว่าเขาไม่ใช่คนที่เจ้าชู้ อาจจะด้วยภาพลักษณ์ ลักษณะนิสัยที่เขาขี้เล่น ชอบหยอด บางทีก็ทำให้คนดูเจ้าชู้ได้ แต่ถ้าตัวตนจริง ๆ หนูว่าพี่เขาไม่เจ้าชู้เลยค่ะ ไม่มีเลยหรือหนูไม่รู้ก็ไม่รู้ จริง ๆ พี่เขาเป็นคนจริงจังกับตัวเองมาก ไม่ได้เป็นเหมือนที่คนอื่นรู้สึก หนูไว้ใจเขา จริง ๆ หนูคบเขามาแค่ 6 เดือน แต่ที่หนูไว้ใจในตัวเขา เพราะจากที่เราสัมผัส เรารู้สึกได้จากคนรอบข้างเขา ไม่มีใครพูดไม่ดีถึงพี่อ้วนเลย เบื้องหลังพี่เขาเป็นยังไงหนูก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าเราจะคุยกับใครสักคน มันก็ต้องสบายใจ จากที่เขาปฏิบัติกับเรายังไง เราก็รู้สึกได้ว่ามันจริงใจ ตัวเองก็ไม่ควรมานั่งระแวงหรือจับผิดว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะถ้าเราคุยกับใครสักคน เราก็ต้องไว้ใจกัน ถ้าหากเขาออกลายเจ้าชู้ขึ้นมา จะมีวิธีจัดการยังไง ก็ต้องดูกันต่อไปค่ะ (หัวเราะ)”

เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาให้กัน มีวิธีเติมความหวานกันยังไงบ้าง?

“เราก็คุยกันทุกวันว่าพรุ่งนี้ไปไหน ทำอะไร เราจะรู้ตลอดเวลา พี่เขาจะคอยถามเราเสมอถึงไม่ได้เจอกัน แต่คู่เราไม่ใช่คู่ที่โรแมนติกเลย เป็นอะไรที่กลาง ๆ ไม่ได้ถึงขั้นหวานตลอดเวลา แต่เราก็ดูแลกันและกันมากกกว่า พี่เขาก็คอยดูแล ให้กำลังใจหนูในทุกเรื่อง เขาไม่ค่อยห่วงอะไรเรามากนะ เพราะเห็น ๆ กันอยู่ จะมีก็แต่ชอบบ่น ๆ ว่าเซ็กซี่นะ เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตชอบแต่งตัวโป๊นะ เป็นการแซวขำ ๆ กันมากกว่า เวลาที่ต้องแต่งตัวเซ็กซี่ จริง ๆ เราก็คุยกัน มันไม่ได้ตกลงเป็นกฎเกณฑ์หรอก แต่มันก็ต้องเข้าใจในหน้าที่การงานของแต่ละคนด้วย พี่เขาเองก็ไม่ได้ถึงกับห้ามเรา มันห้ามไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นการทำงานของหนู ดังนั้นต่างคนก็ต้องต่างคุยปรับความเข้าใจกัน เวลางานเขาก็จะไม่ว่า แต่จะมีบอกว่าดูแลตัวเองให้ดีหน่อยเวลาก้มหรือเงย ก็ให้เซฟ ๆ หน่อย”

ก่อนหน้านี้มักมีข่าวว่าเราชอบหึง ขี้งอน จริง ๆ เราขี้หึง ขี้งอนมั้ย?

“ไปถามพี่เขาได้เลย ตั้งแต่คุยกันมาเราไม่เคยหึงหรืองอนเลย หนูว่าเราคบกันด้วยความสบายใจ ไม่ได้ถึงขั้นห่างหรือติดกันมาก ต่างคนต่างอยู่สบาย ๆ มีช่องว่างให้กับตัวเอง แต่ก็เคารพกันและกัน พี่เขาเข้าใจในงานของหนู หนูเองก็เข้าใจพี่เขา เวลาที่เขาถ่ายละคร คู่กับนางเอกคนนั้น มันก็ไม่ใช่ว่าเราต้องตามหึง เราต่างคนต่างรู้ค่ะ อย่างเวลาที่พี่อ้วนกับแจมมีเรื่องไม่เข้าใจกัน เราก็จะคุยเลย พี่อ้วนเขาก็จะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเหมือนกัน เขารู้สึกโอเค หรือไม่เขาจะพูดเลย หรือเวลาที่เขาทำอะไร เขาก็จะบอกเลยว่าจะทำอย่างนี้นะ”

ณ วันนี้สิ่งที่ต้องปรับตัวเข้าหากันยังมีอีกมั้ย?

“หนูว่ามันก็ต้องปรับไปเรื่อย ๆ แหละค่ะ เพราะว่าระยะเวลาที่คบกันมันก็ยังน้อยอยู่ เราก็ต้องรู้จักกันไปเรื่อย ๆ ให้มากขึ้น เพราะยังมีหลายอย่างที่เรายังไม่จักกันดีพอ เราต้องให้ระยะเวลาพิสูจน์ ส่วนความคาดหวังกับความรักครั้งนี้ หนูไม่ได้คาดหวังมาก เพราะเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีอยู่แล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกล หรือคาดหวังอะไรมากกว่านี้”

สุดท้ายนิยามชีวิตรักที่มีความสุขในความคิดของแจมให้ฟังหน่อย?

“ถ้าเราเข้าใจ ทุกอย่างก็จบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าคน ๆ นี้ จะเป็นคนที่อารมณ์ร้อนหรือนิสัยยังไงก็แล้ว แต่ถ้าคนสองคนเข้าใจ ถ้าเรารู้จักปรับตัวเข้าหากัน คือถ้าเราเข้าใจในตัวเขาและยอมรับได้ มันก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

เรียกว่าเป็นอีกสาวที่มีมุมมองบวก ๆ ทั้งเรื่องงานและหัวใจ ยังไงก็ขอให้เธอสดใสทั้งการงานและความรักแบบนี้ตลอดไปนะจ๊ะ

...เบื้องหลังพี่เขาเป็นยังไงหนูก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าเราจะคุยกับใครสักคน มันก็ต้องสบายใจ จากที่เขาปฏิบัติกับเรายังไง เราก็รู้สึกได้ว่ามันจริงใจ ตัวเองก็ไม่ควรมานั่งระแวงหรือจับผิดว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะถ้าเราคุยกับใครสักคน เราก็ต้องไว้ใจกัน...”


แจม-ชรัฐฐา อิมราพร แจม-ชรัฐฐา อิมราพร


แจม-ชรัฐฐา อิมราพร แจม-ชรัฐฐา อิมราพร


แจม-ชรัฐฐา อิมราพร แจม-ชรัฐฐา อิมราพร


แจม-ชรัฐฐา อิมราพร แจม-ชรัฐฐา อิมราพร

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์